ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 560 หลบหนีอย่างถึงที่สุด

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 560 หลบหนีอย่างถึงที่สุด

บทที่ 560 หลบหนีอย่างถึงที่สุด

ไป๋ชิวหรานควบคุมอาวุธขนาดใหญ่เช่นหุ่นกลเซียนยักษ์ให้ทะยานไปตามสายธารแห่งความว่างเปล่า และไล่ล่าฝูงแมลงด้านหน้า

ภาพนั้นชัดเจนจนมองเห็นด้วยตาเปล่า นี่คือการวิ่งของหุ่นกลและจิตสังหารรุนแรงแผ่ขยายออกมา แมลงยักษ์นับไม่ถ้วนบินออกมาจากวัตถุที่อยู่รอบ ๆ สายธารแห่งความว่างเปล่า มันละทิ้งรังของตนเองและติดตามกองทัพขนาดใหญ่หนีไปสู่ด้านล่างของสายธารแห่งความว่างเปล่าด้วยกัน

จำนวนของพวกมันนับว่าเป็นความน่าสะพรึงกลัวเกินจินตนาการของไป๋ชิวหราน แม้แต่ในสายธารแห่งความว่างเปล่าที่กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุดก็ยังสามารถมองเห็นกลุ่มแมลงยักษ์ก่อตัวเป็นคลื่นจากระยะไกล มันคล้ายกับคลื่นยักษ์สีดำกำลังเคลื่อนไหวไปอย่างอิสระบนผืนน้ำ

ขณะไล่ล่า ไป๋ชิวหรานยังคงปลดปล่อยพลังของหุ่นกลเซียนยักษ์เพื่อกำจัดแมลงยักษ์ตรงหน้าให้มากที่สุด

ในหมู่หุ่นกลเซียนยักษ์ตัวนี้ชื่อ ‘หุ่นกลเซียนเนรมิต’ เหตุผลที่ไป๋ชิวหรานเป็นร่างในการไล่ล่าแมลงยักษ์ในคราวนี้ก็เพราะว่าหุ่นกลนี้มีความใกล้เคียงกับสิ่งมีชีวิตอย่างวิถีสวรรค์

หากมองด้วยสายตาของวิถีสวรรค์แล้ว แม้หุ่นกลเซียนเนรมิตของเขาจะด้อยกว่าเผ่าพันธุ์นั้นเล็กน้อย …กว่าสามในห้าเท่า …แต่ในสายตาของแมลงเหล่านี้ ทั้งสองกลับไม่มีความแตกต่าง

ไป๋ชิวหรานยังคงไล่ตามแมลงยักษ์เหล่านั้น และพวกมันก็ยังคงปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาโจมตีอย่างต่อเนื่องแต่ดูเหมือนแมลงพวกนั้นจะไม่คิดหยุดฝีเท้า พวกมันไม่คิดแม้แต่จะปรับตัวเพื่อรับมือการโจมตี มีเพียงหนี และหนีเท่านั้น

หลังจากไล่ตามมากว่าครึ่งเดือน พวกเขาก็มาถึงตำแหน่งที่เคยได้พบกับชายชราผมหงอกและพรรคพวกก่อนหน้านี้ หลังจากมาถึงที่นี่โดยไม่มีแมลงบินออกมาจากวัตถุใกล้เคียง และจำนวนประชากรในวัตถุรอบ ๆ ก็ฟื้นฟูกลับมาเกือบจะสมบูรณ์แล้ว

หลังจากพยายามหนีอยู่สักระยะหนึ่ง… ฝูงแมลงยักษ์ก็หยุดลง

พวกมันหันไปรอบ ๆ และเผชิญหน้ากับไป๋ชิวหรานอย่างเด็ดเดี่ยว ดูเหมือนพวกมันไม่คิดจะหลบหนีอีกต่อไป

“หืม? คิดจะสู้งั้นหรือ?”

ไป๋ชิวหรานเผยสีหน้าประหลาดใจ สายตากวาดไปทั่วทั้งฝูงแมลง และเวลานั้นเองเขาก็ได้พบกับบุคคลที่พิเศษกว่าใครในฝูงแมลงยักษ์

แมลงตัวนี้สีทองอร่าม ร่างกายใหญ่กว่าจ่าฝูงที่เคยเห็น ลำตัวท่อนบนเรียวยาว ทั้งยังดูสง่างามอย่างแปลกประหลาด มีเขาบิดเบี้ยวบนศีรษะคล้ายกับสวมมงกุฎ ดูแล้วไม่ต่างจากนางพญา

แต่ร่างกายท่อนล่างของมันอวบอ้วน ขาเป็นปล้อง เท้าเล็กเรียวแต่สัมผัสได้ถึงความทรงพลัง แมลงตัวนี้ดูคล้ายจะไม่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้มากนัก

“นางพญางั้นหรือ?”

เมื่อสังเกตเห็นความสง่างามในแววตาของแมลงตัวนั้น ไป๋ชิวหรานจึงเข้าใจ

“ดูเหมือนว่าทั้งกลิ่นอายและรูปลักษณ์ของข้ายังคงแตกต่างจากเผ่าพันธุ์นั้น… แมลงตัวนี้ต้องการทดสอบว่าข้าเป็นคนของเผ่าพันธุ์นั้นหรือไม่สินะ?”

ท้ายที่สุดแล้ว แมลงตัวนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน และมันบังเอิญเกินไป หากแมลงตัวนี้มีสติปัญญาสูงส่ง บางทีมันอาจจะปลอมตัวมา มันจะมาจากโลกวัตถุแห่งเซียนหรือไม่

“หึหึ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ”

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหุ่นกลเซียนเนรมิต… มันมาจากผู้บังคับหุ่นกลที่อยู่ข้างใน

“แต่ข้าคือตัวจริง… ไม่สิ ในฐานะผู้ฝึกตน ข้าสมควรที่จะแข็งแกร่งกว่าการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์นั้น!”

ฝูงแมลงรวมตัวกันภายใต้คำสั่งของนางพญา พวกมันก่อตัวเป็นแนวทัพเตรียมต่อสู้ และยืนหยุดนิ่งอยู่กับที่เพื่อรอคำสั่งต่อไป

หุ่นกลเซียนเนรมิตของไป๋ชิวหรานไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน เขาปล่อยให้พวกมันจัดขบวนรบไปก่อน รอยยิ้มมั่นใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

นางพญาแมลงมองดูหุ่นกลเซียนยักษ์อย่างเงียบ ๆ มันรู้สึกว่าท่าทางเช่นนั้นเปรียบเสมือนฝันร้ายที่มันเคยเผชิญหน้ามาก่อน อย่างไรก็ตาม หุ่นกลเซียนยักษ์ตนนี้ดูเหมือนจะแตกต่างจากศัตรูธรรมชาติอันน่าสะพรึงกลัวที่เคยพบมา

อย่างไรก็ต้องการจะลองดู

มันตัดสินใจกางปีกออกและถ่ายทอดคำสั่งให้กับแมลงภายใต้บังคับบัญชา

ฝูงแมลงเริ่มเคลื่อนไหว ประกายแห่งพลังงานสว่างวาบ แมลงจำนวนมากพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว ทั้งแมลงระเบิด แมลงสังหารระยะประชิด ระยะไกล ทุกตัวล้วนพร้อมต่อการเผชิญหน้านี้ ไม่ว่าอย่างไรมันต้องการจะกัดกินวัสดุของหุ่นกลเซียนยักษ์ตรงหน้า

แต่ก่อนที่พวกมันจะพร้อมต่อสู้ หุ่นกลเซียนยักษ์ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือหนาปกคลุมท้องฟ้าและผืนวัตถุ ปลดปล่อยลำแสงเจิดจ้า คลื่นพลังไร้ลักษณ์ระเบิดสายธารแห่งความว่างเปล่าจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะกำมือทั้งสองข้างคว้าเอาฝูงแมลงไว้แบบสุ่ม ๆ จำนวนแมลงจึงลดลงไปกว่าครึ่งในพริบตา

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว นางพญาแมลงรีบออกคำสั่งให้เผ่าพันธุ์ของตนล่าถอยโดยไม่ต้องคิด

“เป็นความคิดที่ดี!”

เสียงคำรามดังกึกก้องจากด้านบนของศีรษะ แม้ว่าในห้วงความว่างเปล่าจะไร้สื่อนำทางสำหรับการส่งคลื่นเสียง แต่หุ่นกลเซียนยักษ์ก็ยังปลดปล่อยจิตสังหารอันน่าสะพรึงออกข่มเหงเหล่าแมลงตรงหน้าอย่างโหดเหี้ยม

“คิดหนีเมื่อได้พบเหล่าจืองั้นหรือ? โอกาสดีเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย!”

เงาสีดำปกคลุมฝูงแมลงทั้งหมด แรงดึงดูดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือร่างกายของเหล่าแมลงยักษ์

ฝ่ามือของหุ่นกลเซียนยักษ์เหยียดออกและพยายามที่จะหยิบนางพญาแมลงตัวน้อยคล้ายกับมดปลวก แต่แมลงนับไม่ถ้วนยอมสละชีวิตพุ่งเข้ามาตายแทนที่ พวกมันระเบิดตนเองต่อหน้านางพญา หมอกควันล่อยล่องจนปกคลุมร่างเอาไว้ เมื่อควันสูญสลายไป ร่างของนางพญาแมลงก็หายไปแล้ว

“สามารถใช้มิติอวกาศได้? ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมมากจริง ๆ”

หุ่นกลเซียนยักษ์ยืดตัวขึ้นพร้อมกับเหวี่ยงขาเตะฝูงแมลงอย่างไม่สบอารมณ์

“ยังไงซะ ไม่ว่าทักษะมิติอวกาศของเจ้าจะเก่งกาจเพียงใด เจ้าก็ไม่อาจหลบหนีจากการติดตามของสัมผัสเทวะข้าได้ สุดท้ายแม้มีความตั้งใจแต่ก็ยังอ่อนหัด!”

ขณะกล่าวคำ แมลงตัวยาวก็ทะลุผ่านรอยแตกของอวกาศออกมา ศีรษะของมันแยกออกราวกับกลีบดอกไม้ เมือกเหนียวไหลเยิ้มเผยให้เห็นร่างของนางพญาแมลงและเหล่าองครักษ์อยู่ ณ ใจกลาง

ในฐานะผู้คุ้มกันนางพญา แมลงเหล่านี้ล้วนถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี ระดับการวิวัฒนาการของแต่ละตัวสูงมาก ซึ่งมันกลืนกินแมลงที่แข็งแกร่งจากทั่วทุกมุมวัตถุ ความแข็งแกร่งทางกายภาพอย่างเดียวสามารถต่อสู้กับเหล่าเซียนได้อย่างไม่ด้อยกว่า

นางพญาแมลงยังคงส่งสัญญาณที่เผยถึงความหวาดหวั่น และรบเร้าให้เหล่าองครักษ์พาตนออกไปจากที่นี้ตลอดเวลา มันไม่คิดผ่อนคลายและรู้สึกว่ายังไม่อาจหลบหนีได้พ้น

และการคาดเดาของมันก็เป็นจริง ในความว่างเปล่ามีรอยแตกของมิติถูกฉีกออก หอกดาบสายฟ้าสีทองอร่ามพลันปรากฏขึ้น สิ่งที่มันพุ่งทะยานเข้าหาไม่ใช่ร่างกายภาพของแมลง …แต่เป็นร่างจิตวิญญาณ!

ผู้คุ้มกันนางพญาเคลื่อนไหวในทันที แมลงทั้งสามตัวพุ่งไปด้านหน้าโดยใช้จิตวิญญาณของตนเป็นเกราะป้องกันนางพญา ก่อนที่มันจะถูกแทงด้วยหอกสีทองของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐาน และผู้พิทักษ์ที่เหลือวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วออกจากช่องท้องด้านบน ไข่สีดำปรากฏขึ้นก่อนจะระเบิดออกรุนแรง คลื่นการระเบิดกระจายสั่นสะเทือนร่างของเทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานภายในเขตแดนจิตสำนึกโดยตรง

แต่เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งนี้ เขาใช้ฝ่ามือตบแมลงทั้งหมดในคราวเดียว จนร่างแหลกสลายไม่ต่างจากยุง

“เจ้าโง่! คิดจริง ๆ หรือว่าเมื่อข้าปรากฏตัวแล้วจะสามารถข่มเหงข้าได้โดยง่าย?”

เทพอาวุโสก่อสร้างรากฐานเผยความเย้ยหยันผ่านใบหน้า ขาก็ยังคงเคลื่อนไหวต่อไป มือเหยียดออกพร้อมกระชากจิตวิญญาณนางพญาแมลงออกจากทะเลแห่งจิตสำนึกอย่างง่ายดาย

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท