เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน – ตอนที่ 780 สายเลือดต้นกำเนิดตระกูลหรง (อวสาน 10)

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

ตอนที่ 780 สายเลือดต้นกำเนิดตระกูลหรง (อวสาน 10)

เขาจับเด็กน้อยที่อยู่บนบ่าเบาๆ “ลูก”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ยังคงมองท่านแม่ตอบอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่า “อะ ไรหรือ”

“ปล่อยดอกไม้” หรงอี้ที่มองภรรยาอยู่เช่นกัน เขารู้สึกได้ว่าภรรยากำลังจดจ่อ

แต่เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่จับศีรษะตนเองบอกว่า “ดอกไม้ของเป่า จับไม่ได้นี่”

เด็กน้อยที่คิดว่าท่านพ่อให้ตนเองปล่อยดอกไม้ออกมาจับคนร้ายรู้สึกเศร้าเสียใจ เพราะว่าเมื่อครู่นี้ดอกไม้ของเขาจับคนร้ายไม่ได้ มีเพียงค้อนจิ๋วที่ตีคนร้ายได้ ดังนั้น… เยี่ยนเสี่ยวเป่าจึงพูดว่า “ใช้ค้อนเถอะ”

“ไม่ใช้ค้อน ปล่อยดอกไม้ออกมา พ่อช่วยเจ้าเอง”

“ก็ล่าย…”

เด็กน้อยที่ถอนหายใจเหมือนกับไม่มีทางเลือก เขาก็เริ่มเรียกดอกไม้ของเขา “เจ้าดอกไม้เอ๋ย…”

ฟริ้ง…

ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์รสหมาล่าที่บานสะพรั่งตอบสนองเด็กน้อยทุกครั้ง ทำให้เด็กน้อยเข้าใจผิด มันทำให้เขาคิดว่าดอกไม้จะออกมาเมื่อถูกเรียก แม้เหมือนกับว่าคิดเช่นนี้ก็ไม่ผิดอะไร แต่ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์รสหมาล่ามีจิตสำนึกของตนเองอย่างเห็นได้ชัด แม้เด็กน้อยไม่เรียก มันก็จะปกป้องเจ้านายด้วยสัญชาติญาณ และยังฟังคำสั่งของเยี่ยนอวี๋

ทว่าครานี้… หรงอี้ไม่ได้ต้องการจะสั่งดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์รสหมาล่า เขาสอนเด็กน้อยว่า “ให้ดอกไม้บานสะพรั่งไปทั่วทุกๆ ที่ที่เจ้าได้ยิน”

“หืม?” เยี่ยนเสี่ยวเป่าไม่ค่อยเข้าใจ

“หลับตา”

“ขอรับ…”

“คิด”

“ขอรับ…”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่หลับตาลงอย่างเชื่อฟัง เขาก็ได้ยินท่านพ่อเขาพูดว่า “ฟัง ฟังว่าน้องจวิ้นของเจ้าอยู่ที่ไหน”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เงี่ยหูอย่างตั้งใจ ย่อมจับกลิ่นอายของเทียนตี้ได้อย่างเฉลียวฉลาด เขาสั่งให้ดอกไม้บานสะพรั่งข้างกายเทียนตี้ทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ต้าซือมิ่งพูดสิ่งใดอีก

ทำเอาเทียนตี้ตกใจ “เสี่ยวเป่า?”

“เรียก พี่เป่า” เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่สามารถส่งโทรจติผ่านดอกไม้ได้ ดอกไม้ของเขาก็กำลังพูด

เทียนตี้มองดอกไม้สีม่วงอย่างพูดอะไรไม่ออก กลับพบว่ามีใบไม้สีเขียวและเถาวัลย์งอกเงยขึ้นพร้อมดอกไม้ไปทั่วสารทิศ ที่สำคัญคือใบไม้สีเขียวและเถาวัลย์ รวมถึงดอกไม้สีม่วงเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งเสริมพลังไท่สื่อที่เขาแผ่ซ่านออกมา

นี่มัน…

ขณะที่เทียนตี้ตกอยู่ในภวังค์

ฟริ้ง

ฟริ้งๆ …

ดอกไม้สีม่วงมากมายบานไปทั่วทะเลสาบสือซ่าไห่

เซ่าเฮ่าและจิ่วเฟิ่งรู้สึกเหมือนกับเทียนตี้ ส่วนตี้เซินที่แต่เดิมบาดเจ็บสาหัส เขาก็พบว่า… ใบไม้สีเขียวน้อยๆ ที่พันรอบตัวเขากำลังรักษาเขาอย่างเห็นได้ชัด?

ไม่เพียงแต่ตี้เซินที่รู้สึกเช่นนี้ เผ่ามารที่มีอาการบาดเจ็บก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

ทะเลสาบสือซ่าไห่ทั่วทั้งผืนกลายเป็นสีเขียว…

เกราะป้องกันมิติปริภูมิที่แต่เดิมแตกร้าวก็ถูกแสงสีเขียวและสีม่วงชั้นหนึ่งปกคลุม และเริ่มแสดงสัญญาณ ‘รักษา’

ภาพเช่นนี้ทำให้เฉิงหวงที่เฝ้าอยู่ข้างกายเด็กน้อยมาโดยตลอดรู้สึกตะลึง

ซูซูที่กลับมาอยู่ข้างกายสองพ่อลูก มันก็มองไปที่นายน้อยอย่างเหลือเชื่อ คิดไม่ถึงเลยว่าในร่างกายน้อยๆ ของนายน้อยซ่อนพลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไว้?

ทว่าเด็กน้อยในครานี้นอนหลับไปแล้ว เขาถูกท่านพ่อเขากล่อมอยู่ในอ้อมอก แต่กิ่งก้านสีเขียวและแสงสีม่วงเจิดจรัสเบ่งบานออกมาจากร่างกายน้อยๆ ของเด็กน้อยอย่างต่อเนื่อง บริเวณทะเลสาบสือซ่าไห่เต็มไปด้วยสีเขียวสดใสและสีม่วงงดงามโดยมีเด็กน้อยเป็นศูนย์กลาง

“นี่มัน…”

เฉิงหวงอดส่งเสียงขึ้นเบาๆ ไม่ได้ ช่างน่าตกตะลึงจริงๆ

ซูซูเองก็จ้องมองเด็กน้อย ดวงตากลมสุกใสของมันปรากฏความกังวลชัดเจน “เฉิงหวง เจ้าช่วยเสริมพลังให้นายน้อยหน่อย นายน้อยยังเด็กเช่นนี้ก็ต้องแบกรับเรื่องเช่นนี้เสียแล้ว ลำบากเขาเกินไปแล้ว”

“โอ้ ใช่ ได้เลย…” เฉิงหวงที่เพิ่งดึงสติกลับมาได้รีบถ่ายโอนพลังชีวิตให้เด็กน้อยอย่างต่อเนื่อง มันกำเนิดจากต้นกำเนิดชีวิตจึงมีอายุขัยไม่สิ้นสุด

การต่อสู้ระหว่างเทพและมารในอดีต หากไม่ใช่เพราะเฉิงหวงใช้พลังไปหมดและตายเพราะความเหนื่อยล้า เหล่าขุนเขาและท้องทะเลของเยี่ยนอวี๋คงไม่บาดเจ็บสาหัสกันเช่นนี้ เพราะว่ามันสามารถชุบชีวิตพี่น้องด้วยตนเอง

บัดนี้… แม้เฉิงหวงจะไม่ได้ลงสนามจริงในการต่อสู้ครั้งใหม่ แต่เยี่ยนอวี๋ให้มันอยู่ดูแลข้างกายสองพ่อลูก ซึ่งก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญของมันแล้ว

บัดนี้เมื่อเฉิงหวงถ่ายโอนพลังของตนเองเข้าไปในตัวของเด็กน้อย มันก็พบว่าพลังชีวิตของตนเองเหมือนสายน้ำที่ไหลสู่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่

ม้าเฉิงหวง “???”

มันกลายเป็นแค่สายน้ำ? นายน้อยเป็นมหาสมุทร? ดังนั้น… นายน้อยไม่ต้องการมันแม้แต่น้อย

ม้าเฉิงหวงลืมตาขึ้นอย่างงงงัน มันมองเสี่ยวซูซูเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “เหมือนกับว่านายน้อยจะเก่งกาจกว่าข้า พลังชีวิตในร่างกายของเขาพลุ่งพล่านมาก”

ซูซูได้ยินดังนั้นก็ชะงักงัน…

ทว่าต้าซือมิ่งในครานี้กำลังป้อนเด็กน้อยแล้ว แม้แต่ซูซูยังคิดได้ว่าต้องเสริมพลังให้เด็กน้อย เขาในฐานะที่เป็นพ่อคนหนึ่งย่อมไม่ลืมงานนี้

ดังนั้นราชาแห่งความไร้ระเบียบที่ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่อีกฝั่งหนึ่ง เขาก็เห็นว่า… ‘ศัตรู’ ของเขาหยิบขวดประหลาดใบหนึ่งออกมา ในขวดบรรจุเต็มไปของเหลวสีขาว และเริ่มป้อนเจ้าตัวน้อยที่มีพลังแปลกๆ นั่น

ส่วนเจ้าตัวน้อย… เขาย่อมกอดขวดของตนเองไว้และเริ่มดูดนมไม่หยุด

แน่นอนว่าด้วย ‘ระดับตบะ’ ของเขาในตอนนี้ สิ่งที่เขาดื่มย่อมไม่ใช่นมแพะหรือนมสัตว์อะไรแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาดื่มคือ ‘สารอาหาร’ ที่ท่านพ่อเขาเตรียมไว้ให้

อย่างไรก็ตาม มันทั้งหวานและหอม… ทำให้เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่แม้จะหลับไปแล้วก็ยังต้องดื่มนมด้วยสัญชาติญาณ

“จวินโฮ่ว…”

ม้าเฉิงหวงมองจวินโฮ่วของพวกมันอย่างพูดไม่ออก มันรู้สึกได้ว่าสิ่งที่นายน้อยดื่มนั้นเต็มไปด้วยพลังมากมายหลากหลาย

ม้าเฉิงหวงสงสัยว่านี่คือสารบริสุทธิ์ที่สกัดมาจากสมุนไพรสวรรค์โบราณหลากหลายประเภท ดังนั้นเหมือนกับว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้วจริงๆ แต่มันยังคงถ่ายโอนพลังชีวิตให้เด็กน้อย ไม่ได้หยุดเพราะรู้สึกด้อยค่า

แต่ว่า… ราชาแห่งความไร้ระเบียบทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อันที่จริงเขาทนไม่ไหวมาโดยตลอด เพียงแต่ว่าเขาทำอะไรไม่ได้เท่านั้นเอง พลังของเด็กน้อยส่งผลรุนแรงต่อเขาได้เพราะสายเลือดของท่านพ่อเขา นี่ก็เป็นเหตุผลที่มิติปริภูมิของทะเลสาบสือซ่าไห่ถูกเด็กน้อยเสถียรไว้ได้อย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำเด็กน้อยยังมีสายเลือดของเยี่ยนอวี๋ ดังนั้นนอกจากเขาจะสามารถต้านทานราชาแห่งความไร้ระเบียบได้ ยังไม่สามารถทำลายกฎระเบียบใดๆ ของสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ไม่เหมือนท่านพ่อของเขา…

เรื่องนี้ทำให้เซ่าเฮ่าที่กระจ่างถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว”

“คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะต้องอาศัยความช่วยเหลือของพี่เป่า” เทียนตี้รู้สึกซับซ้อน แต่เขาก็ยิ้มพูดว่า “พี่เป่าก็พี่เป่าเถอะ”

แต่ตี้เซินรับไม่ได้ “เช่นนั้นกระหม่อมต้องเรียกว่า ท่านลุงเป่า?”

พรวด จิ่วเฟิ่งหัวเราะ รู้สึกว่าโอรสคนนี้ของเทียนตี้ใช้ได้จริงๆ

“ฮึ” ราชาแห่งความไร้ระเบียบยิ้มชั่วร้าย เพราะว่าเขารู้สึกโมโหมากจึงยิ้มแปลกๆ

และเสียงหัวเราะของเขาทำให้ทวยเทพและสิ่งมีชีวิตทุกตนมองไปที่เขาทันที เทียนตี้พวกเขาก็เบี่ยงเบนความสนใจจากเด็กน้อยส่วนหนึ่งไปที่ตัวของเขา

แต่ราชาแห่งความไร้ระเบียบกลับกำลังมองต้าซือมิ่งด้วยสายตามืดมน “เจ้าคิดว่าเจ้าให้ลูกของเจ้าลงมือ ข้าก็จะไม่สามารถทำลายล้างโลกได้หรือ”

“…” หรงอี้ไม่ได้ตอบ เขากำลังเช็ดปากให้เด็กน้อยที่เพิ่งดื่มนมหมด

ท่าทางสง่างามเหมือนพ่อเลี้ยงที่ตั้งใจนั่นยั่วยุราชาแห่งความไร้ระเบียบโมโหได้สำเร็จ “หรงอี้ เจ้าดูแคลนข้าเกินไปแล้ว”

เมื่อพูดจบ เหมือนกับราชาแห่งความไร้ระเบียบต้องการพิสูจน์ตนเอง เขาได้เปลี่ยนแขนขาของตนเองกลายเป็นหนวดของแมงกระพรุนและฟาดตีไปรอบๆ อย่างรุนแรง

เพียะ

ปัง

ทุกๆ ที่ที่เขาฟาดลงไปแตกละเอียดทันที รอยแยกขนาดใหญ่มากมายพุ่งออกไปรอบทิศอย่างรุนแรง โดยมีราชาแห่งความไร้ระเบียบเป็นศูนย์กลาง ทำให้กิ่งก้านมากมายแตกสลาย แม้แต่เด็กน้อยก็ตกใจ

“อ้ะเนะ”

เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่ลุกพรวดตื่นขึ้นมาจากความฝัน หน้าผากเขายังมีเหงื่อซึมออกมา

แคร่ก

เกราะป้องกันมิติปริภูมิเหนือทะเลสาบสือซ่าไห่เกิดเสียงฉีกขาดเสียงดัง

ทว่านี่ก็เป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ชั่วคราวเท่านั้น… ต้าซือมิ่งลูบศีรษะของเด็กน้อยเสร็จแล้ว นอกจากจะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากเด็กน้อยไป ยังผสานพลังลึกลับส่วนหนึ่งเข้าไปในอนุสติของเด็กน้อย

ภายใต้การกล่อมของท่านพ่อเขา เยี่ยนเสี่ยวเป่าที่เกือบจะตาสว่างหลับไปอีกครั้ง และยังกอดพลังที่ท่านพ่อเขาผสานเข้าไปในอนุสติของเขาไว้

เหมือนกับว่าสองพ่อลูกผสานร่างเป็นหนึ่ง

ซู่

ซู่ๆ …

กิ่งก้านและดอกไม้ที่ถูกราชาแห่งความไร้ระเบียบทำลายงอกใหม่อีกครั้ง

ไม่เพียงเท่านี้…

กิ่งก้านและดอกไม้สีม่วงที่งอกใหม่เต็มไปด้วยพลังลึกลับมิอาจคาดเดาได้ มันลบล้างพลังทำลายล้างที่ราชาแห่งความไร้ระเบียบปล่อยออกมา

ใช่แล้ว พลังทำลายล้างของราชาแห่งความไร้ระเบียบถูกลบล้าง

มันถูกพลังทำลายล้างของต้าซือมิ่งลบล้างไปแล้ว

และนี่เห็นได้ชัดว่าคือสิ่งที่ต้าซือมิ่งพูดก่อนหน้านี้ว่า “พ่อช่วยเจ้า”

เยี่ยนเสี่ยวเป่ายังเด็ก ไม่สามารถต้านทานราชาแห่งความไร้ระเบียบได้ แต่เมื่อพลังของเขาถูกพลังของท่านพ่อเขาส่งเสริมก็จะเปลี่ยนไปทันที

ราชาแห่งความไร้ระเบียบ… นอกจากเขาจะไม่สามารถทำลายล้างต่อไป เขายังรู้สึกถึงภัยคุกคาม เพราะว่าดอกไม้ที่เด็กน้อยส่งออกมาค่อยๆ ประชิดเข้าใกล้เขาแล้ว

“บัดซบ”

“นี่จะโจมตีกลับหรือ”

“โอ้ ไม่ใช่หรอกนะ ต้องน่าตื่นเต้นเช่นนี้เลยหรือ”

เหล่ามารในทะเลสาบสือซ่าไห่รู้สึกตื่นเต้น

เพราะว่าบุคคลหลักที่ลงมือในครานี้คือจักรพรรดิมารและนายน้อยของเผ่ามารพวกเขา

เรื่องนี้ทำให้เผ่ามารทุกตนรู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก หากจักรพรรดิมารพวกเขาไม่แต่งเข้าตำหนักสวรรค์คงดีกว่านี้

“นายน้อยเก่งจริงๆ”

“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ”

“นั่นน่ะสิ…”

เหล่าขุนเขาและท้องทะเลทอดถอนใจ มิน่านายน้อยเก่งกาจเช่นนี้ ที่แท้นอกจากจะเป็นเพราะสายเลือดที่ยิ่งใหญ่ของใต้เท้าแล้ว ยังเป็นเพราะจวินโฮ่วก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน แม้ความไม่ธรรมดาของจวินโฮ่ว พวกเขาจะเพิ่งประจักษ์เป็นครั้งแรก แต่ความไม่ธรรมดาเมื่อครู่นี้ก็ชักจะไม่ธรรมดามากเกินไปแล้ว ทำเอาพวกเขารู้สึกกลัวไปด้วย

ตอนนี้กลับไม่เหมือนเดิมแล้ว จวินโฮ่วสามารถยับยั้งชั่งใจได้ เป็นการยับยั้งชั่งใจที่เป็นประโยชน์ต่อสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เห็นได้ว่าเขาสามารถ ‘ควบคุม’ พลังของตนเองได้แล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ การจำศีลของนายท่านย่อมไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน

แต่แล้ว… สิ่งมีชีวิตเพิ่งคิดในแง่ดีเช่นนี้เสร็จ

แซ่ด

แซ่ดๆ …

บนพื้นผิวของทะเลสาบสือซ่าไห่ จู่ๆ ก็มีควันสีเขียวกลุ่มหนึ่งลอยออกมา จากนั้นสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาคล้ายร่มและปลาไหลปรากฏขึ้นอีกครา

ไม่เพียงเท่านี้… ดวงตาของสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาเหล่านี้ยังเปลี่ยนจากสีเขียวขจีเป็นสีแดง?

สีเช่นนี้ทำให้คิเมียราระวังตัวและตะโกนขึ้นทันที “ระวัง”

กรร

บรู๊ว…

กองทัพปีศาจทั้งหมดปลดปล่อยจิตวิญญาณการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา

กรู

จิ๊บ

สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่มีตาสีแดงทั้งหมดไม่เชื่องอีกต่อไปแล้ว พวกมันดูเหมือนถูกเฆี่ยนตีด้วยเมือก และเริ่มกลืนกินทุกสิ่งยกเว้นตัวมันเองอย่างบ้าคลั่ง

และนี่คือการเริ่มต้นเท่านั้น

“มาเถอะ”

“มาให้หมด”

“ที่รักของความไร้ระเบียบ…”

ราชาแห่งความไร้ระเบียบที่ตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งใบหน้าบิดเบี้ยว

หนวดแมงกะพรุนที่แปลงมาจากแขนขาของมันกลายเป็นสีแดงเลือดอันน่าสะพรึง

ตูม

สัตว์ประหลาดคล้ายร่มขนาดยักษ์หลายตัวกำเนิดขึ้นตามมา

การกลืนกินเพียงครั้งเดียวของพวกมันสามารถกลืนกินกองทัพปีศาจที่ไม่ทันตั้งตัวได้หลายร้อยตน

ทว่า… สัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่ได้กลืนกินกองทัพปีศาจลงไปจริงๆ แต่กลับคายพวกมันออกมา

จากนั้นกองทัพปีศาจกว่าร้อยตนก็ ‘ระเบิด’ กลายเป็นสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่มีขนาดเกือบเท่าร่างเดิมของพวกมัน และเริ่มโจมตี ‘เผ่าเดียวกัน’ ที่อยู่รอบๆ

“ให้ตายเถอะ” เทียนตี้สบถ เขารู้ว่าราชาแห่งความไร้ระเบียบเปลี่ยนแผนจากโจมตีข้างบนมาโจมตีชั้นผู้น้อยแทน เมื่อรู้ว่าสู้คนชั้นบนไม่ไหว เขาคิดจะทำลายล้างสวรรค์เก้าชั้นฟ้าโดยเริ่มจากสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ทีละคน

และนี่ก็คือแผนการของราชาแห่งความไร้ระเบียบจริงๆ หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่สามารถโจมตีการป้องกันแนวหน้าของต้าซือมิ่งได้ เขาก็เปลี่ยนเส้นทางและเปิดตัวกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและยอกย้อนมากขึ้นในการกลืนกินโลกทั้งใบ

ดังนั้นในบัดนี้… มีหลายสถานที่ที่เกิดสถานการณ์เช่นทะเลสาบสือซ่าไห่

ทุกๆ ที่ที่เคยปรากฏสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญามาก่อน บัดนี้ปรากฏสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญามากขึ้นกว่าเดิม

ข้างหน้าประตูค่ายกลเคลื่อนย้ายทุกประตูในสวรรค์เก้าชั้นฟ้า สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่พัฒนาแล้วนับไม่ถ้วนล้วนกำลังโจมตีสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เทพเฝ้าประตูไม่น้อยที่ไม่ทันตั้งตัวถูกกลืนกินกลับ สวรรค์ชั้นหนึ่งที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุด กลายเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเนื่องจากมีผู้แข็งแกร่งน้อยกว่า

“รายงานขอรับ…”

“เทียนอ๋องเยี่ยน ประตูค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เพิ่งซ่อมเสร้จถูกทำลายอีกแล้วขอรับ”

“เทียนอ๋องเยี่ยน เมืองลั่วฝานล่มสลายแล้วขอรับ”

“เทียนอ๋องเยี่ยน กองทัพสัตว์ประหลาดกำลังอาละวาดขอรับ”

“เทียนอ๋องเยี่ยน…”

รายงานการต่อสู้จากแนวหน้ามากมาย ‘บุก’ เข้าไปในจวนเทียนอ๋องแห่งสวรรค์ชั้นหนึ่งที่เยี่ยนจื่อเยี่ยอยู่เป็นที่แรก

ในฐานะที่เมืองลั่วฝานเป็นเมืองที่ตั้งประตูค่ายกลเคลื่อนย้าย มันถูกสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาที่จู่ๆ แยกตัวออกโจมตีอย่างกะทันหันด้วยความรวดเร็ว ดึงดูดความสนใจของอู่หลัวผู้ดูแลสวรรค์ชั้นเก้า แต่มันจำเป็นต้องอยู่ดูแลสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจึงไม่สามารถยื่นมือเข้าช่วยได้ทันที

ในขณะเดียวกัน…

“ไป”

เยี่ยนจื่อเยี่ยที่ระดมกองกำลังสวรรค์ไว้แต่แรกแล้วนำกองกำลังสวรรค์กว่าหมื่นนายเร่งเดินทางไปเมืองลั่วฝาน ทำให้อู่หลัวผู้สังเกตุการณ์วางใจลงเล็กน้อย

สถานการณ์เช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นทุกชั้นสวรรค์และยังเกิดขึ้นในอาณาจักรเซียนและเทพทุกแห่ง

แดนมนุษย์

ซ่า

ซ่าๆ

กระแสน้ำของแม่น้ำเย่ว์หมิงคำรามท่ามกลางแสงจันทร์

กองทัพแนวหน้าจากทุกสำนักจากทั่วทั้งต้าซางเฝ้าดูแลบริเวณแม่น้ำเย่ว์หมิงผ่านประตูค่ายกลเคลื่อนย้ายพิเศษแล้ว

ครานี้เอง…

กรู

สัตว์ประหลาดคล้ายร่มตัวแรกพุ่งออกมาจากแม่น้ำเย่ว์หมิง

“ยิง”

ทหารของชือหมินหมิ่นเจ้าเมืองแห่งเมืองจิ่วหลียิงยันต์จิ่วหลีไปทางสัตว์ประหลาดคล้ายร่ม

ลูกธนูยันต์จิ่วหลี คือลูกธนูที่ถูกเขียนด้วยยันต์ธาตุไฟ และผู้เขียนยันต์เหล่านี้ก็คือเจ้าเมืองชือเอง

เขาผู้เคยเรียนการเขียนยันต์กับเยี่ยนอวี๋ใช้มันในการต่อสู้ครั้งนี้

บัดนี้… ทหารชั้นยอดของเมืองจิ่วหลีที่เขานำมาได้เข้าช่วยเหลือแนวหน้าเมืองโยวตูเป็นกลุ่มแรกแล้ว

“ยิง”

“ยิง…”

เมื่อสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาโผล่หัวออกมาทีละตัวสองตัว ลูกธนูยันต์จิ่วหลีของชือหมินหมิ่นแสดงให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาที่สืบทอดมาจากปฐมราชินีอย่างชัดเจน เขายิงสิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาทุกตัวที่โผล่ขึ้นมาตาย และยังกำจัดได้อย่างสะอาดหมดจด ไม่มีเมือกใดๆ แปดเปื้อนแม่น้ำ ไม่มีแม้แต่น้อย

ผู้รอดชีวิตของจิ่วหลีซึ่งเคยต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับพื้นที่ราบภาคกลางในอดีต บัดนี้ยืนอยู่บนดินแดน พื้นที่ราบภาคกลางและอุทิศตนให้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด

“สมแล้วที่เป็นยันต์สืบทอดจากปฐมราชินี ไม่ธรรมดาจริงๆ” อินสวินอี้รู้สึกขอบคุณทหารชั้นยอดหนึ่งพันนาย

อินสวินอี้เชื่อว่าผู้รอดชีวิตของจิ่วหลีจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขกับตระกูลต่างๆ ในพื้นที่ราบภาคกลางได้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ผู้รอดชีวิตจิ่วหลีก็ดำเนินการบนเส้นทางนี้มิใช่หรือ

“ชือหมิ่นจะเป็นผู้นำที่ดีให้กับเผ่าจิ่วหลี” เยี่ยนชิงเชื่อในตัวหนุ่มผู้ไม่มีตบะแต่กลับมีพลังจิตใจอันมหัศจรรย์คนนี้ หวังเพียงว่าเด็กคนนี้จะมีชีวิตอยู่ได้นาน และเป็นผู้นำตระกูลจิ่วหลีได้ดี

อินสวินอี้พยักหน้า แต่…

“ทุกคนพร้อม” อินสวินอี้ชูดาบขึ้น

ทหารโยวตูและทหารตระกูลอินมุ่งหน้าสู่แม่น้ำเย่ว์หมิง

แม้ทหารชั้นยอดจิ่วหลีที่ชือหมินหมิ่นนำทัพมาจะแข็งแกร่ง สัตว์ประหลาดที่โผล่ออกมาจากแม่น้ำมีจำนวนมากขึ้นกว่าเดิม กำลังของนักธนูมีจำกัด มีสัตว์ประหลาดบางตัวขึ้นฝั่งแล้ว สัตว์ประหลาดที่ขึ้นฝั่งคือ ‘เป้าหมาย’ ของทหารโยวตูและทหารต้าซาง

“ฆ่ามัน”

“ฆ่ามัน…”

ทหารทั้งหมดจ้องมองไปที่สัตว์ประหลาดที่เข้ามาใกล้ราวกับว่าพวกมันตายแล้ว

ในขณะเดียวกัน…

ที่ปลายทั้งสองของเมืองโยวตูซึ่งเริ่มต้นและสิ้นสุดด้วยแม่น้ำเย่ว์หมิง ผู้แข็งแกร่งจากสำนักจวินจื่อและชางอู๋ประจำการอยู่แล้ว พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยให้สัตว์ประหลาดตัวใดหนีไปจากโยวตูได้

แน่นอนว่าเปรียบเทียบกับสถานการณ์สู้รบบนพื้นดินแล้ว สถานการณ์ใต้น้ำรุนแรงยิ่งกว่า

จูจูที่เพิ่งมีอาการดีขึ้นปิดกั้นเขตแดนไว้อีกครั้ง

ทว่า…

ชิ้ว

ชิ้วๆ …

สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาคล้ายปลาไหลนับไม่ถ้วนกลับสามารถทะลุตัวของมันพุ่งเข้าไปในแดนมนุษย์ และยังสามารถกลืนกินศิษย์และผู้แข็งแกร่งแต่ละสำนักของที่นี่ กลืนกินสัตว์ประหลาดคล้ายร่มกลับได้

หลังจากที่สัตว์ประหลาดคล้ายร่มเหล่านี้ถูกฆ่าตาย มันสามารถกำเนิดสัตว์ประหลาดคล้ายร่มมากขึ้นกว่าเดิมอย่างไม่หมดไม่สิ้น ดังนั้นจึงมีสัตว์ประหลาดคล้ายร่มมากมายพุ่งเข้าไปในแม่น้ำเย่ว์หมิง และพุ่งขึ้นไปโยวตู

แต่สิ่งมีชีวิตไร้ปัญญาคล้ายร่มที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าและสัตว์ประหลาดคล้ายร่มขนาดใหญ่เหล่านั้นล้วนถูกฆ่าตายในร่างกายของจูจูหรือในแดนมืด

เผ่ามนุษย์ที่มีเอ้อร์เหมาและเยี่ยนจื่อเสา โดยมีอินหลิวเฟิงนำบุกเข้าไปในแดนมืด ล้อมสังหารสัตว์ประหลาดคล้ายร่มขนาดยักษ์แต่ละตัว

แน่นอนว่าพวกเขายังมี ‘หน่วยสนับสนุน’

นกเฟิ่งหวงของเหล่าขุนเขาและท้องทะเล เทพสวรรค์ มนุษย์ม้าลายเสืออิงเจา วานรจูเยี่ยน

อสูรแข็งแกร่งทั้งสี่ล้วนนำลูกน้องขุนเขาและท้องทะเลของตนเองมาที่นี่

แต่เนื่องจากสัตว์ประหลาดคล้ายร่มยังคงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ อินหลิวเฟิงยังคงรู้สึกไม่ไหว “หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ไหวแน่ ข้าจะเข้าไปดูศูนย์กลางแดนมืด”

“เจ้าวิหคทมิฬ ข้าไปกับเจ้าเอง” หลังจากวานรจูเยี่ยนหัวขาวเท้าเปล่าฉีกกระชากสัตว์ประหลาดคล้ายร่มขนาดใหญ่อีกตัวหนึ่งด้วยกรงเล็บเสร็จแล้วก็กระโดดไปข้างหน้าอินหลิวเฟิง

แต่มนุษย์ม้าลายเสืออิงเจาพูดว่า “ข้าเร็วกว่า ข้าจะพาเจ้าวิหคทมิฬไปเอง พวกเจ้าอยู่ที่นี่เถอะ”

เดิมทีจูเยี่ยนไม่ยอม แต่อิงเจาสยายปีกสีขาวของมันออกมาแล้ว มันจำใจต้องยอม

มิหนำซ้ำนกเฟิ่งหวงผู้มีปีกเช่นกันยังเห็นด้วย “ได้ อิงเจาเจ้าไปกับวิหคทมิฬ ข้าจะอยู่ที่นี่เผาเมือกของสัตว์ประหลาดเหล่านี้เอง”

“วางใจเถอะ” อิงเจาส่งสัญญาณให้อินหลิวเฟิงขี่หลัง

อันที่จริงอินหลิวเฟิงอยากจะพูดว่าเขาไปคนเดียวก็พอ แต่เขาเห็นพี่น้องสี่คนนี้จัดแจงไว้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่อยากปฏิเสธ

ที่สำคัญคือภายใต้การแผดเผาของลูกน้องของเขา เมือกของสัตว์ประหลาดคล้ายร่มขนาดยักษ์ไม่สามารถหลุดรอดไปได้แม้แต่น้อย

ส่วนจูเยี่ยน มันสามารถทำลายสัตว์ประหลาดที่พยายามลอบโจมตีอย่างกะทันหันได้อย่างแม่นยำ

นอกจากนี้เทียนเสินที่คำรามไม่หยุด เสียงอันสงบสุขที่ปล่อยออกมาสามารถระงับการสร้างสัตว์ประหลาดอย่างรวดเร็ว ทำให้สัตว์ประหลาดคล้ายร่มขนาดยักษ์ยากที่จะก่อตัว

ส่วนเอ้อร์เหมาและเยี่ยนจื่อเสารวมถึงเทพโบราณขุนเขาและท้องทะเล พวกเขาโจมตีสัตว์ประหลาดรูปร่างปลาไหลเหล่านั้นที่ ‘บุกประชิด’ เข้ามา เพื่อแบ่งเบาภาระให้แมงมุม

ดังนั้นอิงเจาจึงสามารถปลีกตัวได้ อินหลิวเฟิงก็อยากจะรีบไปรีบกลับ ทั้งสองจึงเข้าไปในศูนย์กลางแดนมืดอย่างไม่พูดพล่ามทำเพลง

หลังจากนั้นไม่นาน… อิงเจาพาอินหลิวเฟิงถึงอดีตเมืองแห่งแดนมืด เมืองจักรพรรดิมาร

แต่เมืองจักรพรรดิมารในยามนี้ ข้างล่างเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่มขนาดใหญ่ทั้งหมด

“ระวังตัวด้วย อย่าให้พวกเขาเจอตัว” อินหลิวเฟิงเตือน

อิงเจาพยักหน้า ในขณะเดียวกันถามว่า “เราดูเสร็จกันแล้ว ควรกลับไปแล้วหรือไม่”

อินหลิวเฟิง “…”

นี่ใช่เรียกว่าดูเสร็จแล้วที่ไหนกัน? ยังไม่ได้ตรวจสอบเลยว่าเจ้าสิ่งเหล่านี้คืออะไร เรียกว่าดูเสร็จแล้วรึ

อินหลิวเฟิงที่เหน็บแนมในใจนวดระหว่างคิ้ว อธิบายอย่างอดทนว่า “เรายังดูไม่เสร็จ ต้องซ่อนตัวเข้าไป ไปดูขุมนรกแห่งความมืด ถึงแม้ว่าขุมนรกแห่งความมืดจะถูกจวินโฮ่วเก็บไปแล้ว”

“แล้วยังต้องดูอะไรหรือ” อิงเจาไม่เข้าใจ

“บอกให้เจ้าไปก็ไป”

“ก็ได้”

อิงเจาผู้เชื่อฟังพาอินหลิวเฟิงซ่อนตัวเข้าไปในตำแหน่งที่ขุมนรกแห่งความมืดตั้งอยู่ มันระมัดระวังตัวมาก และยังดูสนุกสนานด้วย

อินหลิวเฟิงไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ อิงเจาจึงฮัมเพลงขึ้นมา อดถามไม่ได้ว่า “เจ้าสนุกหรือ”

“ใช่” อิงเจาพยักหน้า “ทำให้ข้านึกถึงอดีตที่เคยล่องไปทุกที่กับนายท่าน คิดถึงจริงๆ เมื่อการต่อสู้ครั้งนี้จบลงก็คงจะเป็นอิสระไร้กังวลแล้วสินะ”

“แน่นอน แต่สู้ให้จบครั้งนี้ก่อน เจ้าระวังตัวหน่อย อย่าฮัมเพลงเสียงดังเกินไป ได้ยินแล้วจะแย่เอา” อินหลิวเฟิงจำเป็นต้องคอยดึงหูเข้ากระซิบกระซาบตลอดเวลา

ที่สำคัญคือพี่น้องเหล่านี้ของเขาเป็นโรคประมาท ไม่ว่าเมื่อใดก็ไม่เกรงกลัวเรื่องใดๆ ดูสิยังมีอารมณ์ฮัมเพลง นี่มันใจกล้าสมองกลวงชัดๆ มิใช่หรือ

“รู้แล้วๆ เจ้าวิหคทมิฬ เจ้ากลับชาติมาเกิดรอบหนึ่งแล้ว ยังจู้จี้จุกจิกเช่นนี้อีก ไม่มีผู้ใดรำคาญเจ้าบ้างรึ” อิงเจาอดประชัดประชันไม่ได้

อินหลิวเฟิง “… องครักษ์ของข้าจู้จี้มากกว่าอีก”

“ให้ตายเถอะ น้องชายที่ชื่อเอ้อร์เหมาเมื่อครู่นี้น่ะหรือ เช่นนั้นต่อไปข้าควรอยู่ห่างๆ เขาไว้” อิงเจาจดชื่อเอ้อร์เหมาไว้ในบัญชีดำเรียบร้อย

อินหลิวเฟิงได้ยินก็ขบขัน อดหัวเราะไม่ได้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีเหล่าพี่น้องที่ใสซื่อก็ใช่ว่าจะไม่ดี ทำให้เขาผ่อนคลายลงได้

ทว่า…

“ชู่ว์”

จู่ๆ อินหลิวเฟิงก็ปิดปากอิงเจาไว้ ห้ามไม่ให้มันฮัมเพลงอีก

อิงเจามองเขา ครั้นกำลังจะส่งโทรจิตว่าเขา กลับต้องขนลุกกับตำแหน่งที่นิ้วของอินหลิวเฟิงชี้ไปเสียก่อน

ที่แท้… ขุมนรกแห่งความมืดทั้งขุมนอกจากจะ ‘ฟื้นตัว’ แล้ว ยังกลายเป็นแหล่งรวมสัตว์ประหลาด นอกจากนี้พื้นที่แห่งนี้ยังมีสัตว์ประหลาดคล้ายแมงกะพรุนสีเลือดตัวหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด

“นี่มันตัวบ้าอะไร” อิงเจาส่งโทรจิตถามอย่างระมัดระวัง

อินหลิวเฟิงหน้าเคร่งขรึม มีเหตุผลเพียงพอที่จะตัดสินว่า “เกรงว่าที่นี่จะเป็นต้นเหตุที่สัตว์ประหลาดออกมาไม่หยุด ต้องจัดการมันทิ้งซะ”

“แต่ข้ารู้สึกว่ามันแข็งแกร่งกว่าเราสองคนรวมกันเสียอีก” อิงเจาพูดตามตรง “หรือว่าเรียกจูเยี่ยนพวกมันมาดีกว่า?”

“ไม่ได้ ที่นั่นขาดพวกมันไม่ได้” อินหลิวเฟิงส่ายศีรษะ เขาเริ่มครุ่นคิดว่าจะทำลาย ‘รัง’ นี้ด้วยพลังของเขาและอิงเจาอย่างไร

อิงเจาเริ่มวิตก “เจ้าวิหคทมิฬ เจ้าคงไม่หลอกข้าหรอกนะ”

“วางใจเถอะ แม้เจ้าตายไป นายท่านก็ฟื้นคืนชีพเจ้าได้” อินหลิวเฟิงกล่าว

อิงเจาจะร้องไห้ “เจ้าคิดจะหลอกให้ข้าตายจริงๆ ด้วย”

เพียงแต่ว่า…

มันเพิ่งจะส่งโทรจิตเสร็จ จู่ๆ แมงกะพรุนสีเลือดตัวนั้นก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้น ซึ่งเป็นดวงตาที่ฉลาดและเฉียบคมคู่หนึ่ง

และดวงตาคู่นี้กำลังมองมาที่ตำแหน่งที่อินหลิวเฟิงและอิงเจาอยู่

“แย่แล้ว”

“ถูกจับได้แล้ว”

อิงเจาและอินหลิวเฟิงส่งโทรจิตหากันพร้อมกัน พวกเขาหวาดกลัวจนขนลุก

ในขณะเดียวกัน…

“วิ่ง”

อิงเจาพาอินหลิวเฟิงหนีไปทันที

เพียะ

แมงกะพรุนเปื้อนเลือดใช้หนวดที่มีตุ่มหนองนับไม่ถ้วนซัดใส่ตำแหน่งของพวกมัน

ตูม

ครืน

มิติปริภูมิทั้งหมดพังทลาย

อิงเจาและอินหลิวเฟิงรู้สึกถึงกลิ่นอายทำลายล้างที่เป็นอันตรายอย่างมาก

“ให้ตายเถอะ เกือบตายแล้ว” อิงเจากระพือปีกอย่างบ้าคลั่ง แต่ยังคงไม่ทันอยู่ดี

อินหลิวเฟิงเองก็ปล่อยพลังกฎมิติปริภูมิไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่พลังของเขาอ่อนแอจริงๆ เมื่อต้องเผชิญกับการทำลายล้างของราชาแห่งความไร้ระเบียบ

“แย่แล้ว” อินหลิวเฟิงเหงื่อตก รู้สึกว่าตนเองยังคงประมาทเกินไป ครานี้คงต้องตายจริงๆ แล้ว ทว่าเขาลุกขึ้นมาแล้ว คิดว่าแม้จะต้องตายไปจริงๆ ก็ต้องส่งอิงเจาออกไปก่อน

ทว่า… แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง

หึ่ง

จู่ๆ สวรรค์เก้าชั้นฟ้าก็สั่นไหว ไม่ว่าที่ใดในสามโลก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใดล้วนรับรู้ถึงการสั่นสะเทือนได้อย่างชัดเจน อีกทั้งสิ่งที่ปรากฏขึ้นพร้อมการสั่นไหวนี้คือแสงศักดิ์สิทธิ์หลากสีจางๆ และนี่คือสัญลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเยี่ยนอวี๋

***********************

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

เซียนหมอหญิงแม่ลูกอ่อน

Status: Ongoing
แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่นางก็ยังคงเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้นเจ็ด ผู้มีความสามารถแกร่งเกินผู้ใดไม่เปลี่ยนแปลง “ผู้ชายอะไรนั่นน่ะ กินได้หรืออย่างไร ข้าไม่เห็นจะอยากได้”เยี่ยนจื่ออวี๋ แม้มีตำแหน่งสูงส่งเป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประมุขสำนักชางอู๋แห่งแคว้นแต่กลับไร้พลังแต่กำเนิด แถมยังทำเรื่องงามหน้าอย่างการปีนขึ้นเตียงผู้ชาย!เพราะเรื่องฉาวโฉ่เกินทนทำให้หญิงสาวหายหน้าไปกว่าครึ่งปี แต่เมื่อกลับมาอีกครั้งสำนักชางอู๋ก็ถึงคราวสั่นสะเทือนจากหญิงสาวที่ไม่อาจฝึกพลังกลายเป็นปรมาจารย์มากสามารถ พลังสูงส่งเกินใครโอสถใดที่ว่ายาก นางกระดิกนิ้วเดียวก็สำเร็จสมบูรณ์ วิชาใดที่ฝึกไม่ได้นางล้วนทำได้จากหญิงสาวที่ทุกคนต่างเมินหน้าหนีกลายเป็นผู้สูงส่งที่ทุกคนต้องการประจบประแจงชายหนุ่มทั่วหล้าล้วนอยากเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าตัวเล็กกันทั้งนั้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท