บทที่ 917 ผมมาหาแม่เองก็ได้
มะ…แม่?!
เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าเก้าสายฟาดลงกลางหัว
ขณะเดียวกัน เรื่องราวทุกอย่างก็ค่อยๆ เริ่มปะติดปะต่อกันในสมองของเธอ…
เจ้าหนูน้อยนี่บอกว่าตัวเองแซ่เนี่ย แถมตอนแรกเธอก็รู้สึกคุ้นหน้าเขามากด้วย แล้วตอนนี้ยังบอกว่าตัวเองเป็นลูกชายของเธออีก…
แต่เธอไม่มีทางมีลูกชายอย่างแน่นอน!
ฉะนั้น…
ดะ…เด็กคนนี้…หรือว่าจะเป็น…หลานชายของเจ้าบ้าเนี่ยอู๋หมิงนั่น!!!
สถานการณ์ก่อนหน้านี้ชุลมุนเกินไป ถึงแม้เธอจะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดมาก
เธอเคยเห็นเด็กคนนั้นผ่านวิดิโอคอลแค่ผ่านๆ ตอนนั้นเธอมองเห็นหน้าตาของเขาได้ไม่ชัด แถมวันนี้เจ้าหนูนี่ก็แต่งตัวต่างจากวันนั้นที่ดูมืดมนอึมครึมไปทั้งตัวด้วย เธอถึงได้แค่คุ้นตา แต่จำไม่ได้!
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้าบ้าเนี่ยอู๋หมิงนั่นดันไม่บอกอะไรล่วงหน้าเพื่อให้เธอเตรียมก่อนเลยสักนิด!
ด้วยประการทั้งหมดที่พูดมาข้างบน เธอก็เลยไม่เคยสงสัยสักนิดว่าเจ้าหนูนี่เป็นคนคนเดียวกับหลานชายของเนี่ยอู๋หมิง!
วินาทีนี้ เยี่ยหวันหวั่นมองหนูน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงงัน จะบ้าตาย!
เจ้าโง่เนี่ยอู๋หมิง! ทำไมไม่รู้จักบอกเธอก่อนสักคำ! เธอไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย! ใครก็ได้ช่วยบอกเธอที! ตอนนี้เธอควรทำยังไงดี!
ผิดแผนเกินไปแล้ว ชิ่งหนีซะเลยดีไหมเนี่ย!
เด็กชายตัวน้อยยังคงยื่นมือเล็กๆ ออกมาข้างหน้า และแหงนดวงหน้าน้อยๆ มองเธออยู่อย่างนั้น
เห็นมือน้อยๆ ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เยี่ยหวันหวั่นสีหน้าสะดุดเล็กน้อย อดรู้สึกใจอ่อนไม่ได้ จึงเอื้อมมือออกไปจับมือกับเจ้าหนูน้อยเบาๆ “สวัสดี…”
เจ้าหนูน้อยเหลือบมองมือที่ถูกจับตอบ แล้วเม้มปากเล็กน้อย ใบหน้าที่เคยไร้อารมณ์ดูน่ารักขึ้นกว่าเดิม
บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังมองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย นึกไม่ถึงว่านายน้อยจะ…อนุญาตให้คนอื่นสัมผัสตัวด้วย…
ถังปินกับซ่งเฉียงที่เพิ่งได้สติกลับคืนมาจากความตกตะลึง ตอนนี้กลับต้องช็อกค้างไปอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ! เจ้าหนูน้อยคนนี้ ปะ…เป็นลูกชายของเจ้านายงั้นเหรอ!!!
นึกไม่ถึงว่าเจ้านายจะมีลูกชายโตขนาดนี้แล้ว
อีกอย่าง ดูเหมือนว่าเจ้านายจะจำลูกชายของตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ?
สมกับเป็นเจ้านายของพวกเขา…เจ๋งโคตรๆ…
ไม่รู้ว่าไปสร้างหนี้ดอกท้อ[1]ไว้มากมายขนาดไหน…
พอพูดคำว่า “สวัสดี” จบ เยี่ยหวันหวั่นก็เป็นใบ้ไปทันที เธอคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าควรพูดอะไรดี
สุดท้ายเยี่ยหวันหวั่นก็พูดว่า “เอ่อ เนี่ยถังเซียวใช่ไหม…ฉันเรียกเธอว่าถังถังได้ไหม?”
เจ้าหนูน้อยพยักหน้า “ได้ครับ”
เยี่ยหวันหวั่นสูดหายใจลึกๆ อย่างนึกปวดหัว เธอกับเนี่ยอู๋หมิงไม่ได้วางแผนกันก่อนล่วงหน้า ตอนนี้ก็คงทำได้แค่ไหลไปตามน้ำแล้วล่ะ
เยี่ยหวันหวั่นก็เลยพูดว่า “ที่แท้เธอก็คือถังถัง ต้องขอโทษจริงๆ เมื่อกี้แม่จำเธอไม่ได้ แม่กับลุงของเธอเคยปรึกษากัน ว่าอยากไปหาเธอ แต่พักนี้แม่ยุ่งมาก ก็เลยยังไม่มีเวลาไปซักที…”
หนูน้อยตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ ถ้าแม่ยุ่ง ผมมาหาแม่เองก็ได้”
พอเยี่ยหวันหวั่นได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ช่างเป็นเด็กว่าง่ายจริงๆ!
ทำไมเจ้าบ้าเนี่ยอู๋หมิงชอบใส่ร้ายคนอื่นเขา หาว่าคนอื่นเขาเป็นปีศาจน้อยตลอดเลย
พอนึกถึงเนี่ยอู๋หมิง เยี่ยหวันหวั่นก็แอบกัดฟัน “แล้วลุงเธอล่ะ? ไม่ได้มาด้วยหรอกเหรอ?”
เจ้าเลวเนี่ยอู๋หมิง! หายหัวไปไหนแล้ว! เธอคนเดียวรับมือไหวที่ไหนกันเล่า!
เจ้าหนูน้อยตอบว่า “คุณลุงพาผมมาส่งเสร็จก็กลับเลยครับ”
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “อ้อๆ อย่างงี้เอง…”
หึๆ เจ้าสารเลวเนี่ยอู๋หมิง นายตายแน่!
———————————-
บทที่ 918 นิสัยเหมือนพ่อ
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นก็พาเจ้าหนูน้อยกลับคฤหาสน์เล็กไปอย่างงงๆ
ตลอดเส้นทาง เยี่ยหวันหวั่นมีแค่ความคิดเดียวในสมอง คือจะเลี้ยงเด็กยังไงดี!
เธอไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลยแม้แต่น้อย!
พอมาถึงทางเข้าบ้าน เยี่ยหวันหวั่นก็หันไปมองบอดี้การ์ดสองคนนั้นด้วยสายตาเป็นประกาย
ใช่สิ มีสองคนนี้อยู่ด้วยนี่นา ดูก็รู้ว่าสองคนนี้ติดตามเนี่ยถังเซียวมาตลอด เพราะฉะนั้นต้องรู้จักดูแลอาหารการกิน และเสื้อผ้าหน้าผมของเขาเป็นอย่างดีแน่นอน
“ถ้างั้น พวกคุณสองคน…”
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร เนี่ยถังเซียวก็หันไปพูดกับบอดี้การ์ดสองคนนั้นด้วยเสียงเล็กแหลมว่า “พวกคุณไปได้แล้ว คุณแม่จะดูแลผมเอง”
ทั้งสองรับคำสั่งของเนี่ยถังเซียวอย่างไม่ลังเล “ครับ!”
พูดจบ เงาร่างของสองคนนั้นก็หายวับไปกับตาทันที…
เยี่ยหวันหวั่นยื่นมือออกไป…
เฮ้ย อย่าเพิ่งไปเซ่!
ทิ้งกันง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ!
เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย!
เด็กตัวเล็กแค่นี้ พวกนายไว้ใจให้ฉันดูแลคนเดียวได้ยังไง? ฉันเลี้ยงเด็กไม่เป็นนะโว้ย!
เยี่ยหวันหวั่นมองหน้าหนูน้อยตรงหน้า แล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นก็ทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรม…
เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองสองคนที่อยู่ข้างๆ “ถังปิน ซ่งเฉียง พวกนายไปตามหาพวกเจียวเจียวที!”
ในเมื่อถังหลงรับปากว่าจะไม่ทำร้ายพวกเขา พวกเขาก็น่าจะไม่เป็นอะไร
“ครับ!”
ทั้งสองคนรีบไปตามหาพวกนั้นทันที สุดท้ายก็เจอตัวพวกเขาสามคนอยู่ในตึกด้านข้าง
พวกเขาสามคนไม่เป็นอะไร แค่โดนมัดแล้วขังไว้ในตึกด้านข้างเท่านั้น
หลังจากหาตัวจนเจอ ถังปินกับซ่งเฉียงก็รีบแก้มัดให้พวกเขา
“พวกนายกลับมาได้ยังไง? เจ้านายล่ะ? ปลอดภัยดีหรือเปล่า?”
“เจ้านายจะเป็นอะไรไปได้ยังไง! ถึงจะมีใครเป็นอะไรจริง ก็ต้องเป็นคนอื่นมากกว่า!”
พวกเขาสามคนย่อมเข้าใจว่าจะต้องเป็นอำนาจลับๆ ของเจ้านายที่ช่วยพวกเขาออกมาอยู่แล้ว
“ก็จริง แต่ว่าครั้งนี้พวกเราทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรเลย ปกป้องเจ้านายไม่ได้ ต้องไปขอรับโทษจากเจ้านาย!” เหล่าเจียงบอก คนอื่นๆ เองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ด้วยเหตุนั้น พวกเขาจึงรีบลงจากตึก
ตั้งใจจะไปขอรับโทษจากเยี่ยหวันหวั่น ปรากฏว่า พวกเขาสามคนเห็น…เด็กน้อยคนหนึ่งเดินตามเจ้านายของตัวเองมาแต่ไกล
“เอ่อ…เจ้านายออกบ้านไปแป๊บเดียว ทำไมพาเด็กกลับมาด้วยล่ะ?” เจ้าอ้วนทำหน้างง
เหล่าเจียงเองก็สับสนเหมือนกัน “ถังปิน ซ่งเฉียง เกิดอะไรขึ้น? พวกนายกลับมาได้ยังไง?”
“อ๊ายยยย! คาวาอี้สุดๆ! น่ารักจัง! เจ้าหนูน้อยนั่นเด็กบ้านใครๆๆ!” เจียวเจียวพุ่งเป้าความสนใจทั้งหมดไปที่เด็กน้อย
ถังปินกับซ่งเฉียงมองตากัน จากนั้นก็บอกว่า “เด็กบ้านเราเอง! เจ้าหนูน้อยนั่น…เป็นลูกชายของเจ้านาย…”
“อะไรนะ? ลูกชายของเจ้านาย!” เจียวเจียวปิดปากด้วยความตะลึง
“เชี่ย!” เจ้าอ้วนหลุดปากด้วยความตกใจ “เป็นไปได้ไง?”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? พวกฉันได้ยินมาเองกับหู!”
เจ้าอ้วนหันไปจ้องหน้าเด็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าตกตะลึง “ให้ตาย…มะ…เหมือนเจ้านายอยู่นะนั่น! ใบหน้าเล็กๆ นั่น! เมล็ดพันธ์ของเจ้านายเราชัดๆ!”
ถังปินพูดอย่างเห็นด้วย “ใช่ไหมล่ะ พวกนายก็คิดว่าเหมือนใช่ไหม ฉันกับพี่เฉียงก็ยังคิดว่าเหมือนเลย!”
ซ่งเฉียงลูบคาง แล้วบอกว่า “หน้าตาของนายน้อยเหมือนเจ้านาย แต่บุคลิกกับนิสัยต่างกันสุดขั้วเกินไปไหม? น่าแปลก…”
เจ้าอ้วนมองบนใส่เขา “คิดมากไปได้! มีอะไรน่าแปลก? นิสัยไม่เหมือนเจ้านายเรา ก็ต้องเหมือนพ่ออยู่แล้วสิ!”
ถังปินกับซ่งเฉียงพยักหน้า “มีเหตุผล!”
……………………………………………
[1] หนี้ดอกท้อ หมายถึง เจ้าชู้ เล่นกับความรู้สึกของคนอื่น