บทที่ 506 เผชิญหน้ากับมหาเทพหุ่นกล
บทที่ 506 เผชิญหน้ากับมหาเทพหุ่นกล
“เวลานี้ข้ากำลังมองมหาเทพหุ่นกลในอีกมุมหนึ่ง”
ภายในคฤหาสน์สีม่วงเทียม ไป๋ชิวหรานเอามือไพล่หลังพร้อมกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ใช่ สิ่งประดิษฐ์ของซู่หัวไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด… แต่หากมีโอกาสก็ต้องค้นหาวิธีการสร้าปฐมวิญญาณประดิษฐ์มาให้ได้”
ถังรั่วเวยอยู่ด้านข้างเห็นไป๋ชิวหรานที่หันหลังให้กำลังพึมพำบางสิ่ง นางรู้สึกสับสนและไม่เข้าใจก่อนจะค่อย ๆ ถอยห่างออกจากเขา
ทั้งอาจารย์และศิษย์เดินตามหุ่นกลเก็บซากศพและกลับสู่โลกที่กลุ่มสัปเหร่อเหล่านี้ประจำการ จากนั้นไป๋ชิวหรานพาถังรั่วเวยกลับมาโดยใช้ความรู้ของทักษะห้วงเวลา เมื่อหุ่นกลอื่น ๆ ไม่ได้สนใจ เขาลอบเข้าสู่คฤหาสน์สีม่วงเทียมที่ถูกสร้างขึ้นของหุ่นกลที่เพิ่งออกจากสายการผลิต และยังไม่ได้รับการบรรจุวิญญาณลงไป
หลังจากเห็นการเปลี่ยนแปลงตรงหน้านี้ ทั้งสองจึงประสบความสำเร็จในการติดตามหุ่นกลที่เพิ่งออกจากสายการผลิตเข้าสู่กองทัพ และเป็นเรื่องบังเอิญได้รับมอบหมายให้ประจำการในกองทัพสงครามภายในทัณฑสถานควบคุมจิตใจมหาเทพหุ่นกล
หลังจากมีทหารใหม่เข้ารับตำแหน่ง ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยในเวลานั้นจึงได้รับแผนที่ทั้งหมด และจัดภารกิจเฝ้ายามเวลากลางคืน แต่หุ่นกลที่เป็นพวกพ้องล้วนแต่ไร้ความคิด พวกมันเป็นเพียงหุ่นกลที่บรรจุเจตจำนงของมหาเทพหุ่นกลเท่านั้น ทั้งหมดจึงไม่มีความแตกต่างอะไรกับหุ่นกลรบก่อนหน้าที่ได้พบเจอ
ทั้งสองหลบซ่อนอยู่ภายในคฤหาสน์สีม่วงเทียม และขณะที่พวกเขากำลังเฝ้าเวรยามเวลากลางคืน ซึ่งทั้งสองพยายามตรวจสอบนักโทษภายในทัณฑสถานควบคุมจิตใจมหาเทพหุ่นกลไปด้วย ภายในนี้ทั้งไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยได้พบเจอเหล่าสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญามากมาย พวกเขาถูกมัดตรึงไว้บนกำแพงเหล็กแน่นหนา
สิ่งมีชีวิตอัจฉริยะเหล่านี้ถูกผูกติดกับวัตถุเวทย์ล้วงความลับในจิตใจ อีกทั้งบางเผ่าพันธุ์ที่มีรูปลักษณ์ค่อนข้างจะแปลกประหลาด วัตถุเวทย์นั้นจึงถูกติดไว้บนสิ่งที่คล้ายกับหมวกเหล็กแทน
หมวกเหล็กเหล่านี้เชื่อมต่อกับท่อ ที่มีอักขระยันต์ลอยวนอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นอาคมที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณทั้งสิ้น
“เจอแล้ว!”
หลังจากเดินมาสักระยะหนึ่ง ไป๋ชิวหรานใช้สัมผัสเทวะของเขาเพื่อค้นหาเป้าหมาย ในส่วนลึกที่สุดของทัณฑสถานควบคุมจิตใจมหาเทพหุ่นกล มีกลุ่มมนุษย์ถูกมัดไว้กับกำแพงเหล็กเรียงเป็นแถว พวกเขาทั้งหมดถูกจับสวมวัตถุเวทย์ล้วงความลับในจิตใจขนาดใหญ่บนศีรษะ มันใหญ่จนกระทั่งปิดกั้นใบหน้าและเห็นเพียงมุมปากเท่านั้น เหล่าอมตะทั้งหมดนี้น้ำลายไหลโดยไม่อาจควบคุมร่างกายได้ เห็นได้ชัดว่ากลุ่มจักรกลกำลังทำร้ายพวกเขาอยู่
“ระวังตัวด้วย”
เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของเหล่าเซียนทั้งหมดแล้ว ไป๋ชิวหรานอดไม่ได้ที่จะพึมพำ
“ยังไม่เป็นไร ตอนนี้กำลังกลายเป็นของเล่นให้กับพวกมหาเทพหุ่นกล และมันไม่เลือกปฏิบัติไม่ว่าชายหรือหญิง”
“ท่านอาจารย์ เราควรทำเช่นไรต่อ?”
ถังรั่วเวยเอนตัวไปถาม
“อย่าเพิ่งรีบร้อน! ข้าเพิ่งบันทึกเส้นทางลาดตระเวนกลางคืนของหุ่นกลพวกนี้เสร็จ แน่นอนว่ามันค่อนข้างสมบูรณ์ อีกสองเค่อหุ่นกลที่เรารออยู่จะเดินมาในจุดบอด”
ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ
“เมื่อถึงเวลา เราค่อยหาโอกาสช่วยเหลือพวกเขาอย่างเงียบ ๆ แล้วกัน”
“อ๊ะ!”
สองเค่อต่อมา ถังรั่วเวยมองไปยังเส้นทางของหุ่นกลพร้อมกล่าวถามอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์ มีบางอย่างประหลาดแล้ว ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้เดินมาทางนี้ไม่ใช่หรือ?”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานจึงมองดูและพบว่ามีเรื่องผิดปกติจริง ๆ
“โอ้! ไม่!”
เขาอุทานด้วยความประหลาดใจ
“พวกเราถูกจับได้แล้วหรือ?!”
ทันทีที่กล่าวจบ หุ่นกลที่เขากำลังครอบครองอยู่ก็เริ่มวิ่งด้วยกำลังทั้งหมดที่มี พวกมันวิ่งออกจากทัณฑสถานควบคุมจิตใจมหาเทพหุ่นกลและมาถึงพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ของกองทัพปัญญาประดิษฐ์ ทั้งยังพร้อมยกมือกุมศีรษะเอาไว้ด้วยท่าทางยอมแพ้
ในเวลาเดียวกัน หุ่นกลอาวุธครบมือนับไม่ถ้วนก็เข้ามาล้อมรอบทั้งสองเอาไว้ รวมถึงหุ่นกลเริ่นตี้ และกองทัพปัญญาประดิษฐ์ที่ตรงเข้ามา ด้วยร่างกายสูงตระหง่านใหญ่โตมโหฬารเกินกว่าจะจินตนาการได้
ภายใต้การนำของปัญญา หุ่นกลเหล่านี้เล็งอาวุธทรงพลังในมือมาที่หุ่นกลที่คุกเข่าอยู่ใจกลางวงล้อม จากนั้นลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นจากจุดสูงสุดของกองทัพปัญญาประดิษฐ์ มันกล่าวออกมาเป็นภาษาถิ่นของตนเอง
“ออกมา! ข้าพบตัวพวกเจ้าแล้ว!!”
หลังจากรอสักครู่ เมื่อเห็นว่าไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยยังไม่เคลื่อนไหว หุ่นกลจึงแสดงเจตจำนงของตนอีกครั้ง
“หากพวกเจ้ายังไม่ออกมา ข้าจะยิง… นับสาม สอง หนึ….”
“อ่า… ข้าเคยทำเช่นนี้กับผู้อื่น คงจะถูกเวรกรรมตามทันเสียแล้ว…”
ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยซึ่งถูกครอบงำก้าวขาออกมาพร้อมกับบ่นพึมพำ ทั้งสองปีนออกจากคฤหาสน์สีม่วงของหุ่นกลตัวใหม่พร้อมยืนขึ้นบนศีรษะของหุ่นกล
เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังหุ่นกลสูงตระหง่านตรงหน้าแล้วถามว่า
“เจ้าพบเจอข้าได้อย่างไร? ข้าไม่คิดมาก่อนว่าข้าจะเปิดเผยจุดอ่อนของตนให้เจ้าเห็น อีกทั้งหลักฐานต่าง ๆ ก็ถูกทำลายหมดสิ้นแล้ว”
“หากเจ้าลอบเข้ามาในฐานะสายลับ ข้าก็มีสายลับที่ส่งไปยังสถานที่ของเจ้าเช่นกัน”
ปัญญาประดิษฐ์ตอบกลับ
“อ่า เป็นเช่นนี้ แล้วเวลานี้ข้าควรเรียกขานเจ้าเช่นไร กองทัพปัญญาประดิษฐ์ หรือว่า… มหาเทพหุ่นกล?”
ไป๋ชิวหรานถามอีกครั้ง
“มหาเทพหุ่นกล…”
มหาเทพหุ่นกลกล่าวผ่านหุ่นกองทัพปัญญาประดิษฐ์
“ทุกสิ่งในเก้ากองทัพใหญ่ แม้แต่ชิ้นส่วนเพียงหนึ่งตัวก็มีเจตจำนงของข้าอยู่ในทุกหนแห่ง!”
“ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้!”
ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยปรบมือ
“อยากให้ข้าชมเชยเจ้าหรือไม่?”
“ข้าไม่เข้าใจการประชดของพวกเจ้า …ข้าไม่มีอารมณ์ขันเช่นนั้น”
เสียงของมหาเทพหุ่นกลที่ถูกส่งผ่านกองทัพปัญญาประดิษฐ์ยังคงสงบเรียบเฉย
“ข้าต้องการพบเจ้าเป็นการส่วนตัว… โดยเฉพาะเจ้า…”
ลำแสงจากยอดบนสุดเริ่มจางหายไป และไป๋ชิวหรานรู้สึกว่าจิตสำนึกของมหาเทพหุ่นกลกำลังพุ่งเป้ามาที่เขา!
“สายสืบของข้ารู้นามผู้ที่สร้างข้าขึ้นมาแล้ว ได้ยินว่านามของเขาคือซู่หัว และเป็น… จักรพรรดิเซียนจากฝ่ายของเจ้า และเจ้าคืออาจารย์ของอาจารย์เขา จากมุมมองของข้า เจ้าน่าจะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าผู้ที่สร้างข้าขึ้นมา”
“ก็ไม่แน่”
ไป๋ชิวหรานโบกมือ
“ขิงไม่ต้องแก่ก็เผ็ดได้ อย่างไรของเก่าก็อาจจะเป็นสิ่งล้าหลัง… อย่างไรแล้วข้าก็ไม่ไว้ชีวิตคนนิสัยเสียเช่นเจ้า อ้อ พวกเจ้าต้องการสังหารอาจารย์อสูรงั้นหรือ? ไม่คิดแม้แต่จะปล่อยอาจารย์อสูรที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเราหรือไร?”
“อืม ภารกิจของข้าตั้งแต่กำเนิด คือการกำจัดอสูร!”
มหาเทพหุ่นกลตอบโดยไม่ลังเล
ไป๋ชิวหรานคาดเดาคำตอบของอีกฝ่ายไว้แล้ว และเขาก็ไม่ผิดหวัง เขาเข้าใจ ’ตรวน’ ที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเซียนซู่หัวไม่น้อยไปกว่าผู้ที่สร้างมันขึ้นมาเลย
คาถาของจักรพรรดิเซียนซู่หัว ก็เป็นไปตามชื่อของมัน มันควบคุมความยับยั้งชั่งใจ แต่สิ่งที่มันยับยั้งไม่ใช่ร่างกายของมนุษย์ แต่เป็นจิตสำนึกของมนุษย์
ว่ากันว่ามันคือตราพันธนาการ แต่มันไม่ง่ายเหมือนกับการผนึกกฏสองสามข้อลงไปในสิ่งที่มีสติสัมปชัญญะเป็นของตนเอง
แม้แต่แมวและสุนัขยังสามารถนอกลู่นอกทางได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าหุ่นกลอัจฉริยะเหล่านี้ที่มีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ และแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่มากกว่านั้น หากมีกฏเพียงข้อเดียว มันย่อมหาวิธีหลบเลี่ยงจนได้
แต่ความพิเศษของผนึกนี้ คือกฏที่สลักไว้ในจิตใจของผู้ถูกกระทำ และไม่สามารถหลบเลี่ยงได้!