ตอนที่ 763 กำจัด!
และเยี่ยนอวี๋ก็สัมผัสได้ถูกต้องด้วย เพราะว่ามีกลิ่นอายจางๆ ของอวิ๋นเหลียนหนีไปจักรวาลดั้งเดิมแล้วจริงๆ
ฟิ้ว
กลิ่นอายที่หลงเหลือของอวิ๋นเหลียนที่กลายเป็นแสงสีแดงทันทีที่ปรากฎขึ้นก็ปรากฎขึ้นข้างหน้าหยวนสื่อเทียนจุนพวกเขา ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าหยวนสื่อเทียนจุนยังคงรู้สึกถึงความผิดปกติ เขากระตุ้นค่ายกลที่เยี่ยนอวี๋สร้างไว้ในบริเวณถ้ำวิมานตั้งแต่แรกทันที
แสงส่งออกมาจากค่ายกลดัง หึ่ง
มันดักแสงสีแดงที่กำลังจะหนีออกจากถ้ำวิมานของเยี่ยนอวี๋ไว้ได้ตามคาด
ตูม
อวิ๋นเหลียนที่เจอของยากเข้าให้ก็กลับคืนร่างเดิมด้วยค่ายกลของหยวนสื่อเทียนจุน กลายเป็นร่างเงาอวิ๋นเหลียน
“บัดซบ”
อินหลิวเฟิงที่ไล่ตามออกมาตะโกนว่า “อวิ๋นเหลียน เจ้าอีกแล้ว”
“อวิ๋นเศษสวะ?” เอ้อร์เหมาและกู้จื่อเฟิงตามมาถึง
หยวนสื่อเทียนจุนรวบรวมค่ายกลกักขังกลิ่นอายที่หลงเหลือของอวิ๋นเหลียนไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้นางหนีออกไป
แต่แล้ว… อวิ๋นเหลียนกลับหัวเราะ “ฮ่าๆ ๆ ๆ พวกเจ้าคิดว่าจับกลิ่นอายที่หลงเหลือนี้ของข้าได้ก็จะสำเร็จรึ”
“อย่างน้อยก็ไม่ได้ล้มเหลว” อินหลิวเฟิงตอบโต้กลับทันที
อวิ๋นเหลียนจุก สีหน้าขรึมลงเล็กน้อย เพราะว่าอินหลิวเฟิงพูดถูก แต่นางยังคงยิ้มเย็นชาพูดว่า “พวกเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงแต่ยังไม่กลัวตาย รู้แต่จะเป็นศัตรูกับข้า”
“แล้วเจ้าไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกเรามาโดยตลอดหรือ หากเจ้าไม่เล่นงานพวกข้าก่อน พวกข้าจะสนใจเจ้ารึ” อินหลิวเฟิงรู้สึกว่าอวิ๋นเหลียนคนนี้สมองกลวงจริงๆ คุยกันไม่รู้เรื่องเลย
ทว่าครานี้อวิ๋นเหลียนไม่จุก นางเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้าสำเร็จตั้งแต่ที่ข้ามาถึงที่นี่แล้ว แม้พวกเจ้าจะจับกลิ่นอายที่หลงเหลือของข้านี้ไว้ได้ก็ตาม ก็แค่ทำให้ข้าต้องใช้เวลาฟื้นฟูตนเองนานขึ้นอีกเล็กน้อย”
คำพูดนี้… อันที่จริงก็ถูกต้อง สำหรับอวิ๋นเหลียนแล้ว ตราบใดที่กลิ่นอายที่หลงเหลือของร่างจริงของนางหนีออกมาจากยุคคุนหลุนได้ นางก็จะสามารถค่อยๆ ฟื้นฟูวิญญาณที่หลงเหลือที่นางทิ้งไว้ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าตั้งแต่แรกได้ ดังนั้นแม้นางจะถูกจับ แต่นางกลับไม่ได้โมโหเช่นนั้น และยังพูดช่มขู่ได้อย่างกำเริบเสิบสาน
ที่น่าเสียดายคือ… เยี่ยนอวี๋มาอีกแล้ว
“อวิ๋นเหลียน”
เยี่ยนอวี๋ที่เอ่ยขึ้น เสียงของนางไพเราะดั่งเสียงดนตรี น้ำเสียงไพเราะดุจสายลำธาร นางมาอีกแล้ว
ทำเอาอวิ๋นเหลียนตกใจ นางไม่กลัวหยวนสื่อเทียนจุนพวกเขา แต่กลับกลัวเยี่ยนอวี๋มาก
มิหนำซ้ำทันทีที่เสียงของเยี่ยนอวี๋ดังขึ้นก็มาพร้อมพลังสังหารอวิ๋นเหลียน “ตายซะ”
เมื่อสิ้นเสียง แสงสีม่วงเข้มทะลุผ่านอวิ๋นเหลียน คร่าชีวิตของนาง
ไม่เพียงเท่านี้…
แสงสีม่วงที่หายไปเงียบๆ ในทันที มันก็กำจัดแผนการทั้งหมดที่อวิ๋นเหลียนสร้างไว้ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าทีละตนเหมือนกับที่สังหารอวิ๋นเหลียนในยุคคุนหลุน
การดำเนินการที่เป็นระเบียบมีแบบแผนนั้น… ทำเอาอวิ๋นเหลียนที่ยังไม่สลายไปหมดร้องไห้ “เยี่ยนอวี๋ เจ้าทำได้อย่างไร? ทั้งๆ ที่เจ้าเหมือนกับข้า ถูกจำกัดด้วยยุคสมัย โอ๊ย…”
เสียง ‘โอ๊ย’ เสียงนี้กลายเป็นเสียงสุดท้ายของอวิ๋นเหลียน ก่อนที่นางจะได้แสดงความไม่พอใจ นางก็หายไปอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจนตายนางก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยนอวี๋นอกจากจะสามารถสังหารนางในยุคคุนหลุนได้ นางยังสามารถสังหารนางข้ามยุคได้อีกด้วย
เพราะว่านางคิดว่าเยี่ยนอวี๋สร้างกฎการสังหารนางใหม่ในยุคคุนหลุน และกฎใหม่นี้ตามหลักแล้วไม่สามารถข้ามยุคมาสังหารนางในสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้
แต่นางกลับไม่รู้ว่า… เยี่ยนอวี๋ล้มเลิกการสร้างกฎใดๆ ไปแล้ว นางเกาะสองพ่อลูกไว้ตลอดเพื่อสัมผัสลำดับต้นกำเนิดที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า
ดังนั้น สำหรับเยี่ยนอวี๋แล้ว ยุคสมัยไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป
ดังนั้น เมื่อเยี่ยนอวี๋แน่ใจว่ากลิ่นอายที่หลงเหลือของอวิ๋นเหลียนหนีไป นางก็จะสามารถไล่ฆ่าและกำจัดทิ้งได้
ดังนั้น อวิ๋นเหลียนจึงตายอย่างสมเกียรติ
…
หลังจากที่พลังของเยี่ยนอวี๋สังหารอวิ๋นเหลียนแล้วก็ค่อยๆ สลายไปจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ทำเอาเยี่ยนชิงร้อนรน “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงยังไม่กลับมา”
“เร็วๆ นี้เจ้าค่ะ” พลังของเยี่ยนอวี๋สลายสิ้น ยังหาเวลาตอบท่านพ่อของนาง กลัวว่าท่านพ่อของนางจะร้องไห้เพราะไม่ได้รับการตอบสนอง
เยี่ยนชิงที่ได้รับคำตอบ เขาก็ดีใจ “ดี ดี พ่อรอนะ เจ้ารีบๆ ล่ะ อย่าให้พ่อรอนาน…”
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ตอบอะไรอีก เพราะนางเก็บ ‘สายตา’ กลับมาแล้ว
แต่แสงสีม่วงเข้มที่แต่เดิมปรากฎอยู่บริเวณ ‘ซากปรักหักพัง’ กลับยังไม่สลายไป
เยี่ยนชิงวางใจลง “เห็นทีเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จะกลับมาเร็วๆ นี้แล้วจริงๆ ”
“ใช่” จางอวิ๋นเมิ่งลุกขึ้น “ข้าไปทำอาหาร ประเดี๋ยวเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์พวกเขากลับมาจะได้กินได้เลย โดยเฉพาะเสี่ยวเป่า พวกเขายุ่งเช่นนี้ ต้องไม่มีเวลาทำอาหารให้เสี่ยวเป่ากินแน่ๆ”
“ใช่ๆๆ เสี่ยวเป่าของเราคงหิวจนผอมโซแล้ว” เยี่ยนชิงพูดพลางรู้สึกสงสาร เหมือนกับเห็นภาพเด็กน้อยที่ตัวหดเล็กลง
หารู้ไม่ว่า… นอกจากเยี่ยนเสี่ยวเป่าจะไม่ผอมลงแล้ว เขายังอ้วนขึ้นด้วย และยังสูงขึ้นด้วย ครานี้กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่เลย
“เนะ”
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกท่านพ่อวางลงบนพื้น เขาก็รู้ว่าขยับตัวได้แล้วจึงวิ่งไปดูข้าวของเขา
ข้าวต้มที่ต้มจนเละหม้อหนึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ทำเอาเด็กน้อยอยากกินจนร้องไม่หยุด “หม่ำ ป้อนเป่า หม่ำ”
“ป้อนจ๊ะป้อน ป้อนเดี๋ยวนี้เลย ใจเย็นๆ” จิ่วอิงที่กลายร่างเป็นร่างเดิมและตักข้าวต้มเสร็จแล้ว มันก็หิ้วเด็กน้อยขึ้นมานั่งบนศีรษะข้างหนึ่งของมัน จากนั้นมันก็เริ่มใช้ศีรษะข้างหนึ่งถือถ้วย ศีรษะอีกเจ็ดข้างสลับกันป้อน กลัวจะไม่ทัน
หง่ำ… เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ได้ทานข้าวเอร็ดอร่อยอย่างพึงพอใจแล้ว เขาก็กินคำแล้วคำเล่าไม่หยุด ความเร็วนั่น…
ทำเอาเม่ยเอ๋อร์ที่เห็นดังนั้นคิดว่างานป้อนข้าวนี่ตอนนี้นางคงทำไม่ได้จริงๆ นายน้อยกินเร็วมาก
ในขณะที่จิ่วอิงป้อนเด็กน้อยในครานี้ ต้าซือมิ่งยังนอนบนตักของภรรยาและกำลังมองนางอยู่
เยี่ยนอวี๋ที่ตื่นแล้ว นางก็ก้มมองชายตรงหน้า เห็นใบหน้าผ่อนคลาย ดวงตากำลังยิ้มก็รู้สึกหวานฉ่ำในใจ
“เสร็จแล้วหรือ” เขาถาม
เยี่ยนอวี๋พยักหน้า “เสร็จ…”
นางที่ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ ก็รู้สึกถึงกลิ่นคาวในลำคอ
จากนั้น…
เอื้อก
เลือดสดขนานหนึ่งพุ่งออกมาจากปากของเยี่ยนอวี๋โดยที่นางเองก็ไม่คาดคิด สาดโดนใบหน้าของสามีนาง ย้อมใบหน้าของสามีนางเป็นสีแดง
หรงอี้ที่แววตาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง รีบลุกขึ้นมากอดภรรยาเข้ามาในอ้อมอก ในขณะเดียวกันก็จับข้อมือของภรรยาไว้และเริ่มตรวจอาการของภรรยาอย่างระมัดระวัง
————————