ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 292 เรือทะยานเมฆ

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 292 เรือทะยานเมฆ

บทที่ 292 เรือทะยานเมฆ

เหนือม่านเมฆ เรือขนาดใหญ่กำลังค่อย ๆ เคลื่อนออกจากท่าเรือ ในขณะที่แล่นอยู่บนทะเลเมฆหมอก ด้านข้างของตัวเรือเปิดออกพร้อมกางใบเรือสามคู่สูงตระหง่านราวกับตำหนักใหญ่ยักษ์ มีปีกงอกออกมาจากด้านข้างตัวเรือ มันโบกไปมาอย่างเชื่องช้าในทะเลเมฆหมอก

แม้ว่าจะดูเชื่องช้าไปเสียหมด แต่จากอาคมที่ล้อมรอบเรือทั้งลำ ส่งผลให้ความเร็วของเรือลำนี้เร็วมากจนมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นจากด้านข้างของเรืออย่างชัดเจน

“ในที่สุดก็ได้ขึ้นเรือเสียที”

หลีจิ่นเหยาพิงร่างกายกับดาดฟ้าของเรือพร้อมถอนหายใจยาว

“ข้าสาบาน ในชีวิตนี้ไม่เคยเห็นด่านเก็บค่าผ่านทางสามแห่งบนถนนที่สั้นกุดเพียงเท่านั้น สำนักอสูรสวรรค์เป็นสำนักที่ตระหนี่ถี่เหนียวที่สุด แต่ยังไม่กระทำเรื่องเช่นนี้”

“ข้าก็ไม่คาดคิดว่าแดนเซียนจะโลภมากเช่นกัน”

ถังรั่วเวยถอนหายใจ

ในขณะนี้ ชายชรารูปร่างเล็ก ใบหน้าคล้ายนกกระเรียนสวมชุดลูกเรือในแดนเซียนตะวันออกเอนกายมาถามไป๋ชิวหรานกับสตรีทั้งสอง

“ท่านทั้งสามจะไปที่ใดอย่างนั้นหรือ?”

“ไปยังดวงตะวันสวรรค์แห่งสวรรค์ชั้นเจ็ด”

ไป๋ชิวหรานตอบกลับ

“โอ้”

ชายชราพยักหน้า และทันใดนั้นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พลันปรากฏขึ้น เปลือกตาของเขาเบิกกว้าง มุมปากยกยิ้ม ใบหน้าแสดงความยินดีราวกับพังพอนเห็นไก่

“พวกท่านสามคน… เป็นสามร้อยเหรียญ”

“นั่นไม่ถูกต้องแล้ว”

ถังรั่วเวยชี้ไปที่ตนเองพร้อมกล่าวว่า

“ข้าเห็นชัดเจนว่าบนกระดานเขียนไว้เพียงคนละเจ็ดสิบ… อุ้บ อุ้บ อุ้…”

ไป๋ชิวหรานเหยียดมือออกไปเพื่อปิดปากของนาง จากนั้นหยิบเงินสามร้อยเหรียญของแดนเซียนออกจากย่ามโยนให้ชายชราผู้นั้น

“อย่าสนใจนางเลย นี่เงิน…”

“เจ้าเด็กน้อย มีตาหามีแววไม่”

หลังจากได้รับเงินแล้ว ชายชราก็เหลือบมองเงินจำนวนนั้นพร้อมกับเก็บมันลงย่าม และหันมามองถังรั่วเวยแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“สาวน้อย เจ้าทราบหรือไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเซียนหญิงคนสุดท้ายที่ต่อรองราคากับเรา?”

ถังรั่วเวยถูกปิดปากด้วยมือของไป๋ชิวหราน แม้นางจะไม่สามารถกล่าวคำใดได้ แต่สายตายังคงจับจ้องอย่างไม่ลดละ!

“โอ้ เราแนะนำให้นางได้ทำงานดี ๆ บนถนนราตรีที่ไม่เคยเงียบสงบ”

ชายชราเหลือบมองถังรั่วเวยด้วยแววตาชั่วร้าย ก่อนจะกล่าวว่า

“คราวนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป จำไว้ว่านี่คือแดนเซียนตะวันออก ไม่ใช่โลกแห่งผู้ฝึกตน และเจ้าไม่ใช่บรรพชนที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้อีกต่อไป ทว่าเป็นเพียงผู้ฝึกตนที่ต่ำต้อยที่สุดเท่านั้น!”

เมื่อเห็นว่าชายชรากลับเข้าไปในประตูห้องโดยสารแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงปล่อยมือที่ปิดปากของถังรั่วเวยออก

“อย่าพยายามสร้างปัญหา นิ่งเฉยเข้าไว้”

ชายหนุ่มกล่าวกับนาง

“เงินไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเรา และการแก้ปัญหาด้วยเงินก็ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องกังวล”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

ถังรั่วเวยก้มศีรษะลงอย่างรู้สึกผิด

“อย่างไรก็ตาม ข้าไม่คาดหวังว่าแดนเซียนจะเป็นเช่นนี้”

หลีจิ่นเหยาขมวดคิ้ว ก่อนจะกล่าว

“หากข้าทราบเรื่องนี้มาก่อน มันคงดีกว่าหากที่จะเป็นเซียนและอยู่ในโลกอย่างสบายใจ”

“คนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ”

ไป๋ชิวหรานถอนหายใจ

“เหล่าเซียนก็เช่นกัน”

“แล้วเราจะปล่อยชายชราตัวเหม็นนั่นไปอย่างนั้นหรือ?”

หลีจิ่นเหยาแตะกระบี่คู่ที่เอวก่อนจะมองในทิศทางที่ชายชราผู้นั้นหายตัวไป

“ท่านก็ได้ยินแล้ว ท่านบรรพชนกระบี่ คนพวกนั้นข่มเหงผู้ฝึกตนที่มาใหม่ นั่นย่อมไม่ใช่คราแรกที่พวกมันกระทำเรื่องเช่นนี้ ถนนราตรีที่ไม่เคยเงียบสงบอะไรกัน? ที่นี่ไม่ใช่แดนแห่งสรวงสวรรค์อย่างนั้นหรือ? เหตุใดถึงยังมีการบังคับให้เซียนกลายเป็นนางบำเรอเล่า?”

หลีจิ่นเหยาเป็นผู้ฝึกตนของสำนักอสูรสวรรค์ และสำนักอสูรสวรรค์ไม่เคยสั่งสอนให้นางเข้าใจถึงคำว่า ‘อดทนสักครู่ แล้วท้องฟ้าจะงดงาม’ ว่ากันว่าชายชราผู้นั้นกล่าววาจาหยาบคายต่อนางและผองเพื่อน หากนางไม่แก้แค้น เรื่องราวนี้จะติดอยู่ในใจไปอีกแสนนาน

“แน่นอนว่าคนเหล่านี้ต้องได้รับบทเรียน แต่การจะสั่งสอนบทเรียนให้กับคนเหล่านั้นจำเป็นต้องรอเวลา”

ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะ

“ปล่อยให้พวกเขาตายตกไปอย่างไม่ทราบความผิด และทั้งหมดเป็นเพียงอุบัติเหตุ”

เรือทะยานเมฆแล่นไปในทะเลเมฆหมอกเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน ในระหว่างนั้นเหล่าเซียนทั้งหลายลงจากเรือไปสู่สถานที่ที่โปรดปรานเพื่อเข้าสู่โลกใบใหม่

หลังจากผ่านพ้นหนึ่งเดือน เรือทะยานเมฆได้หยุดที่แท่นของดวงตะวันสวรรค์แห่งสวรรค์ชั้นเจ็ดของแดนเซียนตะวันออก

ทั้งสามลงจากเรือ ก่อนจะก้าวพ้นเขตของเรือ ไป๋ชิวหรานหยุดฝีเท้าชั่วขณะอย่างตั้งใจ ก่อนจะกระทืบปีกของเรือทะยานเมฆอย่างเงียบเชียบ…

หลังจากสังเกตการณ์มากว่าหนึ่งเดือน ไป๋ชิวหรานพบว่าเขาผิดหวังที่ลูกเรือบนเรือลำนี้ล้วนแต่เป็นขยะในหมู่เซียน ไม่ต้องกล่าวถึงการบังคับให้เซียนหญิงกลายเป็นโสเภณี แต่พวกเขายังทำเรื่องเลวทรามมากมาย เช่นการปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี อีกทั้งยังทิ้งขว้างศพราวกับเป็นเรื่องปกติ!

ดังนั้นเขาจึงทิ้งปราณกระบี่ไว้ในเรือทะยานเมฆลำนี้ เพื่อให้ผู้บริสุทธิ์ปลอดภัย ปราณกระบี่นี้จะไม่ระเบิดในทันที มันจะรอให้เรือทะยานเมฆเข้าสู่สวรรค์ชั้นเก้าเสียก่อน หลังจากที่เหล่าเซียนขยะที่อยู่บนเรือต้องอยู่ตามลำพังโดยไร้ผู้โดยสาร เมื่อนั้นมันจะระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ

หลังจากจัดการเสร็จสิ้นแล้ว ไป๋ชิวหรานกับสตรีทั้งสองก็ออกจากเรือพร้อมกัน และมุ่งหน้าเข้าสู่แดนเซียนตะวันออกอย่างเป็นทางการ

โครงสร้างของแดนเซียนทั้งห้านั้นแตกต่างกัน ในแดนเซียนทั้งสี่ ตะวันออก ตะวันตก เหนือ และใต้นั้นคล้ายคลึงกัน ทั้งหมดประกอบด้วยสวรรค์เก้าชั้น ซึ่งแต่ละลำดับแตกต่างกันไป

อย่างเช่น ในแดนเซียนเหนือ สวรรค์แดนเหนือเป็นสวรรค์สูงสุดในสวรรค์ทั้งเก้า และแดนสวรรค์ตะวันออกแห่งนี้ สวรรค์ชั้นสูงสุดคือสวรรค์ตะวันออก ซึ่งเป็นเมืองของจักรพรรดิชิงตะวันออก และเหล่าข้าราชบริพารของเขาย่อมอยู่ที่นั่น

ในดินแดนแห่งนี้ มีเหล่าเซียนที่อยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิชิงตะวันออกคอยคุ้มกันอยู่ ขณะนี้ไป๋ชิวหรานกำลังจะเข้าสู่ดวงตะวันสวรรค์แห่งสวรรค์ชั้นเจ็ด นี่คือสถานที่ที่ผู้ทรงเกียรติหยางที่ถูกคุมขังอยู่ในยมโลกเคยปกครอง

โครงสร้างหลักของเมืองสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่นี้ คือดินแดนที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้า นอกจากนี้ยังมีอสูรต่างดาวจำนวนมากอาศัยอยู่ในทะเลเมฆหมอก และบางตนก็มีอันตรายยิ่ง

หลังออกจากชานชาลาเรือทะยานเมฆมาแล้ว ด้านนอกเป็นเมืองท่าเซียนที่ใหญ่ที่สุดในสวรรค์ชั้นเจ็ด สิ่งก่อสร้างบนสถานที่แห่งนี้ทั้งหรูหราวิจิตร มันเต็มไปด้วยทองคำ ไข่มุก มรกต และหยกขาว ทั้งหมดล้วนถูกใช้เป็นวัตถุพื้นฐานในการก่อสร้าง แน่นอนว่าวัตถุเหล่านี้ไร้ซึ่งประโยชน์สำหรับเหล่าเซียน

ในแดนเซียนแห่งนี้มีจุดแนะนำสำหรับสำนักต่าง ๆ ในแดนเซียนด้วย รวมไปถึงมีพ่อค้าข่าวกรองที่เชี่ยวชาญในแดนเซียน พวกเขาจะขายความรู้และวิธีหาเงินให้กับเซียนผู้มาใหม่

เพียงแค่มีเหรียญแดนเซียนห้าเหรียญ เช่นนั้นก็สามารถได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครอบคลุมของแดนเซียนแล้ว แน่นอนว่าหากต้องการได้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น เมืองใดยอดเยี่ยมที่สุดในแดนเซียน หรือสำนักใดทรงอำนาจที่สุด หรือตามหาใครบางคน และอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องจ่ายเพิ่มเพื่อได้รับข้อมูลที่มากขึ้น

หลังจากสอบถามไปบางส่วนแล้ว ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ก็มาถึงสถานที่ขายข่าวกรองในแดนเซียน ถนนสองแถวที่เรียงรายอยู่ทั้งหมดล้วนแต่เป็นพ่อค้าข่าวกรองทั้งสิ้น

แน่นอน… เหล่าพ่อค้าข่าวกรองย่อมคิดหลอกลวงผู้คน และคาดว่ามีเพียงไม่กี่คนที่จะสัตย์ซื่อ เช่นนี้ไป๋ชิวหรานจึงไม่คิดที่จะคาดหวังกับพวกเขามากนัก

เขาเพียงแค่เลือกมาสักคน

หลังจากที่พิจารณาอยู่สักครู่ใหญ่ เขาก็เดินตรงเข้าไปหาชายวัยกลางคนรูปร่างผอมบางในชุดคลุมราคาถูกที่ยืนอยู่หัวมุมถนน…

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท