ตอนที่ 768 ปิดท้าย
“เหมียว?” เรื่องแค่นี้หรือ
เจ้าเหมียวสีขาวเกาหู วางใจลงไม่น้อย ก็แค่ส่งจดหมายให้เองนี่ คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีกเหมียว…
แต่ว่า เจ้าเหมียวสีขาวที่จำเป็นต้องส่ายศีรษะพูดว่า “เหมียวๆๆ…” ข้าทำไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่ากลับไปอย่างไร ที่นี่ไม่ใช่ว่านอวี้นี่นาเหมียว ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนเหมียว…
ต้าซือมิ่งที่หรี่ตาลง เขามองเสี่ยวไป๋เงียบๆ
จากนั้น เจ้าเหมียวสีขาวที่ส่ายศีรษะเสร็จมันก็ลังเลครู่หนึ่ง “เหมียว?” เช่นนั้นข้าลองดู?
ต้าซือมิ่งพยักหน้าก่อนจะเริ่มเขียนคำเชิญงานแต่งงานและส่งให้เจ้าเหมียว
เจ้าเหมียวสีขาวกลืนคำเชิญลงไป จากนั้นก็ร้อง “เหมียวๆๆ” บอกว่าไม่รับรองว่าจะสำเร็จนะเหมียว
“ไปเถอะ” ต้าซือมิ่งโบกมือโดยไม่ลังเล
เจ้าเหมียวสีขาวโอ้เอ้อยู่ครู่หนึ่ง ยังคงร้อง “เหมียวๆๆ” ไม่ยอมไป
ต้าซือมิ่งจึงแกล้งเทียนตี้ “ท้องพระคลังตำหนักสวรรค์มีทรัพย์สมบัติไม่น้อย”
“เหมียว” เจ้าเหมียวสีขาวที่ดีอกดีใจวิ่งออกไปทันที…
เทียนตี้ที่กำลังรายงานสถานการณ์ล่าสุดของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เขาก็ ฮัดเช่ย ฮัดเช่ย สองครั้งทันที รู้สึกประหลาดใจ “ใครกำลังด่าข้านะ”
เทียนตี้ที่หันไปมองเจ้าตัวน้อยด้วยสัญชาติญาณกำลังสงสัยว่าท่านเสี่ยวเป่าไม่พอใจเขา เพราะว่าเมื่อคืนเขาแย่งข้าวต้มของเจ้าตัวน้อยกิน คงแค้นฝังใจแน่ๆ
“เนะ?” เจ้าตัวน้อยที่ถูกมองทำหน้าใสซื่อ
เทียนตี้จึงมองกลับมาและรายงานต่อไป รู้สึกว่าตนเองเป็นคนใจแคบเกินไป
เมื่อเยี่ยนอวี๋ฟังจบและพาเด็กน้อยและสามีของนางกลับโลกมนุษย์ เทียนตี้ยังคงรู้สึก ‘ลอยละล่อง’ เขารู้สึกว่าไม่ค่อยสบายใจอย่างไรไม่รู้
…
และในขณะนี้ ต้าซือมิ่งที่ทำความชั่วไม่ประสงค์ออกนามก็ลงไปโลกมนุษย์พร้อมภรรยาแล้ว
อินสวินอี้ที่กำลังจัดการกิจการเมืองอยู่นั้น เขากำลังอ่านฎีกา ทำงานอย่างหนัก และยังไม่ลืมบ่นถึง “หลิวเฟิงเจ้าหมอนี่ ขึ้นสวรรค์ก็ลอยหายไปเลย ไม่รู้จักกลับมาช่วยสักเล็กน้อย ตูยุ่งจะตายแล้ว”
“ฝ่าบาท ท่านต้องแทนตนเองว่าเราพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าผู้ดูแลคนหนึ่งเตือนจริงจัง
อินสวินอี้ตบโต๊ะทันที “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตอนเจ้า”
“ข้าน้อยไม่เป็นหัวหน้าผู้ดูแลก็ได้พ่ะย่ะค่ะ…” ต้าเหมากล่าว อันที่จริงเขาอยากไปเป็นหัวหน้าองครักษ์มากกว่า สง่าจะตาย หัวหน้าผู้ดูแลอะไรนี่ไม่ควรเป็นเขาผู้แข็งแกร่งทรงพลังเช่นนี้เลย เสียดายความสามารถหมด
ดูซานเหมาเขาสิ… สง่าจะตาย ทั้งๆ ที่เขาควรเป็นหัวหน้าองครักษ์รุ่น ‘เหมา’ เหตุใดงานสง่างดงามเช่นนั้นไม่มอบให้เขาทำ ควรให้ซานเหมามาเป็นหัวหน้าผู้ดูแลตำหนักฝ่ายในมากกว่า หรือไม่ก็เสี่ยวเหมาก็ได้
อินสวินอี้ที่ฟังออกถึงความไม่เต็มใจของต้าเหมา เขาก็เงยหน้าขึ้น ครั้นกำลังจะตำหนิองครักษ์ประจำตัวที่ไม่ตระหนักรู้คนนี้ ทว่า… เขาเห็นอะไรเข้านะ?
“ต้าเหมา เจ้าดูสิว่าข้างหน้าเจ้าคือผู้ใด”
“ขันทีน่ะสิ…” ต้าเหมาบอกว่าไม่ต้องดูก็รู้ว่าฝ่าบาทเอาขันทีมาข่มขู่เขาอีกแล้ว
คำพูดนี้… เอ้อร์เหมาได้ยินก็ไม่พอใจ “ต้าเหมาเจ้าน่ะสิขันที เจ้ากล้าพูดว่านายน้อยคือขันทีรึ สาปแช่งให้ท่านอ๋องไม่มีทายาทหรือไง เจ้า…” เหมือนกับว่าจะสาปสำเร็จแล้ว?
จู่ๆ เอ้อร์เหมาก็ไม่กล้าพูดต่อไป
แต่ว่าอินสวินอี้ทิ้งฎีกาในมือลุกขึ้นมาแล้ว ทว่าเขายังคงมั่นคงดั่งขิงเก่าร้อนกว่าขิงใหม่ เขายังคงคารวะเยี่ยนอวี๋พวกเขาก่อน “ต้าซือมิ่ง ปฐมราชินีเยี่ยน ท่านเสี่ยวเป่า พวกท่านลงมาต้าซางของเราแล้วหรือ”
“ใช้ได้นี่ท่านพ่อ เห็นข้าแล้วยังไม่ดีใจจนลืมหลงระเริง บัลลังก์ช่วยขัดเกลาคนได้จริงๆ ด้วย ดูสิขัดเกลาท่านจนเป็นคนหนักแน่นเช่นนี้” อินหลิวเฟิงขึ้นไปตบท่านพ่อเขาเบาๆ ยังคง ‘ตอบโต้’ ท่านพ่อเขาเช่นเมื่อก่อน
อินสวินอี้ที่ทนไม่ไหวทันที เขาต่อยบุตรชายซุกซนคนนี้ทีหนึ่ง “เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าคิดว่าเจ้าขึ้นสวรรค์แล้ว ข้าก็ต่อยเจ้าไม่ได้แล้วหรือ”
“ก็แน่นอนสิ หมัดของท่านต่อยลงมา ตอนนี้ข้าไม่รู้สึกเจ็บเลย” อินหลิวเฟิงพูดท้าทายวอนหาเรื่อง
เยี่ยนอวี๋พูดขึ้นว่า “อินอ๋อง ข้ายืมกระบี่ไท่ชางท่านหน่อยได้หรือไม่”
“ไม่นะ” อินหลิวเฟิงที่จู่ๆ ขี้ขลาดขึ้นมาห่อเหี่ยวทันที “นายท่าน ท่านเรียนรู้สิ่งไม่ดีจากท่านเสี่ยวเป่าแล้ว”
“อะไรนะ” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ถูกหาว่า ‘ไม่ดี’ เบิกตากว้าง
อินหลิวเฟิงหยิกเขาเบาๆ พูดว่า “พูดผิดน่ะ ฉลาดต่างหาก”
“╭(╯^╰)╮” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่น่ารักน่าชังส่งเสียงฮึเบาๆ ก่อนจะมองไปรอบทิศอย่างตื่นตาตื่นใจ ตอนนี้เขาสนใจสิ่งแวดล้อมที่ไม่รู้จักทั้งหมด
อินสวินอี้สั่งอย่างดีอกดีใจ “ต้าเหมา ยังยืนนิ่งอยู่ทำไม รีบไปเตรียมงานเลี้ยงรับรองแขกสิ”
“พ่ะย่ะค่ะ” ต้าเหมาที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นเดินจากไปอย่างน้อยอกน้อยใจ เขาเห็นแล้วว่าเขาเป็นคนที่มีชีวิตแย่ที่สุดในบรรดาพี่น้องรุ่น ‘เหมา’ เอ้อร์เหมาเองก็ดูสง่างามมากเช่นกัน
อินหลิวเฟิงที่เห็นต้าเหมาเป็นเช่นนี้ก็สนใจขึ้นมา “ท่านพ่อ ต้าเหมาเป็นอะไรไปน่ะ ท่านคงไม่ได้ตอนเขาไปเป็นหัวหน้าผู้ดูแลตำหนักฝ่ายในหรอกนะ”
จู่ๆ เอ้อร์เหมาก็รู้สึกเสียวระหว่างขาทันที เขาคัดค้านทันทีว่า “นายน้อย เรื่องนี้ท่านจะเลียนแบบท่านอ๋องไม่ได้นะ ไร้คุณธรรม”
“เจ้าหมอนี่” อินสวินอี้ตบศีรษะเอ้อร์เหมาทีหนึ่ง “ไปช่วยต้าเหมา”
“ไม่ได้ นายน้อยจะมีเรื่องรายงานท่าน ข้าน้อยต้องจับตามอง หากท่านถูกกรอกหู ข้าน้อยจะได้ป้องกันตนเองได้” เอ้อร์เหมายืนหยัดไม่ไป
อินสวินอี้หัวเราะ “ก็ได้ งั้นเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าหมอนี่จะได้ไม่โกหกข้า” เหตุใดเขาต้องจัดองครักษ์ซื่อตรงแบบนี้ให้บุตรชายน่ะหรือ จุดประสงค์ก็อยู่ตรงนี้นี่ไง
เยี่ยนอวี่เห็นสองพ่อลูกยังมีเรื่องจะคุยกันจึงพูดขึ้นว่า “พวกท่านคุยกันก่อน เราไปเดินเล่นข้างนอก”
อินสวินอี้กลับพูดว่า “ท่านรอประเดี๋ยว”
“อืม?” เยี่ยนอวี๋สงสัย
อินสวินอี้รายงานทันทีว่า “มีเรื่องหนึ่ง ข้าเพิ่งส่งโทรจิตไปให้ทางชางอู๋ นับเวลาแล้วน่าจะเพิ่งถึงชางอู๋พอดี ยังไม่ถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ท่านน่าจะยังไม่ทราบ
แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ก็บอกท่านไว้ก่อนจะดีกว่า เจ้าคนนั้น กู้หยวนซูน่ะ ก่อนหน้านี้ไม่นานถูกพบเป็นศพเน่าเปื่อย ตอนที่ข้าสั่งคนไปฝัง คนข้างล่างรายงานว่ากระดูกสลายไปแล้ว แบบว่า… สูญเสียดวงจิตแบบนั้นน่ะ”
“เรื่องเมื่อครึ่งปีก่อน?” เยี่ยนอวี๋ถาม
“ใช่ ท่านรู้หรือ?” อินสวินอี้งุนงงเล็กน้อย “ชัดเจนเช่นนี้เลยหรือ”
อินหลิวเฟิงรู้ความใน “เรื่องนี้พูดแล้วยาว นายท่านเชิญท่านตามสบาย ข้าจะเล่าให้ท่านพ่อฟังเอง”
“ก็ดี” เยี่ยนอวี๋หยักหน้า “ข้าจะไปดูที่ที่นางอาศัยตอนมีชีวิตอยู่”
“เช่นนั้นให้ซานเหมาพาท่านไป” อินสวินอี้พูดพลางให้ขันทีน้อยพาซานเหมามา ในขณะเดียวกันก็อธิบายว่า “ตั้งแต่ที่ชุนซิ่นจวินจากไป ที่ที่นางอยู่ก็ไม่มีคนดูแล ไม่เช่นนั้นศพก็คงไม่เน่าเปื่อยเช่นนี้แล้วยังไม่มีผู้ใดพบเห็น ถือว่ากรรมตามสนองจริงๆ”
“ท่านอ๋องอย่าพูดเหลวไหล ชุนซิ่นจวินยังดีอยู่เลย เขาอยู่บนตำหนักสวรรค์น่ะ” เอ้อร์เหมารีบพูดทันที
“อะไรนะ” อินสวินอี้ไม่เข้าใจ
เอ้อร์เหมาเล่าเรื่องที่อดเล่าไม่ได้เกี่ยวกับ ‘ชุนซิ่นจวิน’ และนายน้อยของพวกเขาอย่างหมดเปลือกให้อินสวินอี้ฟัง
ถึงอย่างไรตอนที่เยี่ยนอวี๋พวกเขาจากไป เอ้อร์เหมาก็ยังพูดไม่จบ
อินหลิวเฟิงล้มเลิกความคิดที่จะปกป้องตนเองแล้ว…
เยี่ยนอวี๋ไม่ได้นั่งรถลาก เพราะว่าเด็กน้อยชอบความครึกครื้นมาก ครานี้จึงเดินเล่นบนถนนใหญ่ตามที่เขาต้องการ
“อ้ะ”
“อ้ะเนะ”
“อ้ะ…”
เจ้าตัวเล็กที่ชอบความครึกครื้นมากจริงๆ เขาก็ถูกดึงดูดด้วยการแสดงเล่นกล ส่งเสียงร้องตลอดทาง ทำเอาสายตาทุกคู่มองมาที่เขา
หากไม่ใช่เพราะต้าซือมิ่ง ‘แปลง’ โฉมหน้าของพวกเขาทั้งครอบครัวแล้ว เกรงว่าทุกคนคงมามุงดู พวกเขาก็คงไม่ต้องไปไหนแล้ว
เยี่ยนอวี๋ลูบผมอ่อนสีเขียวของเด็กน้อยเบาๆ “ครานี้ไม่มองของกินแล้ว โตแล้วจริงๆ”
“อิ่ม…” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หาเวลามาตอบบอกว่า เป่าไม่หิว
เยี่ยนอวี๋หยิกเด็กน้อยเบาๆ อยากจะพูดว่าปกติเจ้าไม่หิวก็ยังอยากกินนี่ คงรังเกียจของกินเหล่านี้ไม่อร่อยสินะ รสนิยมสูงแล้ว
พวกเขาเดินเล่นเช่นนี้ประมาณหนึ่งชั่วยาม ทั้งครอบครัวก็มาถึงที่หมาย
เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เริ่มรู้สึกง่วงถามว่า “ไป๋ล่ะ” เจ้าตัวเล็กที่ชอบกอดเจ้าเหมียวสีขาวนอน ครานี้เห็นเสี่ยวไป๋เป็น ‘ป้า’ ไปแล้วจริงๆ
“ไปขโมยกินแล้ว” ต้าซือมิ่งตอบด้วยสีหน้าแน่นิ่ง
เยี่ยนเสี่ยวเป่าขยี้ตา “กลับมา เมื่อไหร่”
“เมื่อเจ้าตื่น” ต้าซือมิ่งที่ตบหลังของเด็กน้อยเบาๆ เขากล่อมเด็กน้อยเป็นจริงๆ เขาตบเด็กน้อยจนเขารู้สึกง่วงจะหลับแล้ว
เยี่ยนอวี๋เดินสำรวจจวนที่กู้หยวนซูอยู่เสร็จแล้ว “ไม่มีอะไรหลงเหลือจริงๆ”
“พลังของอวิ๋นเหลียนหายไปหมดแล้ว จริงๆ ก็ไม่ต้องพะวงอะไรอีก” หรงอี้รู้แต่แรก แค่มายืนยันเป็นเพื่อนภรรยาอีกรอบ
ทั้งสองรู้แก่ใจว่ากู้หยวนซูก็คือหมากตัวแรกที่อวิ๋นเหลียนเตรียมการไว้ในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนอวี๋ย้อนยุคกลับไปสังหารอวิ๋นเหลียนและร่างแยกของนางทั้งหมด พลังของกู้หยวนซูที่ผ่านการกลับชาติมาเกิดหลายชาติก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูความทรงจำและความสามารถของอวิ๋นเหลียน
บัดนี้กู้หยวนซูสิ้นสลายแล้ว แสดงว่าอวิ๋นเหลียนปฐมราชินีผู้สร้างที่ควรจะเป็นผู้ที่สรรพชีวิตเคารพบูชาทั้งสองยุคสมัย ในที่สุดก็ร่วงหล่นอย่างสมบูรณ์
เยี่ยนอวี๋ทอดถอนใจ “ข้าก็ควรปล่อยวางสวรรค์เก้าชั้นฟ้าแล้ว”
คำพูดนี้ทำให้ต้าซือมิ่งขมวดคิ้วเป็นปม “เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์เจ้า…”
“หลังงานแต่งงาน ประกาศสู่ภายนอกว่าข้าก็ร่วงหล่นเถอะ จักรวาลดั้งเดิมควรเป็นส่วนหนึ่งของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ผสานกับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ” เยี่ยนอวี๋มีแผนการในใจ
และแผนการนี้ของนางทำให้ต้าซือมิ่งที่เดิมทีเป็นกังวลผ่อนคลายลง “ก็ได้ ให้เทียนตี้เจ้าหมอนั่นทำงานหนักหน่อย ยุ่งเรื่องวังหลังให้น้อยหน่อย”
เยี่ยนอวี๋ยิ้มเบาๆ “เช่นนั้นต่อไปเราไปอยู่บ้านเจ้า บ้านเจ้าอยู่ไหนหรือ”
ต้าซือมิ่งที่จูบภรรยาเบาๆ กลับตอบว่า “ภรรยาอยู่ที่ไหน บ้านก็อยู่ที่นั่น”
คำตอบนี้หวานจนเยี่ยนอวี๋อยากจะจูบเขาอีกที
แต่ว่า… เทียนตี้มาแล้ว “อาจารย์ แย่แล้ว”
*******************