ตอนที่ 762 ก้าวข้ามยุคสมัย
ณ จักรวาลดั้งเดิม เป็นเวลาสามวันแล้วตั้งแต่ที่เยี่ยนอวี๋จากไป เป็นเวลาเกือบจะสองวันแล้วที่ต้าซือมิ่งไปตามภรรยา
เยี่ยนชิงผู้เป็นบิดาคนนี้ร้อนใจมาก เขามาถามอินหลิวเฟิงแทบจะทุกๆ หนึ่งเค่อ “นายน้อยอิน มีความคืบหน้าหรือไม่”
“ท่านลุงเยี่ยน ไม่มีจริงๆ ขอรับ หากมีอะไร ข้าจะตะโกนออกมาทันทีแน่นอน” อินหลิวเฟิงตอบครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้ว
เยี่ยนชิงยังคงไม่วางใจ อยากจะถามอะไรอีก…
จางอวิ๋นเมิ่งทนดูต่อไปไม่ไหว “พี่ชิง หลิวเฟิงก็ไม่รู้รายละเอียดเช่นกัน เราเอาแต่รบกวนเขา มีแต่จะรบกวนสมาธิเขา”
“นั่นน่ะสิ ท่านพ่อ หรือไม่ให้ข้าพาท่านไปเดินเล่นที่ชิงชิว ท่านจะได้ไม่ต้องคอยกังวล นั่งก็นั่งไม่ได้ นอนก็นอนไม่หลับ” เยี่ยนจื่อเสาที่กลับมาจากชิงชิวแล้ว เขาก็เป็นห่วงท่านพ่อจากใจจริง
สุดท้ายไม่ต้องพูดก็รู้ว่า…
เพียะ
เยี่ยนชิงตบศีรษะของบุตรชายคนเล็กอย่างไม่ไว้หน้า พร้อมกับด่าว่า “เล่นๆ ๆ เจ้ารู้จักแต่เล่นอย่างเดียว ตอนนี้ไม่รู้ว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เป็นอย่างไรแล้ว มีแต่เจ้าที่ยังมีใจคิดจะเล่น”
“ไม่ใช่นะ…” เยี่ยนจื่อเสาที่นวดศีรษะเบาๆ บอกว่า “ก็ท่านเอาแต่ถามอยู่ที่นี่ มันใช่เรื่องเสียที่ไหนเล่า อีกอย่างน้องเขยตามไปแล้วมิใช่หรือ”
เยี่ยนชิงถลึงตามองบุตรชายคนเล็กอย่างเข้มงวด เขาโบกมือเล็กน้อย คิดว่าถ้าไม่เห็นก็ไม่นึกถึง เขาพูดขึ้นว่า “อยากไปเจ้าก็ไปเอง ท่านพ่อเจ้าไม่มีเวลาว่างเช่นนั้น”
จางอวิ๋นเมิ่งทำท่าจะเกลี้ยกล่อมให้ ‘ตาแก่น้อย’ ที่ร้อนใจคนนี้ออกไปเดินเล่น เพื่อไม่ให้เขาตึงเครียดเกินไป แต่จู่ๆ อินหลิวเฟิงกลับยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบ
เอ้อร์เหมาเห็นดังนั้นก็รู้ว่าต้องมีความเคลื่อนไหวอะไรแล้วแน่ๆ เขาจึงรีบไปหากู้จื่อเฟิงทันที
ในขณะเดียวกัน หยวนสื่อเทียนจุนที่กำลังพักผ่อนอยู่ในเรือนรับรองก็เร่งเดินทางมาถึง
ส่วนฝั่งเทียนตี้และเซ่าเฮ่า พวกเขาออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว คนหนึ่งจัดการสวรรค์เก้าชั้นฟ้า อีกคนหนึ่งไปสร้างแอตแลนใหม่ สองพี่น้องแบ่งงานกันได้ดีมาก
ในขณะที่รอกู้จื่อเฟิงและเอ้อร์เหมามาถึงกลุ่มสุดท้าย พวกเขาก็เห็นว่าตำแหน่งฐานค่ายกลเดิมที่เยี่ยนอวี๋พวกเขาจากไปปรากฏแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงจางๆ ออกมา
กู้จื่อเฟิงตาเป็นประกาย “ปฐมราชินีพวกเขาจะกลับมาแล้วหรือ”
“คงจะใช่” อินหลิวเฟิงที่ขยับตัวออกมาเล็กน้อย เขามั่นใจว่า “พวกเขาจะกลับมาแล้ว ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจากยุคคุนหลุนแล้ว”
“ดีจังเลย” ในที่สุดเยี่ยนชิงก็หน้าหายเศร้า เขากำลังปิดตาตนเองไว้
เยี่ยนจื่อเสาก็ดีใจมาก “ดีจังเลย ในที่สุดก็ไม่ต้องถูกท่านพ่อตีแล้ว”
จางอวิ๋นเหลียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เจ้านี่นะ…” เจ้ารู้แก่ใจว่าท่านพ่อเจ้าร้อนใจ ยังทำตัวน่ารำคาญต่อหน้าเขาทุกวัน ไม่ตีเจ้าแล้วจะตีใครเล่า เป็นเช่นนี้ตั้งแต่เล็ก โตแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
ทว่าเยี่ยนจื่อเสาจอมซื่อบื้อกลับไม่คิดว่าตนเองทำตัวน่ารำคาญเลย เขายังคิดว่าตนเองเป็นลูกที่ใส่ใจ ครานี้ยังพูดอย่างมีความสุขว่า “ท่านแม่ รอเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กลับมาแล้ว เราก็จะได้กลับสำนักชางอู๋ และร่วมทานอาหารพร้อมหน้ากันแล้ว”
คำพูดนี้… ทำให้เยี่ยนชิงที่พยายามกลั้นสุดฤทธิ์น้ำตาแตกสำเร็จ
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ เฝ้ารอ และคาดหวังมาตลอดชีวิต บัดนี้มันค่อยๆ เป็นจริงทีละเรื่อง เยี่ยนชิงอดกอดภรรยาอันเป็นที่รักไว้ไม่ได้ “เมิ่งเอ๋อร์…” ข้าเยี่ยนชิงมีดีอะไรถึงได้ไร้ทุกข์ไร้ความเสียใจในชีวิตนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะเขามีลูกสาวที่ดี เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์…
“พอแล้วๆ ” จางอวิ๋นเมิ่งที่ตบหลังของสามีเบาๆ อันที่จริงนางก็น้ำตาซึม เพราะว่านี่ก็เป็นสิ่งที่นางปรารถนามาโดยตลอดเช่นกัน
แต่แล้ว… กู้จื่อเฟิงจำเป็นต้องพูดขึ้นว่า “ทุกท่านอย่าเพิ่งดีใจ สถานการณ์อาจจะยังไม่ค่อยดีนัก”
เยี่ยนจื่อเสา “…”
เขาเตรียมจะร้องไห้อยู่เลย แต่กู้จื่อเฟิงพูดถูก เหมือนกับว่าสถานการณ์ยังไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าในเหตุการณ์ปรากฏเพียงกลิ่นอายของเยี่ยนอวี๋ แต่กลับไม่มีคลื่นความเคลื่อนไหวมิติอื่นๆ เลย
ถึงอย่างไรเยี่ยนอวี๋และพรรคพวกก็ยังไม่กลับมาในยามนี้ ส่วนกลิ่นอายที่ปรากฏขึ้นในจักรวาลดั้งเดิมในยามนี้ เกิดขึ้นเพราะนางกำลังสังหารอวิ๋นเหลียนจากถ้ำวิมานของอวิ๋นเหลียนที่อยู่ตรงกับตำแหน่งจักรวาลดั้งเดิม
ส่วนอวิ๋นเหลียน นางย่อมไม่ยอมตายจากไปเช่นนี้ นางกำลังโจมตีแสงสีม่วงของเยี่ยนอวี๋ที่กักขังนางไว้อย่างสุดชีวิต
“แตก”
“ข้าบอกให้แตกซะ”
“แตกสิ…”
อวิ๋นเหลียนที่โจมตีรอบทิศอย่างรุนแรง นางสิ้นหวังเมื่อพบว่าการโจมตีทั้งหมดของนางไร้ผล นางไม่สามารถทำอะไรกับแสงรอบตัวได้เลย
แต่ว่า… เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เล่า?
อวิ๋นเหลียนที่ไม่รู้เลยว่าเหตุใดตนเองจึงเดินมาจุดๆ นี้ได้ นางเริ่มวิตก
“ให้ตายเถอะ”
“เยี่ยนอวี๋ เจ้าออกมา”
“ข้าบอกให้เจ้าออกมา…”
อวิ๋นเหลียนที่ตะโกนไม่หยุดหวังว่าจะได้เจอเยี่ยนอวี๋เพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีทางที่เยี่ยนอวี๋จะสนใจนาง เพราะนางกำลังยุ่ง
เยี่ยนอวี๋กำลัง ‘รวบรวม’ พลังทั้งหมดของอวิ๋นเหลียนที่อยู่ในคุนหลุนสิบสองชั้นสวรรค์เข้าไปในร่างแยกเหล่านั้นของอวิ๋นเหลียน เพื่อสะดวกต่อการทำลายนางครั้งสุดท้าย
อวิ๋นเหลียนที่สัมผัสถึงอันตรายถึงแก่ชีวิตได้จางๆ คลุ้มคลั่งยิ่งขึ้น “เยี่ยนอวี๋ ข้ารู้ว่าคือเจ้า เจ้าออกมาสิ เจ้าลอบทำร้ายข้าได้ แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าข้ารึ?”
“ออกมา”
“ข้าบอกให้ออกมา…”
อวิ๋นเหลียนที่ตะโกนไม่หยุดไม่สามารถดึงดูดความสนใจใดๆ ของเยี่ยนอวี๋ได้เลย กลับกลายเป็นว่าทำให้เด็กน้อยไม่พอใจ เขาที่มีโสตสัมผัสที่ไวต่อความรู้สึกลุกนั่งขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “พ่อ คนเลวเสียงดัง จัดการ”
“ปล่อยให้นางดีดดิ้นอีกสักครู่” ต้าซือมิ่งที่สงบนิ่งยังคงนอนบนตักของภรรยา อย่าให้พูดว่าสบายใจแค่ไหน
เยี่ยนเสี่ยวเป่าทำหน้าบึ้งตึง “โมโห”
“หายใจเข้าลึกๆ” ต้าซือมิ่งที่ลูบเด็กน้อยอารมณ์ดีมาก
ทว่า…
“นังโจร”
“เยี่ยนอวี๋เจ้ามัน…”
เพียะ
อวิ๋นเหลียนที่เพิ่งด่าว่าถูกตบหน้าทันที
เยี่ยนเสี่ยวเป่ากะพริบตามองท่านพ่อของเขา “ตี?” พ่อตีนางหรือขอรับ
ต้าซือมิ่งที่หรี่ตาลงเล็กน้อยเหมือนกับเสือดาวดุร้ายพูดว่า “ปากเหม็นจริงๆ ”
“ใช่ ตี” เยี่ยนเสี่ยวเป่ากำหมัดน้อยๆ แน่นอย่างเกลียดชังและเคียดแค้น
อวิ๋นเหลียนในครานี้ นางถูกตบจนล้มลงกับพื้น นางหยุดตะโกนแล้ว เพราะว่านางรู้สึกกลัว
แต่นางยังคงไม่ยอมตายใจ ดังนั้นนางยังตะโกนในใจว่า ให้ตายเถอะ เจ้าแซ่หรงคนนั้นอีกแล้ว เขาอีกแล้ว เขาเป็นคนทำแผนข้าพังหมดจริงๆ ด้วย แต่ความทรงจำของเขายังซับซ้อนเช่นนั้น แล้ว… ยังแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้ำวิมานของข้าซ่อนไว้ลึกลับเช่นนี้ ค่ายกลสกัดกั้นมิติที่สร้างไว้ก็ลึกลับมาก เขาพบได้อย่างไรกัน
อวิ๋นเหลียนคิดไม่ออกและนางก็ไม่มีโอกาสได้คิดแล้ว เพราะว่าเยี่ยนอวี๋ลงมือขั้นสุดท้ายสำเร็จแล้ว
ดังนั้น…
“สิ้นสลาย”
เยี่ยนอวี๋ที่เอ่ยปากลืมตาขึ้นอีกครั้ง มันเป็นดวงตาสีม่วงเข้มไร้ที่สิ้นสุดคู่หนึ่งราวกับภาพจำลองจักรวาล ในดวงตาคู่นั้นมีลำดับต้นกำเนิดที่มิอาจคาดเดาได้ในการทำลายอวิ๋นเหลียน
เพียงแค่ครู่หนึ่ง
อวิ๋นเหลียนรู้สึกเหมือนกับถูกชำแหละจากข้างในสู่ข้างนอก
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้นางรู้ว่านางพ่ายแพ้แล้วจริงๆ และยังแพ้อย่างสิ้นเชิง เพราะว่าเยี่ยนอวี๋สร้างกฎสังหารนางได้ก่อน เดิมทีนี่คือแผนการที่นางวางไว้อย่างดี สุดท้ายกลับถูกใช้กับตัวนางเอง
แต่ว่า…
“เพราะอะไร”
อวิ๋นเหลียนยังคงไม่เข้าใจ เพราะว่าที่นี่คือยุคคุนหลุนนี่ นี่ควรจะเป็นถิ่นของนางอวิ๋นเหลียน
แม้เยี่ยนอวี๋จะรู้แผนการของนางและทำการ ‘คัดลอก’ ตามหลักแล้วก็ไม่สามารถทำสำเร็จได้
เพราะว่าสำหรับนางแล้วการสร้างกฎนั้นง่ายดายมาก แต่สำหรับเยี่ยนอวี๋แล้วเท่ากับถูกจำกัดด้วยยุคสมัย แม้เยี่ยนอวี๋รู้แจ้งถึงกฎของยุคนี้ก็ยากที่จะทำสำเร็จ
แต่ผลลัพธ์กลับคือ… เยี่ยนอวี๋ทำได้แล้ว และยังเร็วจนอวิ๋นเหลียนไม่ทันตั้งตัวได้
ดังนั้นสวรรค์สิบสองชั้นสวรรค์ที่มีภูเขาถงซานเป็นศูนย์กลางเต็มไปด้วยแสงสีเลือดที่ไหลซึม
เพราะว่าครานี้อวิ๋นเหลียนร่วงหล่นอย่างสมบูรณ์แล้วจริงๆ
ฉิวซาไห่ตกใจกับฉากนี้มาก “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“มิทราบ” ฉิวหลงผู้ชราจำเป็นต้องพูดว่า “ข้ามีชีวิตอยู่มายี่สิบล้านปี ไม่เคยเห็นภาพเช่นวันนี้เลย ท่านทำถูกแล้วที่ตัดสินใจอพยพสำนักถงซานทันที”
ชั่วขณะที่ภูเขาถงซานระเบิดออก เหล่าผู้อาวุโสสำนักถงซานพาศิษย์ชั้นยอดจากไปแล้ว
เหล่าผู้ดูแลสำนักถงซานในครานี้ก็กำลังอพยพนักฝึกฌานทั่วไปและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ส่วนภูเขาถงซานหลายเป็นแสงสีเลือดเข้มยิ่งกว่าเดิมภายใต้การประจักษ์ของฉิวซาไห่และฉิวหลง
ตูม
เมื่อคุนหลุนสิบสองชั้นสวรรค์เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ยุคของอวิ๋นเหลียนก็สิ้นสุดลง
คุนหลุนสวรรค์สิบสองชั้นฟ้าไร้ซึ่งกลิ่นอายของอวิ๋นเหลียนอีกต่อไป
ท้องฟ้ายังคงมีสีแดง แต่กลับไม่มีผู้ใดเศร้าเสียใจ เพราะว่าไม่มีผู้ใดรู้ว่านี่ถึงจะหมายถึงอวิ๋นเหลียน ปฐมราชินีของพวกเขาร่วงหล่นอย่างแท้จริง
ดังนั้นอวิ๋นเหลียนจึงสิ้นสลายไปอย่างง่ายดาย
ทว่า… เยี่ยนอวี๋ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของภูเขาถงซานกลับเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เหมือนกับมองไปในความว่างเปล่า เพราะว่านางพบว่าอวิ๋นเหลียนที่ถูกนางทำลาย ยังไม่ ‘สมบูรณ์’ เพียงพอ
************************