ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 563 นั่นตัวอะไร!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 563 นั่นตัวอะไร!

เหตุใดจึงให้บุตรชายข้าแต่งหน้าแต่งตางดงาม แล้วยังเดินไปมากลางลาน…

นี่มันไม่ถูกต้อง! ไป๋ชิวหรานบอกให้หลีจิ่นเหยาและซูเซียงเสวี่ยพาเขาไปล้างหน้าเพื่อจัดการเครื่องประทินโฉมบนใบหน้าออกให้หมดสิ้น เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดของเด็กผู้ชาย และเวลานี้เขาพาบุตรชายออกมายืนอยู่หน้าประตูลานเล็กของสำนักเหอฮวน

ทั้งบุตรชายและผู้เป็นบิดากลั้นหายใจก่อนจะมองออกไปที่ประตูลานราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ออกไปเดินเล่น แต่กำลังจะท้าทายสัตว์ร้ายในหมอกหนาทึบ

“โม่เสวี่ย” ไป๋ชิวหรานสูดลมหายใจลึก “เจ้าพร้อมหรือไม่?”

“ข้าพร้อม!”

ไป๋โม่เสวี่ยกลับเป็นเด็กชายใบหน้าขาวอมชมพูพยักหน้าหนักแน่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยชื่นชอบการแต่งตัวเฉกเช่นสตรีนัก

“ท่านพ่อ ข้าพร้อมแล้ว เราไปกันเถิด!”

“อืม โม่เสวี่ย ไปกัน!”

ภายใต้สายตากังวลเล็กน้อยของซูเซียงเสวี่ยจากด้านหลัง ทั้งสองพ่อลูกเดินออกไปพร้อมกัน

“พี่หญิงเซียงเสวี่ย ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปดูพวกเขาเอง!”

หลีจิ่นเหยาอดไม่ได้ แม้นางจะกล่าวเช่นนั้นแต่เห็นได้ชัดว่านางกำลังสนุกสนานที่จะได้รับชมเรื่องตื่นเต้น

ก่อนที่ซูเซียงเสวี่ยจะตอบกลับ นางก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“สตรีผู้นี้ จะเป็นอย่างไรหากในอนาคตนางต้องเป็นมารดา”

ซูเซียงเสวี่ยส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเอื้อมมือคว้าไป๋ซวี่เซียงที่กำลังจะลอบย่องออกไปเช่นกัน

“ซวี่เซียง อย่าได้คิดกระทำสิ่งใด!”

“ท่านแม่เซียงเสวี่ย ข้าอยากจะไปหาน้องชายและบิดาของข้า”

ไป๋ซวี่เซียงกุมมือซูเซียงเสวี่ยพร้อมกล่าวคำอ้อนวอน

ซูเซียงเสวี่ยคิดไตร่ตรองสักครู่ก่อนตอบกลับ

“เช่นนั้นเจ้าไปกับข้า ข้าไม่อยากให้เจ้าก่อเรื่องวุ่นวายให้กับน้องชายตนเอง!”

  

ดูเหมือนว่าจะเป็นบรรพชนกระบี่ผู้หาญกล้ากำลังพาบุตรชายออกไปเดินเล่น ไป๋ชิวหรานเปรียบเสมือนกับวีรบุรุษผู้แข็งแกร่งกำลังย่างก้าวเข้าสู่สงคราม และไม่นานนักเขาก็มาถึงสถานที่ที่มีผู้คนในสำนักมากมายและยังดูมีชีวิตชีวา

หลังจากสำนักเหอฮวนฟื้นคืนความรุ่งเรื่องแล้ว การก่อสร้างอาคารยังไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนนัก มันยังคงเป็นเมืองที่ใหญ่กว่าเมืองหลวงในเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน ตามตรอกและถนนเต็มไปด้วยโรงน้ำชาและร้านอาหาร ซึ่งสำนักเหอฮวนทำการค้าเหล่านี้ได้ยอดเยี่ยมที่สุด

นี่คือใจกลางเมือง ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นศิษย์ของสำนักเหอฮวนทั้งสิ้น พวกเขาทั้งหมดเป็นสตรีสวมผ้าคลุมศีรษะไม่เปิดเผยใบหน้า ทว่ากลับเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ประหลาด

เวลานี้ไป๋ชิวหรานบุรุษผมขาวเดินเข้ามาภายในเมือง ใบหน้าของเขาดึงดูดความสนใจของเหล่าศิษย์สตรีภายในสำนักเหอฮวนทันที แม้ว่าฝีปากของตาเฒ่าไป๋จะน่ารำคาญ แต่ภาพลักษณ์และท่าทางของเขาก็มากด้วยเสน่ห์ ทั้งยังเป็นเอกลักษณ์หาผู้ใดเปรียบ

แววตาของศิษย์สตรีเปล่งประกาย ในขณะชื่นชมบุรุษรูปงามผู้นี้ …พวกเขายังลอบคาดเดาว่าอาวุโสผู้นี้มาจากสำนักใด

ศิษย์เหล่านี้เข้าร่วมสำนักเหอฮวนหลังจากผ่านพ้นภัยพิบัติ จึงไม่ทราบว่าบรรพชนกระบี่และอดีตจักรพรรดิแห่งโลกผู้ฝึกตนเป็นคู่รักกัน

แต่หลังจากจับจ้องไป๋ชิวหรานสักครู่หนึ่ง สายตาของศิษย์เหล่านั้นกลับหยุดลงที่บุรุษอีกคน ใบหน้างดงามราวมงกุฎหยกกำลังยืนจับมือกับไป๋ชิวหราน ทั้งสองใบหน้าคล้ายคลึงกันยิ่ง อีกทั้งยังมีมนต์เสน่ห์ประหลาดทะลักออกจากเด็กน้อยผู้นั้น

“ซูด!”

ศิษย์สตรีที่อ่อนแอไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ น้ำลายของนางไหลจนต้องยกมือเช็ดก่อนจะกล่าวคำ

“ข้าอยากจะเก็บเด็กคนนั้นไว้ในห้องใต้ดินส่วนตัวของข้านัก”

“เขาหล่อเหลาเกินจะห้ามใจ!”

เพื่อนฝูงของนางรอบข้างเหลือบมองท่าที ก่อนจะรีบหันมองตามทิศทางเด็กชายตัวน้อย ในไม่ช้าพวกนางทั้งหมดก็ถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์ไร้ลักษณ์ ก่อนจะเริ่มพึมพำกับตนเองอย่างละโมบ

“อ่า ข้าก็อยากจะเลี้ยงเขาเช่นกัน… น่ารักน่าชังยิ่งนัก! หากจับเขานอนลงแล้วกดลงแรง ๆ เขาจะน่ารักเพียงใด…”

  

“…”

ความคิดไร้ยางอายทั้งหมดมาจากศิษย์สตรีของสำนักเหอฮวน ซึ่งรวมกับอาการหอบหายใจและหยดน้ำลายที่ไม่อาจควบคุม

“ท่านพ่อ…”

ไป๋โม่เสวี่ยโน้มตัวเข้าไปใกล้บิดาของตนด้วยความหวาดกลัว น้ำเสียงนั้นราวกับจะร้องไห้ ก่อนจะกล่าวกระซิบแผ่วเบา

“ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่…”

“อืม”

ใบหน้าของไป๋ชิวหรานมีสีหน้าเคร่งขรึม และเขาสัมผัสได้ถึงการจับจ้องที่เดือดพล่านเหล่านั้น

“เอาล่ะ บุตรชายข้า ขึ้นนั่งบนไหล่บิดาดีกว่า!”

เขาอุ้มไป๋โม่เสวี่ยขึ้นนั่งบนบ่า จากนั้นจึงค่อยก้มศีรษะลงเล็กน้อยแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาคนรอบข้าง ก่อนจะจากไป

ศิษย์สตรีที่อยู่รอบข้างรู้สึกงุนงงกับเสน่ห์อันทรงพลังของไป๋โม่เสวี่ย ทั้งหมดต้องการปลดปล่อยพลังเหนือธรรมชาติเพื่อยึดเด็กชายผู้นี้ไปครอบครองเป็นของตน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาไม่อาจต่อสู้กับร่างของไป๋ชิวหรานที่รวดเร็วได้

ไป๋ชิวหรานจากไปโดยไม่เหลียวมองกลับ เขาเดินออกจากเมืองไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่ประหลาดใจกับท่าทางของผู้เป็นบิดา ไป๋โม่เสวี่ยอดไม่ได้ที่จะลอบหันมองด้านหลัง

จากสายตาของเขา ศิษย์สตรีกลุ่มหนึ่งของสำนักเหอฮวนมีน้ำลายฟูมปากจับจ้องเขาราวกับสัตว์ร้ายหิวโหย! พวกนางไม่ต่างอะไรจากปีศาจที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด …เผยเพียงดวงตาสีแดงฉานเท่านั้น

ใบหน้าของไป๋โม่เสวี่ยเผยความหวาดกลัว แต่เมื่อสิ่งนี้รวมกับมนตร์เสน่ห์ตั้งแต่กำเนิดของเขา มันกลับกลายเป็นยาสวาทที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของสำนักเหอฮวน

“อย่าให้เขาหนีไป!”

ในที่สุด ศิษย์สตรีเหล่านั้นก็ไม่อาจระงับสัญชาตญาณปีศาจที่เดือดพล่านในใจได้ เสียงคำรามจึงดังลั่น

“พี่น้องเอ๋ย! เด็กคนนี้ต้องเป็นของเรา!”

ศิษย์ภายในสำนักเหอฮวนคำรามลั่น ภายใต้การถูกมนตร์สะกด พวกเขาลืมวิธีการใช้พลังเหนือธรรมชาติของตนเอง จึงอาศัยเพียงความแข็งแกร่งทางกายภาพในการไล่ล่าไป๋ชิวหรานกับบุตรชายบนบ่า

“ท่านพ่อ วิ่ง! วิ่งเร็ว!!”

ไป๋โม่เสวี่ยหันกลับมาพร้อมตะโกนเสียงดัง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานเหลือบมองด้านหลังและเห็นว่าสตรีเหล่านั้นกลายเป็นสัตว์ป่าดุร้ายกำลังกระโจนเข้ามา

“บัดซบ ตัวอะไรเนี่ย?!”

เขาตื่นตระหนก

“ปล่อยเด็กเดี๋ยวนี้!”

สตรีเหล่านั้นตะโกนอย่างต่อเนื่อง ส่วนขาก็ยังคงวิ่งต่อไป

“อย่าแม้แต่จะคิด!”

ไป๋ชิวหรานโบกมือก่อนที่ร่างกายจะสว่างวาบกลายเป็นลำแสงพุ่งทะยานออกไปจนลับสายตาสตรีด้านหลัง

  

ครึ่งวันต่อมา ไป๋ชิวหรานและบุตรชายยืนอยู่ท่ามกลางป่ารกร้าง ทั้งสองมองหน้ากัน

ทั้งบิดาและบุตรชายคิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหลังจากออกจากเมืองหลวงของสำนักเหอฮวน แต่กลับกลายเป็นว่าไป๋ชิวหรานและไป๋โม่เสวี่ยประเมินพลังมนต์เสน่ห์ของซูเซียงเสวี่ยต่ำเกินไป คนเหล่านั้นถูกกระตุ้นอย่างสุดจะบรรยาย

ระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดา ผู้ฝึกตนหญิงที่บริสุทธิ์ ทั้งหมดล้วนแต่ถูกมนต์เสน่ห์ของไป๋โม่เสวี่ย แม้แต่สัตว์ร้ายตัวเมียยังเดือดพล่านเมื่อได้พบเจอเขา ทุกสิ่งวิ่งไล่ตามทั้งสองราวกับคนคลั่ง

“ท่านพ่อ”

ไป๋โม่เสวี่ยก้มศีรษะพร้อมกล่าวเสียงต่ำ

“หรือ… ข้าควรจะสวมใส่เสื้อผ้าเด็กผู้หญิง?”

“กล่าวสิ่งใดออกมา? นั่นมันไร้ประโยชน์!”

ใบหน้าของไป๋ชิวหรานแข็งค้างด้วยความขุ่นเคือง

“ในเวลานี้ เจ้าควรจะฝึกฝนทักษะการใช้ร่างกายและหลบหนีกับข้า! การสวมใส่เสื้อผ้าสตรีนับว่าเป็นการยอมแพ้!”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท