บทที่ 356 อาจารย์อสูรของไป๋ชิวหราน
บทที่ 356 อาจารย์อสูรของไป๋ชิวหราน
บนสายธารแห่งความว่างเปล่า เรือบินขนาดกลางแล่นไปตามแม่น้ำจนถึงปลายเส้นทางของมัน ตรงหน้าคือกำแพงแห่งความตระหนักรู้หลากสีสัน
บนด้านฟ้าของเรือบิน มีชายและหญิงสี่คนยืนอยู่ ทุกคนมองกำแพงแห่งความตระหนักรู้ไร้ขอบเขตตรงหน้า
“น่าตื่นเต้นจริง ๆ”
หลีจิ่นเหยาถอนสายตาออกจากกำแพงพร้อมถอนหายใจ
“ท่านบรรพชนกระบี่ชิวหราน จิ่นเหยามีปัญหาบางสิ่ง”
“ปัญหาใด?”
ไป๋ชิวหรานกล่าวถาม
“ท่านบอกว่ากำแพงแห่งความตระหนักรู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสร้างขึ้น ดูจากรูปลักษณ์แล้วน่าจะถูกสร้างโดยพวกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของกำแพง… ทว่าอสูรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคิดจะรุกรานฝั่งนี้ตลอดไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดพวกมันถึงต้องสร้างกำแพงเพื่อกักขังตนเองไว้ในนั้นด้วย?”
หลีจิ่นเหยาเผยความสับสน
“เรื่องนี้ข้าก็ยังสับสนด้วยเช่นกัน”
ไป๋ชิวหรานส่ายศีรษะ
“มันเป็นการสร้างปราการคุ้มกันภายในไม่ให้ออกสู่ภายนอก หรือเพื่อป้องกันสิ่งภายนอกไม่ให้รุกรานเข้ามากันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นข้อใด เราจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่าอาจารย์อสูรที่อยู่ภายในเป็นเช่นไร… ต้องเริ่มทีละขั้นตอน พร้อมหรือยัง จำที่ข้าบอกกล่าวได้หรือไม่?”
“จดจำได้”
เจียงหลาน ถังรั่วเวย ซูเซียงเสวี่ย และหลีจิ่นเหยาพยักหน้าพร้อมกัน
“เช่นนั้นข้าจะเปิดผนึก แล้วทุกคนตามข้ามา”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก
“ข้าจะพยายามสร้างอาจารย์อสูร พวกเจ้ารอให้ข้าจัดการสำเร็จก่อน และนั่นยังไม่สายเกินไปที่จะสรุปเรื่องของอาจารย์อสูร”
หลังกล่าวเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานก็เคลื่อนไหวจิตสำนึกของตน ดึงส่วนหนึ่งของจิตสำนึกไปที่ผนึกใหญ่บนรอยร้าวของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ และเปิดเส้นทางตรงกลางออก
เจียงหลานกับซูเซียงเสวี่ยร่วมกันควบคุมเรือบินให้เข้าสู่ช่องทางนี้ และทั้งหมดมาถึงอีกด้านของกำแพงแห่งความตระหนักรู้
ดินแดนอาจารย์อสูรโลหิตความตายเป็นโลกแห่งจิตสำนึกโดยสมบูรณ์ มันเชื่อมต่อกับห้วงแห่งจิตสำนึกไร้ขอบเขตที่แผ่กระจายออกไปในห้วงความว่างเปล่านี้ รวมถึงเชื่อมต่อโลกจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าด้วยกัน ราวกับเป็นตาข่ายใยแมงมุมที่ส่องประกายระยิบระยับ
อีกด้านของกำแพงแห่งความตระหนักรู้ ยังมีกองกำลังอาจารย์อสูรประจำการอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะไป๋ชิวหรานใช้วิชากระบี่คู่เพื่อการนองเลือดในคราวที่แล้วหรือไม่ เพราะพวกมันมีจำนวนน้อยกว่าตอนที่ไป๋ลี่ยึดครองสถานที่แห่งนี้อยู่มาก
กำแพงแห่งความตระหนักรู้เปลี่ยนไป และอสูรที่เฝ้าอยู่ในสถานที่แห่งนี้พบเบาะแสผู้บุกรุก พวกมันรวมตัวกันทว่ากลับล้มเหลวที่จะหยุดไป๋ชิวหรานและพรรคพวกไว้ได้
ท้ายที่สุด การแทรกซึมขั้นสูงคือการสังหารศัตรูทั้งหมดที่พบเจอ ฆ่าพวกมันทันทีที่ได้พบ ก่อนที่พวกมันจะทันได้ส่งสัญญาณไปยังผู้นำของตน
“ตราบใดที่พวกมันตายตก ผู้นำอสูรเหล่านี้จะทราบการมาเยือนของพวกเรา อย่างน้อยหลายร้อยปีถัดไป ทั้งหมดจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง”
ไป๋ชิวหรานยืนบนวารีสารทกระจ่างฟ้าขณะบินกลับมา และกล่าวกับสตรีบนเรือด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“คำพูดของท่านนับวันยิ่งคล้ายคลึงอสูรมากขึ้นทุกที เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านกำลังจะเป็นเหมือนภรรยาของตน?”
จื้อเซียนซึ่งห้อยอยู่ที่เอวอดไม่ได้ที่จะถ่มน้ำลายออกมาคำโต
ไป๋ชิวหรานตบจื้อเซียนเบา ๆ พร้อมกล่าวกับสตรีบนเรือ
“ข้าพร้อมที่จะดำเนินการแล้ว ร่างกายทั้งหมดของข้าขอให้ช่วยปกป้องด้วย”
“ให้เป็นหน้าที่พวกเรา”
เจียงหลานกล่าวตอบ
“สำหรับเหล่าอาจารย์อสูร ข้าสามารถวางใจเจ้าได้”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าแล้วเริ่มดำเนินการสร้างอาจารย์อสูรของตนเอง
อีกฝั่งของกำแพงแห่งความตระหนักรู้เหล่านี้เป็นโลกเขตแดนสติสัมปชัญญะมาเนิ่นนาน และเขาไม่จำเป็นต้องเลือกสถานที่ใดเป็นพิเศษ ใต้ฝ่าเท้าคือเขตแดนจิตสำนึกที่เชื่อมต่อกับโลกมากมายเอาไว้
มันไม่ยากเลยหากจะกลั่นกรองอาจารย์อสูรขึ้นมา ไป๋ชิวหรานเพียงนึกถึงความแข็งแกร่งที่สุด จากนั้นเขตแดนจิตสำนึกแห่งนี้ก็จะตอบสนองเขาโดยธรรมชาติ
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกและปิดเปลือกตาลงก็เข้าสู่สมาธิ
ต้องการสร้างรากฐาน สร้างรากฐาน สร้างรากฐาน…
หลังจากเข้าสู่สมาธิแล้ว เขตแดนจิตสำนึกของโลกใกล้เคียงทั้งหมดเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ด้านหน้าของไป๋ชิวหรานมีบางสิ่งก่อกำเนิดขึ้น กระแสจิตสำนึกนับไม่ถ้วนถูกดูดซับออกจากเขตแดนจิตสำนึกภายในโลกต่าง ๆ ก่อนจะเกิดเป็นกระแสน้ำวนขนาดยักษ์!
อาจารย์อสูรหลายตนรับรู้ได้ถึงความผันผวนของพลังนี้ พวกมันรีบหนีห่างอย่างตื่นตระหนก
ความผันผวนทั้งหมดคล้ายกับว่าเป็นสิ่งที่พวกมันคุ้นเคย ทั้งยังคือสัญญาณการกำเนิดของหนึ่งใน ‘สิ่งที่คล้ายกัน’ กับพวกมัน แต่สิ่งนี้น่ากลัวกว่ามาก พวกมันไม่กล้าจินตนาการว่าการถือกำเนิดคราวนี้คือสิ่งใด
บางทีอาจมีเพียงอสูรขั้นสูงสุดที่เป็นผู้นำในห้วงลึกของเขตแดนจิตสำนึกเท่านั้นที่จะสามารถปะทะกับสิ่งนี้ได้
และที่สำคัญไปกว่านั้น อสูรที่ถือกำเนิดใหม่ล้วนหิวโหย ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณของสิ่งมีชีวิตในโลกกายภาพ ไม่ว่าจะอ่อนแอ หรือเทียบเท่า มันยินดีกลืนกินสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด และอสูรที่อยู่ใกล้เคียงไม่คิดจะกลายเป็นอาหารแห่งอสูรที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น
จากสัญชาตญาณนี้ทำให้พวกมันเคลื่อนไหวทันที จนกระทั่งความผันผวนของพลังเริ่มอ่อนกำลังลง มันจึงค่อย ๆ หยุดและเฝ้ารับชมอยู่ห่าง ๆ
ความผันผวนรุนแรงนี้แผ่กระจายไปถึงส่วนลึกของเขตแดนจิตสำนึก และสิ่งมีชีวิตหลายตนที่ฝังรากลึกอยู่ภายในนั้นรับรู้ถึงมันได้ ทว่าไป๋ชิวหรานกลับไม่ทราบเรื่องนี้
และแม้เขาจะทราบ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่คิดสนใจ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถโบยบินด้วยกำลังอันแข็งแกร่งที่สามารถเหาะเหินกระบี่บินเช่นพวกเขา เพราะพวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้นในการออกเดินทางสำรวจห้วงกระแสแห่งความว่างเปล่านี้
ระยะเวลาที่อสูรระดับสูงต้องใช้เดินทางจากส่วนลึกเขตของแดนจิตสำนึกมาที่นี่ อย่างน้อยก็ใช้เวลานานนับปี ตอนนั้นไป๋ชิวหรานกับคนอื่น ๆ คงจะปิดผนึกและเดินทางกลับบ้านแล้ว
ชายหนุ่มไม่คิดกังวลว่าจะมีสิ่งใดแข็งแกร่งยิ่งกว่าไป๋ลี่ในหมู่พวกมัน หากเป็นเช่นนั้นไป๋ลี่คงไม่สามารถผนึกตนเองไว้ที่กำแพงแห่งความตระหนักรู้ได้กว่าเจ็ดหมื่นปี เขาคงถูกอสูรทั้งหมดกลืนกินหมดสิ้นแล้ว…
ในเวลานี้ ทุกคนกำลังพุ่งสมาธิไปกับการแยกจิต พร้อมภาวนาในจิตใจไม่ลดละ เบื้องหน้ากระแสน้ำวนที่ปั่นป่วนกวาดล้างเขตแดนจิตสำนึกนับไม่ถ้วนให้ขาวสะอาด กระทั่งในที่สุดร่างหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
ร่างใหญ่โตหลบซ่อนอยู่ในม่านหมอกอันพร่ามัว
“ตอนนี้!”
เมื่อเห็นรูปลักษณ์เช่นนั้น ไป๋ชิวหรานจึงเปิดใช้งานเคล็ดวิชาแยกจิตทันที และนำส่วนหนึ่งของความคิดไปแทรกตัวเข้าสู่ร่างกายที่ถือกำเนิดขึ้นใหม่
นี่คือการปรับปรุงที่เพิ่งคิดค้นได้ในเคล็ดวิชาแยกจิต มันจะเอาชนะและสามารถยึดครองร่างของศัตรูได้ทันที ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะถูกอสูรโจมตี แต่ยังช่วยชี้นำทิศทางเมื่ออสูรถือกำเนิดขึ้นด้วย การสร้างอาจารย์อสูรจากความคิดของพวกเขาต้องสร้างอสูรที่ตอบสนองความต้องการให้มากที่สุด
ในระยะเวลาสั้น ๆ มันคือการเปลี่ยนกระบวนท่าดั้งเดิมที่เฝ้ารออสูรเติบโต ทว่าตอนนี้กลับมันกลายเป็นสิ่งที่บีบบังคับอสูรกำเนิดใหม่อย่างสมบูรณ์
ความคิดของไป๋ชิวหรานประสบความสำเร็จ เพราะมันกลายเป็นอสูรจิตสำนึกที่โดดเด่น และทันทีที่เริ่มถ่ายเทพลังจิตสำนึกอย่างต่อเนื่อง มันจึงได้เริ่มก่อตัวเป็น ‘อาจารย์อสูรที่สมบูรณ์แบบ’ ตามความปรารถนาของเขาเอง!