ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 109 โฉมหน้าสาวพรหมจรรย์

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 109 โฉมหน้าสาวพรหมจรรย์

“จริงหรือเปล่าที่เขาบอกว่าไม่มีความปรารถนาอื่น นอกจากความอยากรู้ทางปัญญา?”

ไป๋ชิวหรานเอ่ยถาม

“ถูกต้อง ความปรารถนาอื่น ๆ ของเขาหายไปแล้ว”

เชวียหลิงพยักหน้า

“ถ้าอยากให้ช่วยทดสอบ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกังวล”

ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากัน จื้อเซียนที่กำลังสังเกตหมิงอิงกับเชวียหลิงอยู่ ไม่นานจึงกล่าวขึ้นว่า

“ท่านทั้งสองไม่ใช่วิญญาณธรรมดา คนหนึ่งเกิดในสนามรบ ถูกทอดทิ้งในสนามรบ และตายในสนามรบ แถมยังดูดวิญญาณที่แตกสลายดวงอื่นจนกลายเป็นวิญญาณผี ส่วนอีกคนตายอย่างว่างเปล่าโดยมีความคับข้องใจอยู่ลึก ๆ จากนั้นก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากสังหารผู้อื่นไปนับไม่ถ้วนแล้วก็กลายเป็นวิญญาณ ช่างเป็นการผสมผสานที่วิเศษจริง ๆ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หมิงอิงจึงย่อตัวลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย ส่วนเชวียหลิงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

“รีบพาเขาไปได้แล้ว”

อีกฝ่ายกล่าวกับไป๋ชิวหราน

“เหตุใดเจ้าไม่พาเขากลับไปปรโลก?”

ไป๋ชิวหรานโยนกะโหลกในมือส่งไป

“ไม่เอา ไม่เอา!”

จื้อเซียนขัดขืน

“ปรโลกน่าเบื่อ มีแต่วิญญาณที่ตายแล้ว ข้าจะสนองความอยากรู้ได้อย่างไร!”

เชวียหลิงส่ายหัวพร้อมกล่าว

“ปรโลกไม่ชอบวิญญาณเช่นนี้เหมือนกัน เจ้าเก็บมันไว้กับตัวเถิด ตราบใดที่เจ้าไม่ฆ่าตัวตาย เช่นนั้นมันจะตอบคำถามและช่วยได้มาก”

“ใช่แล้ว สหายน้อยไป๋… ไม่สิ ท่านพ่อไป๋ ท่านจะไม่ไปสำรวจสุสานจักรพรรดิมารองค์แรกแล้วหรือ? ดูข้าสิ มีทั้งทักษะและความรู้มากมายที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้… มีแต่ประโยชน์มากมาย ดูสิ”

จื้อเซียนตะโกนเสียงดัง

“ข้าอยากเห็นสุสานจักรพรรดิมารรุ่นแรก จากนั้นจะค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา ส่วนจักรพรรดิเซียนในยุคโบราณ…ได้โปรด ตราบใดที่ท่านพาข้าไปที่นั่น ท่านจะใช้งานข้าอย่างไรก็ได้”

ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่เชื่อถือเซียนอมตะผู้นี้นัก เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้ที่มีชีวิตรอดจากยุคก่อน แม้เชวียหลิงจะบอกว่าเขาไม่มีความปรารถนาใดนอกจากความรู้ ชายหนุ่มก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจื้อเซียนจะเป็นภัยในอนาคตหรือไม่

ชายหนุ่มยังไม่รู้จักจื้อเซียนดีพอ รวมถึงเชวียหลิงก็ยังไม่ยอมรับ ดังนั้นทางออกเดียวตอนนี้ คือพาจื้อเซียนไปด้วยเพื่อความปลอดภัย อย่างแรก เขาสามารถเฝ้าดูได้ตลอดเวลา อย่างที่สอง จื้อเซียนจะเป็นผู้นำทางและให้เบาะแส เมื่อคิดได้ไป๋ชิวหรานจึงเลือกทางนี้

“เช่นนั้นก็ตามข้ามาก่อน”

ไป๋ชิวหรานนำจื้อเซียนที่เผยใบหน้ายินดีแขวนไว้ที่เอวตามเดิม จากนั้นจึงเอ่ยถามเชวียหลิง

“เรื่องของพวกเซียนปฐพีจบแล้วใช่หรือไม่?”

“อืม อันที่จริงยังมีเมืองโบราณที่ซ่อนอยู่ใต้เก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน และยังมีพวกเซียนที่รอดชีวิตอยู่ แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าอีกต่อไป เหล่ายมทูตของข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”

เชวียหลิงตอบกลับ

“เช่นนั้นขอขอบคุณสำหรับเรื่องทั้งหมด ยินดีที่ได้ร่วมมือกัน”

ไป๋ชิวหรานประกบมือก่อนจะกล่าวอย่างหยาบคาย

“กลับไปได้แล้ว ข้าจะได้ไปทำธุระของตัวเองเสียที”

เชวียหลิงมองชายหนุ่มและถามกลับ

“เจ้าพบหนทางที่จะบรรลุพลังแล้วงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง”

เมื่อไป๋ชิวหรานได้ยินสิ่งนี้ ชายหนุ่มก็เผยยิ้มอย่างมีความสุข

“หลังจากผ่านมาสามพันปี ในที่สุดก็พบเสียที”

“โอ้”

เชวียหลิงยิ้มและกล่าวต่อ

“อย่าเพิ่งรีบดีใจนักเลย เจ้าเดินทางตามหามามันเนิ่นนาน บางทีครั้งนี้อาจจะใช้เวลามากกว่าสามพันปีก็ได้”

ไป๋ชิวหรานโกรธขึ้นมาในทันใด และเพียงอึดใจเดียวหลังจากนั้น เสียงอุทานตกใจของหมิงอิงก็ดังขึ้นพร้อมกับที่เขาเตะเชวียหลิงให้กลับเข้าไปในปรโลกที่เดิม…

หลังจากกลับมาที่ถ้ำเซียนที่เป็นของพวกเซียนปฐพี ไป๋ชิวหรานก็พบว่าคนของสำนักทั้งหลายเริ่มเก็บกวาดส่วนต่าง ๆ ของถ้ำแล้ว…ไม่สิ เรียกว่าเป็นการตรวจสอบมากกว่า

ทุกคนต่างให้ความสนใจ โดยเฉพาะสถาบันเสวียนฝ่า ดูเหมือนว่าลูกศิษย์พวกเขาจะบ้าคลั่งรวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสน้อยใหญ่ พวกเขาให้ความรู้สึกเหมือนกลุ่มคนบ้าที่ออกมาจากโรงหมอ… มากกว่าอยู่ในกลุ่มหนึ่งในห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมเสียอีก

ไป๋ชิวหรานเหล่มองไปยังหอคอยตำหนักสูงสุดบนท้องฟ้าก่อนจะเอ่ยถาม

“ใครก็ได้เรียกผู้อาวุโสฉีลงมาจากด้านบนนั่นที คงไม่เหมาะสมนักที่จะทำตัวเช่นนั้น”

“บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง เจ้าสำนักชิวอวี่เซวียนทราบข่าวแล้ว ไม่นานเขาคงจะมาถึง”

ศิษย์ ‘ที่ยังมีสติ’ ของสถาบันเสวียนฝ่ารายงานกับไป๋ชิวหรานขณะลูบไล้ลวดลายบนกระเบื้องปูน

“ชิวอวี่เซวียน…”

ไป๋ชิวหรานคิดอยู่ครู่หนึ่ง

“ทำไมข้ามีลางสังหรณ์ว่าจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น”

ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าสำนักสถาบันเสวียนฝ่าและผู้อาวุโสอีกหลายคน ได้ยินว่าถ้ำจื้อเซียนแข็งแรงและมีสิ่งต่าง ๆ มากมายให้ศึกษา ดังนั้นพวกเขาจึงพุ่งผ่านมิติเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทว่ายังไม่ได้รับการยืนยันว่าปลอดภัยด้วยซ้ำ!

ในตอนแรกที่ไป๋ชิวหรานเห็น ก็ได้แต่คิดว่าพวกเขาเป็นบ้าหรือไม่ก็เป็นสำนักบ่มเพาะพลังที่อื่นที่แอบเข้ามาขอส่วนบุญ

ตามที่เขาคาดไว้ เจ้าสำนักชิวอวี่เซวียนไม่ได้เข้าควบคุมผู้อาวุโสฉี ผ่านไปไม่นาน เจ้าสำนักชิวอวี่เซวียนขึ้นไปด้านบนของตำหนักพร้อมเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อทำการศึกษา

ไป๋ชิวหรานคร้านจะเตือนพวกเขาอีก นี่เป็นเรื่องภาพลักษณ์ของสถาบันเสวียนฝ่า ถึงเตือนไปก็คงไม่มีประโยชน์

หลังจากสั่งชิวอวี่เซวียนไม่ให้ทำลายข้าวของแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปข้างในเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับบรรดาศิษย์ทั้งหลายที่มาอยู่ก่อนหน้านี้

หลังจากเดินเตร่ไปรอบ ๆ ชายหนุ่มก็พบว่าศิษย์หลายคนค้นพบโอกาสของตัวเอง บางคนพบความลับของอาคมในห้องตำรา บางคนพบอาวุธวิเศษที่เหมาะสม หรือบางคนพบอาวุธเวทระดับสูง

แม้แต่ศิษย์ของเขา ถังรั่วเวยก็พบชุดเกราะป้องกัน ซึ่งตอนนี้กำลังกลั่นมันอยู่

ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะรบกวนคนเหล่านี้ จึงเดินไปหาซูเซียงเสวี่ยที่กำลังตรวจดูสถานะของศิษย์สำนักเหอฮวนแทน ก่อนจะเรียกนางไปที่ลับสายตา

“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเห็นท่านเรียกข้าไปที่อื่น”

ซูเซียงเสวี่ยตามไป๋ชิวหรานไปยังศาลาที่ลอยอยู่บนก้อนเมฆ จากนั้นนางก็นั่งลงและถอดผ้าคลุมหน้าออก

ไป๋ชิวหรานเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในโลกที่สามารถมองใบหน้านี้ได้และไม่รู้สึกอะไร หากเป็นคนอื่น แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังที่ทัดเทียมกัน แต่ก็ไม่อาจต้านทานเสน่ห์นางได้

แต่ตอนนี้ไป๋ชิวหรานมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของซูเซียงเสวี่ย ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่โหยวเหมยเฉียวบอกว่าซูเซียงเสวี่ยยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง

“มีอันใด?”

ซูเซียงเสวี่ยสังเกตความผิดปกติของชายหนุ่มได้ทันที นางกะพริบตาพลางหัวเราะเยาะ

“เกิดอะไรขึ้น? ในที่สุดท่านก็ค้นพบเสน่ห์ของหญิงสาวคนนี้แล้วหรือ?”

เมื่ออยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ใบหน้าของซูเซียงเสวี่ยก็แดงระเรื่อเล็กน้อย ทว่ายังคงรักษาภาพลักษณ์ด้วยศักดิ์ศรีของเจ้าสำนักเหอฮวน และเริ่มหยอกล้อไป๋ชิวหราน

“ข้าไม่เคยบอกว่าเจ้าไม่มีเสน่ห์”

ไป๋ชิวหรานกระแอมไป และดันใบหน้าของซูเซียงเสวี่ยออกไปเล็กน้อยพร้อมกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“เอาล่ะ ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท