ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 558 ไม่มีทางเลือก

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 558 ไม่มีทางเลือก

บทที่ 558 ไม่มีทางเลือก

แท้จริงแล้วแผนการเหล่านี้ไม่ควรถูกปรับเปลี่ยน แต่เพราะไป๋ชิวหรานสามารถรับมือกับผลกระทบที่จะตามมา และเพราะอีกฝ่ายอยู่ในฐานะอาจารย์ของอาจารย์ และเป็นผู้ให้กำเนิด ทั้งเล่อเจิ้นเทียนและมหาเทพหุ่นกลจึงไว้วางใจในตัวเขา ดังนั้นจึงยอมรับคำขอที่ต้องการให้ปรับเปลี่ยนแผนการรบอย่างกะทันหัน

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหงหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเมื่อพวกเขาเห็นไป๋ชิวหราน เพราะเมื่อพวกเขาได้พูดคุยกับเล่อเจิ้นเทียน จักรพรรดิเซียนผู้นั้นเอาแต่โอ้อวดเกี่ยวกับแผนการรบจนกลายเป็นเรื่องเพ้อฝัน ชาวนครสรวงสวรรค์ทั้งหมดได้ฟังจึงคิดว่าตนเองอยู่เหนือกองทัพแมลงอย่างแน่นอน แต่เมื่อถึงเวลาจริง ฝ่ายตรงข้ามกลับแจ้งมาว่า ‘ต้องการเปลี่ยนแผนการรบ’

ไม่เพียงแต่ถอนกองกำลังทหารออกไปเท่านั้น …แต่กองทหารสังหารซึ่งเป็นกุญแจสู่ชัยชนะในแนวหน้ายังถูกปรับตำแหน่งด้วยเช่นกัน และใครก็ตามที่คิดเข้ามาแทนที่จะถูกตำหนิรุนแรง

แน่นอนว่าไป๋ชิวหรานประจักษ์ในเรื่องนี้ คงไม่เป็นไรหากเขาได้รับชัยชนะ แต่หากไม่ชนะ เขาจะต้องรับผิดชอบความล้มเหลวทั้งหมด และในฐานะบรรพชนกระบี่แห่งแดนเซียน ไม่มีใครในแดนเซียนกล้าที่จะลงมือกับเขา และเขาต้องตัดสินใจรับความผิดทั้งหมดเอาไว้แทนเล่อเจิ้นเทียน หากสิ่งนั้นเกิดขึ้น แน่นอนว่าไป๋ชิวหรานจะไม่ให้อภัยตนเองเด็ดขาด

ดังนั้นเพื่อทำตามสัญญาที่บอกกล่าวไว้ว่า ‘จะไม่มีผู้ใดถูกทอดทิ้ง’ และบรรลุเป้าหมายที่คิดไว้ แมลงพวกนี้จะไม่มีวันแพร่พันธุ์ได้อีก ไป๋ชิวหรานจึงเตรียมพร้อมอย่างยิ่งในการต่อสู้ครั้งนี้

สิ่งนี้เรียกอีกอย่างว่าเพื่อรักษาหน้าและบรรเทาความทุกข์

ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้าย ไป๋ชิวหรานจึงเข้าร่วมในแนวปราการป้องกันและสังเกตสถานการณ์การต่อสู้ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่างใกล้ชิด

หลีจิ่นเหยากับเจียงหลานยังคงยืนเคียงข้างเขา และเฝ้ามองการต่อสู้ตรงหน้าอย่างกระวนกระวายใจ

ทั้งสองปลดปล่อยร่างอาจารย์อสูรออกไปแล้ว มันติดตามกองกำลังอาจารย์อสูรของแดนเซียนไป เวลานี้ทั้งหมดกำลังต่อสู้ร่วมกับกองทัพทหารนครสรวงสวรรค์

“ความสามารถในการวิวัฒนาการของแมลงพวกนี้รวดเร็วเกินไป”

หลังจากเฝ้ามองมาสักครู่หนึ่ง ไป๋ชิวหรานก็ถอนสายตาจากภาพตรงหน้า

“อีกสักห้าระลอก… ไม่สิ สามระลอก หลังจากผ่านพ้นสามระลอกนี้ไป พวกมันน่าจะรับมือกับอาจารย์อสูรได้แล้ว”

“หมายความว่าอย่างไร?”

คำพูดของเขาทำให้เจียงหลานและหลีจิ่นเหยาตื่นตระหนก

“แมลงพวกนี้กำลังจะใช้จิตวิญญาณเพื่อสามารถเอาชนะอาจารย์อสูร?”

“ไม่ใช่ จุดอ่อนของวิญญาณคือจุดอ่อนของสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ มันยากมากหากพวกมันคิดเอาชนะ หากพวกมันทำได้ มันย่อมไม่มาที่นี่ ดินแดนในห้วงแห่งความว่างเปล่าทั้งหมดคงจะกลายเป็นพื้นที่ไล่ล่าสำหรับพวกมันแล้ว”

ไป๋ชิวหรานกล่าวตอบ

“ถึงพลังของพวกมันจะไม่สามารถเอาชนะพวกเราได้ แต่ถ้ามันค้นพบวิธีจัดการกับอาจารย์อสูร… อ่า อย่างเช่นบังคับให้อาจารย์อสูรที่เข้าสู่โลกวัตถุปรากฏตัวขึ้น อย่าลืมว่าเวลานี้พวกเราไม่ได้อยู่ในเขตแดนจิตสำนึก หากไม่มีพรจากแดนจิตสำนึก จิตของอาจารย์อสูรจะถูกปิดกั้นเมื่อเข้าสู่โลกวัตถุ และพลังการต่อสู้ก็จะลดลงด้วย…”

“เช่นนั้น หากร่างอาจารย์อสูรปรากฏตัวขึ้นและถูกพวกมันกลืนกิน เป็นไปได้ที่พวกมันจะวิวัฒนาการความสามารถทางจิตวิญญาณหรือ?”

หลีจิ่นเหยาไตร่ตรอง

“มีความเป็นไปได้น้อยมาก …แต่เราก็ไม่อาจเพิกเฉยได้! แม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งในล้าน เราก็จะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น! เพราะถ้าเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ข้าจะออกคำสั่งให้ทุกคนที่ครอบครองอาจารย์อสูรระเบิดตนเองทิ้งเสีย”

ไป๋ชิวหรานกล่าว

“และในกรณีนั้น แนวปราการป้องกันของนครสรวงสวรรค์จะถูกทำลาย”

เจียงหลานครุ่นคิดพร้อมกล่าวว่า

“แม้ว่าร่างอาจารย์อสูรแห่งแดนเซียนไม่อาจตายตกได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาในการก่อตัวขึ้นใหม่ โดยเฉพาะร่างอาจารย์อสูรของจิ่นเหยาและข้าซึ่งเป็นอาจารย์อสูรขอบเขตจักรพรรดิเซียน กว่าจะถือกำเนิดขึ้นใหม่อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปี”

“อืม”

ไป๋ชิวหรานยืดตัวขึ้น

“เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับข้าแล้วว่าจะจัดการกับพวกมันอย่างไร”

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ในไม่ช้ากองทัพแมลงยักษ์ก็ถูกกวาดล้างออกไปอีกสองระลอก

เช่นเดียวกับที่ไป๋ชิวหรานคาดเดาเอาไว้ ในช่วงสองระลอกนี้เหล่าแมลงล้มเลิกความคิดที่จะบุกทะลวงแนวปราการป้องกันของนครสรวงสวรรค์อย่างเห็นได้ชัด พวกมันมุ่งเน้นไปจัดการกับการโจมตีทางจิตวิญญาณที่ไม่อาจมองเห็นจากอาจารย์อสูร จากนั้นเมื่อระลอกที่สามเคลื่อนตัวเข้ามา พลังการโจมตีใหม่จึงปรากฏขึ้นในกองทัพแมลงเหล่านั้น

พวกแมลงดูแปลกประหลาดไป แม้ในมุมมองของแมลงด้วยกันมันยังดูแปลกตามาก พวกมันไร้ซึ่งแขนขา ไม่มีเกราะ ไม่มีอาวุธโจมตี รูปร่างคล้ายกับลูกบอลสีดำ กลิ้งไปมาอย่างไร้ทิศทางในความว่างเปล่า

เมื่ออาจารย์อสูรแห่งแดนเซียนเข้าใกล้พวกมันภายในจิตสำนึก แมลงสีดำเหล่านี้ก็พองตัวขึ้นพร้อมระเบิดในทันที

คลื่นพลังงานไร้ลักษณ์ปลดปล่อยออกจากซากศพของพวกมัน ความถี่ประหลาดปรากฏขึ้นเมื่อคลื่นพลังเหล่านี้กระทบกับอาจารย์อสูร ทันใดนั้นเองที่อาจารย์อสูรสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงและพลังในร่างกายที่สั่นคลอน

คลื่นพลังไร้ลักษณ์เหล่านั้นมีความสามารถในการระเบิดร่างกาย บังคับให้อาจารย์อสูรเหล่านี้เปิดเผยตัวตนออก ถูกต้องแล้ว อาจารย์อสูรทั้งหมดถูกดึงออกจากเขตแดนจิตสำนึกและให้เผยตัวสู่โลกวัตถุ

อาจารย์อสูรรูปร่างแตกต่างเริ่มปรากฏตัวขึ้นเหนือฝูงแมลงยักษ์ และเวลานี้เองที่พวกมันสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกันได้

“ไม่ดีแล้ว!”

เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ผู้บัญชาการแนวหน้าของป้อมปราการนครสรวงสวรรพลันกรีดร้อง

“กองทัพอาจารย์อสูรผู้ครอบครองพลังเหนือธรรมชาติแห่งแดนเซียนถูกแมลงยักษ์ดึงเข้าสู่โลกวัตถุแล้ว… รีบปิดล้อมพวกมันเร็วเข้า!”

จู่ ๆ แนวป้องกันของนครสรวงสวรรค์ก็ระดมยิงอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาไม่สนระยะว่าจะไกลเพียงใด ทุกยุทธภัณฑ์ถูกยิงออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

ผู้บัญชาการนครสรวงสวรรค์มีเพียงแนวคิดง่าย ๆ แม้ว่าจะไม่ทราบระยะ และไร้สุ้มเสียงในอากาศ แต่อย่างไรแล้ว… มันก็อาจสร้างความตื่นตระหนกให้กับเหล่าแมลงยักษ์ได้

แต่เห็นได้ชัดว่าเหล่าแมลงไม่ใช่สัตว์ที่จะตื่นตระหนกเพียงเพราะเสียงปืน หลังจากพวกมันเห็นร่างอาจารย์อสูรปรากฏตัว มันก็เพิกเฉยต่อทุกสิ่งและพุ่งทะยานเข้าหาผู้มาเยือนในทันที

“ลงมือ!”

หลังจากถูกระเบิดจนกระเด็นออกจากเขตแดนจิตสำนึก เจียงหลานและหลีจิ่นเหยาก็เคลื่อนไหวทันที นางตะโกนออกคำสั่งอาจารย์อสูรทั้งหมดที่อยู่โดยรอบ

“ระเบิดตัวเองซะ!”

ตูม ตูม ตูม ตูม!

ทันทีที่กล่าวจบ ร่างกายของอาจารย์อสูรทุกตนในละแวกใกล้เคียงก็เปล่งแสงเจิดจ้าพร้อมกับระเบิดเสียงดัง…

การระเบิดตนเองของอาจารย์อสูรขอบเขตจักรพรรดิสองตัวขึ้นไป แม้จะถูกโลกวัตถุควบคุมไว้ แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินพลังมหาศาลนี้ได้… คลื่นพลังกระจายออกเป็นระลอกใหญ่ในห้วงอวกาศ

หลังจากที่อาจารย์อสูรขอบเขตจักรพรรดิทำลายตนเองเสร็จสิ้นแล้ว เหล่าอาจารย์อสูรทั้งหมดที่มาจากกองทัพเซียนก็รีบทำตามในทันที พวกเขาให้ความสำคัญกับคำสั่งของผู้บัญชาการ ดังนั้นหลังจากได้ยินคำสั่งของบรรพชนกระบี่ ทั้งหมดจึงทำลายตนเองโดยไม่ลังเล

คลื่นการระเบิดคราวนี้ประสบความสำเร็จในการทำลายล้างกองทัพแมลงทั้งหมด! แต่ขณะเดียวกัน อาจารย์อสูรของกองกำลังเซียนก็ประสบความสูญเสียรุนแรง และไม่สามารถปรากฏตัวในสนามรบได้อีก

ท้ายที่สุดแล้ว… การพึ่งพาเพียงกองทัพนครสรวงสวรรค์อย่างเดียวไม่สามารถต่อต้านกองทัพแมลงที่วิวัฒนาการมาแล้วหลายครั้งได้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในเวลานี้ไม่เพียงพอที่จะต่อเวลาหายใจ จากระยะไกลของความว่างเปล่าอีกฟากหนึ่งของสายธารแห่งความว่างเปล่า ภายในโลกวัตถุนับไม่ถ้วนพลันมีเงาดำหนาทึบจำนวนมหาศาลที่กำลังพุ่งทะยานเข้ามาใกล้

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท