ตอนที่ 775 หรงจอมเผด็จการ อวี๋หล่อระเบิด (อวสาน 5 จุดพีค)
เสียงนี้… เยือกเย็นเฉียบคมดังไปทั่วทั้งทะเลสาบสือซ่าไห่
ทำให้เทพมากมายรวมถึงเทียนตี้ที่กำลังสู้รบอยู่ในทะเลสาบสือซ่าไห่งงงัน
“นายท่านกำลังเรียกใครหรือ”
“ไม่รู้สิ”
“กำลังเรียกสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาเหล่านี้หรือไม่นะ…”
ซีหวังหมู่ เทพอัสนีและเทพขุนเขาทั้งสิบสององค์มองไปที่เทียนตี้ด้วยสัญชาติญาณ
เทียนตี้กลับไม่ได้ตอบในทันที เขาเองก็ไม่รู้ เขากำลังสัมผัสทะเลสาบสือซ่าไห่ พยายามค้นหาสิ่งมีชีวิตที่กำลังถูกอาจารย์ของเขาเรียกออกมา
แต่เทียนตี้พบว่าทั่วทั้งทะเลสาบสือซ่าไห่ นอกจากสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่กลืนกินโดยสัญชาติญาณแล้วก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่ผิดปกติและทรงพลังแล้วนี่?
เซ่าเฮ่าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน…
แต่เขารู้ว่า นายท่านไม่ยิงธนูโดยไม่มีเป้า
นี่จึงแสดงให้เห็นได้เพียงว่าบุคคลที่นายท่านกำลังร้องท้าทายท่านนี้ เขาไม่สามารถรู้สึกถึงได้เลย เทียนตี้ก็เช่นกัน
และบุคคลท่านนี้ เกรงว่าก็คือผู้ที่ปล่อยสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาเหล่านี้ออกมา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เซ่าเฮ่ามองเทียนตี้อย่างเคร่งขรึม ฝ่ายหลังพยักหน้าอยากรู้สึกได้เช่นเดียวกัน และแจ้งเตือนเหล่าทวยเทพอื่นๆ ด้วยโทรจิต “ระวังตัวด้วย”
เหล่าทวยเทพระวังตัว แต่ว่า…
หลังจากผ่านไปนาน นอกจากสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว เหล่าทวยเทพยังคงมิอาจรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติใดๆ เลย
เยี่ยนอวี๋เองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นางเอาแต่จ้องมองท้องฟ้าเหนือทะเลสาบสือซ่าไห่
“เนะ?”
เจ้าตัวน้อยที่ตามท่านพ่อมานานแล้ว เขาไม่รู้ว่าท่านแม่ของเขากำลังดูอะไร เพราะว่าเขาเองก็มองตามไปสักพักหนึ่งแล้ว แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย ดังนั้นเด็กน้อยที่ไม่เข้าใจก็มองท่านพ่อเขาถามว่า “ดู อะไรหรือ”
“คนสารเลว” หรงอี้ที่ตอบเสร็จแล้วก็เดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
และเขาเพิ่งจะก้าวออกไป… เยี่ยนอวี๋ก็รู้สึกถึงอย่างชัดเจนว่าท้องฟ้าเหนือทะเลสาบสือซ่าไห่สั่นไหว
เทียนตี้เองก็รู้สึกถึงแล้ว “มาแล้ว”
ซีหวังหมู่กระโดดขึ้นมาทันที “ไหน”โนเวลพีดีเอฟ
เซ่าเฮ่าเงยหน้ามองท้องฟ้า…
ซีหวังหมู่มองตามขึ้นไป
จากนั้น… เทพอัสนีและสิบสองเทพขุนเขาก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
แต่ ‘บุคคล’ ยังไม่เปิดเผยใบหน้า เหมือนกับว่ายังอยากซ่อนตัวต่อไป
ทว่า… ต้าซือมิ่งพูดขึ้นแล้วว่า “ออกมา”
หึ่ง
ในขณะที่เยี่ยนอวี๋กำลังแผ่พลังจิตสัมผัส กลิ่นอายลึกลับมิอาจคาดเดาได้บดขยี้ท้องฟ้าเหนือทะเลสาบสือซ่าไห่พร้อมเสียงที่ดังขึ้นของสามีนาง ทำให้วังวนเลือนรางนั่นเกิดเป็นระลอกคลื่น
“อ้ะ” เด็กน้อยร้องขึ้น เหมือนกับว่าจะเห็นอะไร แต่กลับพูดว่า “อะไรหรือ ยัง ยังไม่ออกมา เป่า มอง ไม่เห็น”
เยี่ยนอวี๋ที่ยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กน้อยอยากจะบอกว่าอันที่จริงแม่ก็มองไม่เห็น แต่คำพูดในใจนี้นางยังไม่ได้พูดออกมา สามีของนางก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ปู่จิ่ว ขึ้นไป” หรงอี้ที่เอ่ยขึ้นเบาๆ เล่นไพ่ใบใหญ่ที่สุดใบหนึ่งทันที
จิ่วอิงในครานี้ มันเองก็อยู่ที่ทะเลสาบสือซ่าไห่ แต่มันขดตัวนอนอยู่ใกล้ๆ ไข่ใบยักษ์ คอยจับสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่พยายามเข้าใกล้เหล่านั้นแทนเซ่าเฮ่า
ทันทีที่มันได้ยินเสียงเรียกก็บินขึ้นมาทันที “ได้เลย”
ซีหวังหมู่เบี่ยงเบนความสนใจไปที่จิ่วอิงทันที
อุแว้
จิ่วอิงที่ระเบิดตัวตนที่แท้จริงออกมาอย่างรวดเร็ว มันมาพร้อม ‘เสียงร้องของทารก’ อันแปลกประหลาด ทำให้เทพฝั่งเยี่ยนอวี๋ทั้งหมด และมารที่อยู่ในทะเลสาบสือซ่าไห่ขนลุกขนชัน
จิ่วอิงในครานี้… มันพุ่งเข้าไปในศูนย์กลางของวังวนที่อยู่เหนือทะเลสาบสือซ่าไห่
เห็นได้ว่าจิ่วอิงไม่เหมือนกับเทียนตี้พวกเขา มันรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งนี้แล้ว ดังนั้นมันจึงลงมือได้อย่างแม่นยำในบัดนี้
ไม่สิ พูดให้ถูกต้องคือมันรู้กระทั่งว่าการมีอยู่นี้มีเจ้าลูกเจี๊ยบเป็นเป้าหมาย ดังนั้นทันทีที่มันมาถึงทะเลสาบสือซ่าไห่ก็เฝ้าลูกเจี๊ยบแทนเซ่าเฮ่า
บัดนี้…
“ไสหัวออกมาซะ” จิ่วอิงที่ปริปากก็เปล่งเสียงทารกออกมา มันปลดปล่อยพลังดุร้ายเต็มที่ที่ไม่เหมือนใครของราชาแห่งจิ่วอิง ทำให้ท้องฟ้าทั้งทะเลสาบสือซ่าไห่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงทันที
หวีด
กากา
อุแว้ๆๆ
เสียงกรีดร้อง เสียงผีสางร้องโหยหวนและเสียงร้องไห้อันน่าขนลุกดังก้องไปทั่วทั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ทั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและสามแดนได้ยินเสียงที่ปล่อยออกมาสุดพลังของจิ่วอิง แม้แต่เยี่ยนชิงพวกเขาที่ยังอยู่จักรวาลดั้งเดิมก็ได้ยินแล้ว
พลังการกดขี่และผนึกของสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาใดๆ สำหรับจิ่วอิงแล้วล้วนไร้ผล
ดังนั้น…
ท้องฟ้าเหนือทะเลสาบสือซ่าไห่ที่ถูกย้อมด้วยพลังความดุร้ายเป็นสีแดง สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนไม่มีรูปร่าง แต่ก็เหมือนแมงกะพรุนตัวหนึ่งถูกจิ่วอิง ‘กระชาก’ ออกมาจาก ‘อากาศ’
“นี่มัน…” เทียนตี้ชะงัก เพราะว่าเขาไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตที่เหมือนจะมีแต่ก็ไม่มีตัวนี้เลย มันคือสิ่งมีชีวิตแบบไหนกันนะ ‘มัน’ ไม่มีแม้แต่พลังชีวิต?
แล้วเช่นนี้ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่?
หรือว่ามันนับได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่จริงๆ หรือ?
เทียนตี้ไม่รู้… เขาจึงนิ่งงัน แต่เยี่ยนอวี๋กลับรู้ว่า เจ้าสิ่งของ ‘ตัวนี้’ มีปัญญา และยังเก่าแก่มาก มีอายุมากกว่านาง ดังนั้นการก่อร่างสร้างตัวของมันไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ในโลกปัจจุบันรู้ได้
นอกจากนี้ เยี่ยนอวี๋ยังรู้ดีว่า… การโจมตีมันของสิ่งมีชีวิตใดๆ ในโลกปัจจุบันคงไร้ผล เหมือนกับที่พวกเขาโจมตีสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาเหล่านั้น เพราะว่าผู้สร้างสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาเหล่านี้ก็คือมัน ‘แมงกะพรุน’ ตรงหน้าตัวนี้
ไม่สิ หรือควรจะเรียกมันว่าราชาแห่งการทำลายล้าง
เยี่ยนอวี๋เดาว่าอวิ๋นเหลียนน่าจะรู้ว่ามีการดำรงอยู่ของราชาแห่งการทำลายล้าง กระทั่งสมรู้ร่วมคิดกับมัน
ดังนั้น… หยวนสื่อเทียนจุนที่เร่งเดินทางมาจากจักรวาลดั้งเดิม เขาก็เข้าใจทันที “ปฐมราชินี ที่อวิ๋นเหลียนเคยพูดว่าพวกเราจะเดือดร้อนหนัก คงหมายถึงบุคคลท่านนี้สินะ”
“ใช่แล้ว” เยี่ยนอวี๋พยักหน้า
เทียนตี้ที่ได้ยินดังนั้นก็เผยแววตาเคร่งขรึม กลิ่นอายรอบกายก็เปลี่ยนไปขรึมลงกว่าเดิม
นอกจากเขาแล้ว เทพอสูรโบราณที่มาจากจักรวาลดั้งเดิมทั้งหมดก็เผยสีหน้าคลุมเครือ
ทวยเทพที่เคยผ่านอะไรมามากมายรับรู้ได้ว่า ‘สิ่งดำรง’ ที่ถูกดึงออกมาต่อหน้าตนนี้คงจะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งปวง
และสิ่งดำรงนี้… ทำให้พวกมันไม่แน่ใจ เพราะว่าใครก็ไม่สามารถรู้สึกถึงการมีอยู่ของมันได้ ตกลงมันคือตัวบ้าอะไรกันแน่
หากจิ่วอิงไม่ได้กระชากมันออกมา พวกเขาคงไม่มีวันรู้ว่าท้องฟ้าเหนือทะเลสาบสือซ่าไห่มีตัวเช่นนี้อยู่
ความรู้สึกเช่นนี้… ทำให้พวกเขาเงียบงัน บรรยากาศก็เคร่งเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะว่าสิ่งดำรงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต่างจากศัตรูทั้งหมดที่พวกเขาเคยเจอก่อนหน้านี้
ทว่า… เยี่ยนอวี๋ปริปาก “ตั้งสติให้ดี”
เหล่าเทพคำรามตอบด้วยสัญชาติญาณทันที “ขอรับ นายท่าน”
จากนั้นทุกคนก็พบว่า ความรู้สึกซึมเศร้าที่เกิดขึ้นอย่างประหลาดเมื่อครู่นี้ผิดปกติไปหน่อย
“เจ้าหมอนี่ใช้พลังจิตใจควบคุมเรา” เทียนตี้เอ่ยขึ้นมาเป็นคนแรก
ซีหวังหมู่พยักหน้า “ตั้งจิตให้ดี”
“ฮึ…”
เสียงหัวเราะเบาและยาวกลับดังขึ้นจากแมงกะพรุนผู้ทำลายโลก
ทวยเทพที่ได้ยินรู้สึกใจสั่น ได้รับผลกระทบรุนแรงมาก
แม้แต่เทียนตี้ก็ไม่ยกเว้น สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ได้การแล้ว เพราะว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องลงมือก็สามารถทำให้พวกเขายอมแพ้ได้
การรับรู้เช่นนี้ทำให้เทียนตี้กระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์ทันที เขาสวมชุดเกราะที่ได้มาจากเยี่ยนอวี๋
แต่แล้ว…
“เปล่าประโยชน์” แมงกะพรุนทำลายโลกพูดขึ้น
เห็นได้ชัดว่า ‘มัน’ ที่รู้ลูกไม้ของเทียนตี้เอ่ยขึ้นว่า “ข้าคือสิ่งดำรงที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในจักรวาลแห่งนี้ เก่าแก่กว่าที่พวกเจ้าคิดไว้มาก
ตั้งแต่ก่อนจะมีอวิ๋นเหลียน ข้าได้เห็นการล้มหายตายจากของสิ่งมีชีวิตในแต่ละยุคนับไม่ถ้วน แน่นอนว่า ข้าเองก็ได้เห็นการกำเนิดของสิ่งมีชีวิตในแต่ละยุคนับไม่ถ้วน รวมถึงการกำเนิดของผู้สร้างแต่ละยุคมากมาย
ทว่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดาหรือว่าจะเป็นผู้สร้างโลกล้วนหนีความตายไม่ได้ โลกไม่ได้เป็นนิรันดร์ สิ่งต่างๆ ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป สุดท้ายแล้วพวกเจ้าก็ต้องตาย เหตุใดจึงต้องดิ้นรนต่อสู้ นี่คือชะตากรรมของพวกเจ้า”
“เหลวไหล” คำพูดนี้…
ไม่ใช่เทียนตี้เป็นคนด่า แม้เขาอยากจะด่าเช่นนี้จริงๆ ก็ตาม แต่คืออาจารย์ของเขา… เยี่ยนอวี๋ชิงด่าก่อน
เยี่ยนอวี๋ที่นานๆ ทีจะพูดคำหยาบคาย นางเผยสีหน้าโมโห มองแมงกะพรุนตรงหน้า “หากไม่มีเจ้า ย่อมไม่มีการสิ้นสลาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะฝีมือของเจ้า”
“โง่เขลา” แมงกะพรุนทำลายโลกที่เคลื่อนไหวตัวช้าๆ ไม่ได้ดิ้นรนออกจากการพันธนาการของจิ่วอิง หรือบางทีมันไม่เห็นการ ‘จับตัว’ ของจิ่วอิงอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
ในความเป็นจริง มันก็ไม่สนใจจริงๆ…
มันพูดขึ้นว่า “สิ่งมีชีวิตทั้งจักรวาลย่อมมีค่าคงที่ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผู้ฝึกฌานเลื่อนขั้นและเกิดขึ้นอย่างไร้ขอบเขต เมื่อพลังชีวิตหมดลง การเสื่อมถอย ล่มสลาย หายสาบสูญของผู้ฝึกฌานเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อสสารสิ้นสุด สิ่งมีชีวิตธรรมดาย่อมพินาศไปโดยธรรมชาติ
การกระทำของข้าเป็นเพียงการเลื่อนกระบวนการนี้ให้เกิดขึ้นเร็วขึ้น และเป็นการปกป้องจักรวาลแห่งนี้ไม่ให้มันถูกทำลายโดยสมบูรณ์เมื่อถึงกระบวนการสุดขั้ว ซึ่งจะต้องใช้เวลานานมากเพื่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ใหม่อีกครั้ง”
คำพูดนี้… มีบางส่วนที่เป็นความจริง เยี่ยนอวี๋รู้ แต่นางยิ้มหยันพูดขึ้นว่า “ราชาแห่งการทำลายล้าง ข้าขอเรียกท่านเช่นนี้ก่อนแล้วกัน คำพูดของเจ้าโกหกอวิ๋นเหลียนน่ะพอใช้ได้ แต่เจ้าคิดว่าข้าก็จะเชื่อหรือ
จุดประสงค์ที่แท้จริงของเจ้าก็แค่ต้องการรักษาการดำรงของตนเองให้คงอยู่นิรันดร์ เพราะว่าเมื่อจักรวาลไปถึงจุดสุดขั้วที่เจ้าพูด เจ้าก็จะพังทลายลงเช่นกัน เจ้าจะจมดิ่งสู่ความโกลาหล”
“ฮึๆ…” ราชาแห่งการทำลายล้างหัวเราะอีกครั้ง ยังคงหัวเราะอย่างไม่ไยดีและเย้ยหยันว่า “สาวน้อย ข้ายอมรับว่าเจ้าฉลาดกว่าอวิ๋นเหลียนจริงๆ อีกทั้งเจ้ายังมีสามีที่ดีคนหนึ่ง เขาทำให้เจ้ารู้แจ้งได้มากขึ้นกว่าเดิม และทำให้เจ้ายืนอยู่บนจุดที่สูงกว่าเดิม
แต่ว่าเจ้าก็แค่ฉลาดกว่าอวิ๋นเหลียนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าไม่รู้เลยว่าจุดจบของจักรวาลก็คือการกลับสู่ความโกลาหล ซึ่งก็คือความไร้ระเบียบ และข้า ไม่ใช่ราชาแห่งการทำลายล้าง ข้าคือราชาแห่งความไร้ระเบียบ
เมื่อกฎระเบียบพังทลายและหายไป นั่นจึงจะเป็นใต้หล้าของข้า สภาวะที่ข้าชอบมากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าเมื่อใด ข้า… ราชาแห่งความไร้ระเบียบคือผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาล แต่เจ้าไม่ใช่ สามีของเจ้าก็ไม่ใช่”
คำพูดนี้… เยี่ยนอวี๋ได้ยินแล้ว แต่กลับทำให้นางยิ้ม และยังยิ้มออกมาจากใจจริง “ดังนั้นนี่ก็คือจุดประสงค์ของเจ้า ทำลายโลกที่มีระเบียบเพียงเพื่อความสบายตัวของตน ไม่สิ บางทีข้าจะเดาเช่นนี้ก็ได้ จักรวาลที่มีระเบียบในตอนสุดท้ายจะทำให้เจ้าหายไปอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเจ้าจึงนั่งไม่ติด”
คำพูดนี้… ดูเหมือนว่าจะจี้โดนจุดของราชาแห่งความไร้ระเบียบ ทำให้เขาปล่อยรังสีที่ไม่รู้จักออกมา “ไร้สาระ สาวน้อย ข้าราชาแห่งความไร้ระเบียบไม่มีทางหายไป ส่วนเจ้าและลูกกระจ๊อกของเจ้าจะเริ่มหายไปตั้งแต่ตอนนี้”
“เช่นนั้นก็ลองดูว่าใครจะหายไปก่อน” เยี่ยนอวี๋เอ่ยขึ้นอย่างสงบ ความโมโหที่เผยในดวงตาหายไปแล้ว ในที่สุดก็มั่นใจ ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้นางยังไม่มั่นใจ
แต่ตอนนี้… นางมั่นใจว่าการคาดเดาของนางถูกต้อง
สิ่งดำรงที่เรียกตนเองว่าราชาแห่งความไร้ระเบียบนี้ มันหายไปได้
ไม่ว่าการหายไปนี้จะเป็นเพียงการหายไปของปัญญา ยังคงมีความเป็นไปได้อย่างอื่น สำหรับเยี่ยนอวี๋แล้วล้วนไม่สำคัญ
สิ่งที่สำคัญคือ… ตราบใดที่มันหายไปได้ นางก็จะมีโอกาสชนะ วิกฤตสวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็จะได้รับการแก้ไข
ส่วนเรื่องที่ว่าจะทำให้ราชาแห่งความไร้ระเบียบหายไปอย่างไรนั้น… เยี่ยนอวี๋เชื่อว่าต้องมีวิธีแน่นอน
ตราบใดที่มีวิธี นางเชื่อว่านางสามารถหาวิธีได้และกำจัดราชาแห่งความไร้ระเบียบ
แต่แล้ว…
“ฮึ”
ราชาแห่งความไร้ระเบียบยิ้มหยันอีกครั้ง “สาวน้อย เจ้ามันช่างโง่เขลา เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือความสิ้นหวัง”
เมื่อสิ้นเสียง… ราชาแห่งความไร้ระเบียบเริ่มโจมตีทันทีโดยไม่รอปฏิกิริยาของเยี่ยนอวี๋
กรี๊ด
เสียงกรีดร้องคมชัดและแปลกประหลาดแทงทะลุออกมาจากร่างกายของราชาแห่งความไร้ระเบียบ
ตูม
ตูม ตูม…
สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาทั้งหมด รวมถึงสิ่งมีชีวิต ‘มีปัญญา’ ขนาดยักษ์ที่รุมอินหลิวเฟิงและคนอื่นๆระเบิด
เมือกสีเขียวดำนับไม่ถ้วนพ่นออกมากลางอากาศ มันยังกลายเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเสียงของราชาแห่งความไร้ระเบียบ มันขยายคลื่นเสียงนี้ไปยังทั่วทุกมุมของสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและสามโลก
แต่นี่ยังไม่ใช่จุดสูงสุด…
สิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริงคือ…
กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด…
เมื่อเสียงของราชาแห่งความไร้ระเบียบดังก้องไปทั่วทั้งสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและสามโลก
ตูม
ตูม…
สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดกลายเป็นสิ่งมีชีวิตทรงร่มและสิ่งมีชีวิตที่มีรูปทรงที่แปลกประหลาดเหล่านั้น
ไม่ว่าก่อนหน้านี้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะเป็นคน อสูร หรือผี หรือแม้แต่เทพ พวกเขาทั้งหมด ‘แปรสภาพ’ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาทันทีที่คลื่นเสียงทะลุผ่านจิตเหนือสำนึกของพวกเขา
ไม่เพียงเท่านี้…
กรี๊ด กรี๊ด…
คลื่นเสียงปีศาจของราชาแห่งความไร้ระเบียบยังกัดกร่อนทวยเทพบรรพกาลทุกองค์รวมถึงเทียนตี้และเหล่าขุนเขาและท้องทะเล ทำให้พวกเขาเริ่มโปร่งใสในระดับที่แตกต่างกันในพริบตา
เรื่องนี้ทำให้หยวนสื่อเทียนจุนที่เนื้อตัวเริ่มโปร่งใสเช่นกันรู้สึกหวาดกลัว “แย่แล้ว นายท่าน มันกำลังจะบิดเบือนรูปแบบชีวิตของพวกเรา พวกเรา… อึก…”
หยวนสื่อเทียนจุนที่พูดจนถึงตอนท้ายแล้วไม่สามารถพูดชัดเจนได้รู้สึกสะพรึงกลัว เขาถึงกับรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจิตเหนือสำนึกของเขากำลังหายไป ในหัวเหลือเพียงเสียงสะท้อนก้องดัง ‘หึ่งๆ’ แต่เขากลับไม่สามารถควบคุมตนเองได้
และเรื่องนี้… เห็นได้ชัดว่าคือพลังที่ยิ่งใหญ่ของราชาแห่งความไร้ระเบียบ
เสียงของมันสามารถรบกวนจิตใจของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้ ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดกลายเป็นร่างแห่งความโกลาหล
เกรงว่านี่จึงจะเป็นสาเหตุที่แท้จริงของทวยเทพบรรพกาลที่ต้องอาคม
เพราะว่าจักรวาลนี้เริ่มต้นจากความไร้ระเบียบจนมีระเบียบ ความไร้ระเบียบคือจุดเริ่มต้นของจักรวาล คือพลังดั้งเดิมของโลกใบนี้ มันย่อมส่งผลกระทบต่อการเกิด การเติบโต และการมีชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิตใดๆในจักรวาลแห่งนี้ รวมถึงเยี่ยนอวี๋
ดังนั้น…
กรี๊ด
จิตเหนือสำนึกของเยี่ยนอวี๋ในครานี้เองก็มีเสียงของราชาแห่งความไร้ระเบียบดังสะท้อนอยู่ข้างใน
แม้แต่เจ้าตัวน้อย เขาปิดหูตนเองไว้อย่างโมโห เห็นได้ชัดว่าได้รับผลกระทบเช่นนี้
มีเพียงต้าซือมิ่งที่ไม่ถูกกระทบเลย แต่มีแสงมืดที่ไม่อาจคาดเดาได้ในดวงตาสีม่วงของเขา
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นเอง
“ไสหัวไปซะ”
เสียงดุดันเยือกเย็นและชัดเจนของเยี่ยนอวี๋ซึ่งเป็นเสียงของธรรมชาติอย่างแท้จริงดังขึ้นจากปากของนาง
ไม่เพียงเท่านี้…
ตูม
สิ่งที่ปรากฏขึ้นตามมาคือภูเขาและลำธาร ดวงจันทราและเหล่าขุนเขาและท้องทะเลที่ปรากฎขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในจักรวาลสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
จิ่วเฟิ่งผู้อยู่ระดับเดียวกับซีหวังหมู่และเทพอัสนี
หวีด
มันปรากฏขึ้นแล้ว
ม้าเฉิงหวงผู้เป็นตัวแทนของความอมตะ
กรร
มันก็ปรากฏขึ้นแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้… ม้าฮวนซูที่เป็นตัวแทนของความรวดเร็ว
มันปรากฏขึ้นข้างกายเยี่ยนอวี๋กลางอากาศ สีสันสดใสเปล่งประกายทั่วท้องฟ้า เมฆเพลิงมากมาย
เมฆเพลิงเหล่านี้… ขณะที่พวกมันแผดเผาก็ปกคลุมเหล่าทวยเทพและเทียนตี้ที่โปร่งใสไว้ทุกคนอย่างรวดเร็ว ความเร็วของมันเร็วกว่าคลื่นเสียงของราชาแห่งความไร้ระเบียบที่ส่งผลต่อเทียนตี้พวกเขา
ที่สำคัญคือ…
เมฆเพลิงที่แผดเผาล้วนมีพลังลี้ลับ มันกำจัดคลื่นเสียงของราชาแห่งความไร้ระเบียบออกจากจิตเหนือสำนึกของเทียนตี้และทวยเทพอื่นๆ เหลือเพียงความชัดเจน
ไม่เพียงเท่านี้… ในขณะที่ม้าฮวนซูแผ่พลังปกคลุมไปทั่ว
จิ้งจอกเก้าหาง พยัคฆ์มังกร นกเฟิ่งหวง วานรจูเยี่ยน มนุษย์ม้าลายเสืออิงเจา เทพเทียนเสิน นกปี่อี้ เทพแห่งต้นไม้โกวหมาง อสูรผู้รู้แจ้ง นกขวงเหนี่ยว สุนัขสวรรค์
…
เทพอสูรขุนเขาและท้องทะเลใต้อาณัติเยี่ยนอวี๋กว่าหกร้อยตนกระจายอยู่ทั่วทุกสามอาณาจักร และคำรามอย่างสุดกำลังพร้อมเพรียงเพรียงกัน
ในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษที่เก่าแก่ที่สุดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เสียงคำรามของเหล่าขุนเขาและท้องทะเลโบราณก็เหมือนกับเสียงที่อยู่ในส่วนลึกของวิญญาณสิ่งมีชีวิตทั้งปวง มันเหมือนเสียงระฆังปลุกดังขึ้น ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่หลงทางและอยู่ในความโกลาหลตื่นทันที
ใช่แล้ว
ปลุกให้ตื่นด้วยการคำราม
สิ่งมีชีวิตที่ก่อนหน้านี้เพิ่งกลายสภาพเป็นความโกลาหล บัดนี้ตื่นเพราะเสียงคำราม
…
เมื่อเหล่าทวยเทพบรรพกาลถูกม้าฮวนซูชำระล้างจิตใจจนขาวสะอาด สิ่งมีชีวิตที่ถูกเสียงแห่งความโกลาหลของราชาแห่งความไร้ระเบียบเปลี่ยนแปลงไปก็กลับมากระจ่างใสอีกครา
ที่เยี่ยนอวี๋ไม่ได้ใช้ไพ่ตายสุดท้ายกลุ่มนี้ออกมาอย่างแท้จริงตั้งแต่แรกเป็นเพราะ… นางกำลังมอบพลังใหม่ให้พวกเขา นางเองก็เพิ่งรู้แจ้งถึง… ลำดับต้นกำเนิดของสามีและลูกของนาง
ดังนั้น… ม้าฮวนซูในยามนี้ไม่ใช่มันในแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว
เหล่าขุนเขาและท้องทะเลโบราณก็เช่นกัน
ดังนั้น…
“ไสหัวไปซะ”
เสียงของเยี่ยนอวี๋บดขยี้เสียงกรีดร้องของราชาแห่งความไร้ระเบียบจนแหลกสลายสมบูรณ์
โหมดอ่านต่อเนื่อง