บทที่ 1001 ความจริงเป็นอัจฉริยะ
หลังจากถ่ายทำเสร็จ เหล่านักเรียนและแฟนคลับที่รายล้อมต่างตื่นเต้นจนส่งเสียงกรี๊ดไม่ขาดสาย…
“กรี๊ดดด! กงซวี่หล่อจัง หล่อมากๆๆ!”
“หล่อจนฉันจะเป็นลมอยู่แล้ว!”
“ใครบอกว่ากงซวี่ของฉันแสดงไม่เก่ง ตาบอดหรือไง?”
“ให้ตายเถอะฉันมาดูเทพบุตรหานเซี่ยนอวี่ของฉัน แต่กลับโดนกงซวี่ตกเข้าเต็มๆ เลย! ไม่ได้! ฉันต้องซื่อสัตย์กับเทพบุตรหานเซี่ยนอวี่ ห้ามปีนกำแพง[1]เด็ดขาด!”
“โอ๊ย! ฉันไม่ไหวแล้ว! ขอโทษจริงๆ…”
……
“ดีมาก! Cut!” ผู้กำกับตะโกนสั่งคัท
ฉากนี้ถ่ายทำได้อย่างราบรื่นในเทคเดียว
ผู้กำกับชื่นชม “ไม่เลวๆ! โดยเฉพาะกงซวี่ แสดงได้เป็นธรรมชาติมาก ไม่เหมือนกำลังแสดงเลยสักนิด!”
“ฮ่าๆๆๆ…ผมก็ว่างั้นแหละครับ! จริงๆ แล้วผมเป็นอัจฉริยะ! ก็แค่รางวัลจินหลานเอง So easy! พี่เยี่ย พี่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องทักษะการแสดงของผมแล้วนะ!”
พอได้ยินทุกคนต่างก็ชมเชยเป็นเสียงเดียวกัน กงซวี่ยิ้มจนปากจะฉีกถึงหูแล้ว
ห่างออกไปไม่ไกล เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจอย่างระอา
เจ้าหมอนี่…คิดว่าคนอื่นชมตัวเองจริงๆ เหรอ…
เยี่ยหวันหวั่นช่วยวิเคราะห์บทหนังให้เขาหลายครั้งตั้งนานแล้ว ฉากนี้เป็นการแสดงนิสัยจริงๆ ของกงซวี่โดยสมบูรณ์ ย่อมไม่เหมือนกำลังแสดงอยู่แล้ว นี่ก็เป็นเรื่องที่เยี่ยหวันหวั่นคาดการณ์ไว้
ส่วนที่เหลือหลังจากนี้ต่างหากที่ยาก…
หานเซี่ยนอวี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งวางบทในมือลง หันมาพูดกับเยี่ยหวันหวั่นว่า “ความจริงสคริปต์นี่มาตรฐานสูงมาก แถมยังมีหวังจะได้รางวัลด้วย ถ้าอยากคว้ารางวัลจินหลานสาขานักแสดงนำชายก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…”
หานเซี่ยนอวี่บอก จากนั้นก็พูดเสริมอย่างจนใจ “แน่นอนว่าฉันหมายถึงลั่วเฉิน…”
หนังเรื่องนี้มีนักแสดงนำชายสองคน ภาพลักษณ์ของลั่วเฉินไม่เลวเลย ขอเพียงกงซวี่ไม่เป็นตัวถ่วง ด้วยทักษะการแสดงของลั่วเฉิน เขาก็ถือว่ามีโอกาสเหมือนกัน
เยี่ยหวันหวั่นลูบคาง จู่ๆ ก็พูดว่า “เซี่ยนอวี่ ในประวัติศาสตร์รางวัลจินหลาน เคยมีกรณีตัวอย่างที่ราชาจอเงินปรากฏตัวพร้อมกันสองคนไหม?”
หานเซี่ยนอวี่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย “เรื่องนั้น…ไม่เคยมีเลย! ถึงจะมีหนังที่มีนักแสดงนำชายสองคนเข้ารอบพร้อมกันหลายเรื่อง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ชนะรางวัลพร้อมกันสองคนเลย ในหนังหนึ่งเรื่อง ถึงทั้งสองคนจะมีทักษะการแสดงที่สูสีกัน แต่อย่างมากก็ชนะรางวัลได้แค่คนเดียวเท่านั้น…นายคงไม่ได้คิด…”
หานเซี่ยนอวี่นึกไม่ถึงว่าเยี่ยหวันหวั่นจะคิดอย่างนี้ อีกฝ่ายไม่เพียงอยากคว้ารางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมด้วยหนังเรื่องนี้ แต่ยังต้องการทีเดียวสองรางวัลด้วย!
เยี่ยหวันหวั่นยกยิ้มแล้วบอกว่า “ถ้างั้นก็ขึ้นอยู่กับว่ากงซวี่จะสู้หรือเปล่า…ลั่วเฉินน่ะ เขาใกล้เคียงอยู่แล้ว…”
หานเซี่ยนอวี่หลุดขำ “นายเชื่อใจลั่วเฉินขนาดนั้นเชียว?”
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าภูมิใจ “แน่นอนสิ ฉันเป็นคนปั้นมาเองกับมือนี่นา!”
หานเซี่ยนอวี่ถาม “แล้วฉันล่ะ?”
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ “นายคว้ารางวัลจินหลานตั้งแต่อายุสิบแปดแล้ว หนังที่เล่นหลังจากเดบิวต์ก็ได้รับคำชมมาตลอด ปีที่แล้วยังถูกเอ่ยชื่อในรายการต่างชาติด้วย นายไปไกลกว่านักแสดงไอดอล ก้าวเข้าสู่เส้นทางสายนักแสดงชายผู้ทรงอิทธิพลตั้งนานแล้ว ไม่เหลืออะไรให้ฉันปั้นแล้วละ…”
เอิ่ม ทำไมจู่ๆ เธอก็เหมือนจะเข้าใจคำพูดของซือเยี่ยหานขึ้นมาเลยล่ะ?
“หนังที่ถูกพูดถึงเมื่อปีที่แล้ว ก็เป็นเพราะโชคดีที่เลือกหนังเรื่องนั้นตามที่นายบอกตอนแรก” หานเซี่ยนอวี่บอก
นอกเหนือจากนี้ เยี่ยไป๋ยังเคยเตือนเขาหลายครั้ง ตอนนั้นเขายังไม่ได้เป็นนักแสดงในสังกัดเยี่ยไป๋ด้วยซ้ำ เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
ความจริงสิ่งที่เยี่ยไป๋เคยช่วยเขาไม่ใช่แค่เรื่องพวกนี้ เพียงแต่อีกฝ่ายไม่เคยเก็บมาใส่ใจเลย
พูดจบ หานเซี่ยนอวี่ก็หันไปหากงซวี่ “หนังเรื่องนี้ฉากที่คล้ายกับนิสัยจริงๆ ของกงซวี่ถือว่ายังดี แต่ครึ่งหลังกลัวว่า…”
เยี่ยหวันหวั่นเหล่มองไปทางกงซวี่ ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “รอให้ถ่ายทำครึ่งแรกจบ ฉันจะเตรียมชุดการฝึกสุดโหดไว้รอกงซวี่เอง…”
——————————————————————————
บทที่ 1002 ไม่วางใจสักนิด
“ซี๊ด~~~”
เวลานี้กงซวี่ที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับทักษะการแสดงของตัวเองพลันรู้สึกเย็นวาบอย่างไม่รู้สาเหตุ
แต่ว่ากงซวี่ไม่ได้สนใจอะไรมาก กระโดดโลดเต้นไปหาเยี่ยหวันหวั่นด้วยความลิงโลด
“พี่เยี่ยๆ พี่เห็นหรือยัง นี่คือทักษะการแสดงของราชาจอเงินใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่เลว แสดงได้ดีมาก!” เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าใจดีมีเมตตา ไม่แสดงพิรุธให้เห็นสักนิด
กงซวี่ยิ่งได้ใจกว่าเดิม “ฮ่าๆๆ ลั่วเฉิน นายวางใจแล้วตามพี่ชายมาได้เลย ด้วยฝีมือระดับฉันตอนนี้ จะต้องชนะได้แน่นอน!”
ลั่วเฉินพูดไม่ออก ไม่วางใจสักนิดเลยเถอะ…
……
บริษัทหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ห้องทำงานของประธาน
พักนี้เยี่ยอีอีต้องขอโทษด้วยวิธีต่างๆ และรับมือกับสื่อเพื่อจัดการเรื่องของถานเจิ้นซิน ยุ่งจนจนหัวหมุนไปหมด
เรื่องจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทำได้เพียงแถลงการณ์ขอโทษและประกาศหยุดการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังต้องชดใช้ค่าเสียหายให้สวีหลินด้วย
ค่าเสียหายจากการที่ต้องหยุดถ่ายทำก็ไม่น้อยแล้ว การโปรโมทและการเตรียมถ่ายทำทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็สูญเปล่าเช่นกัน
เดิมทีคาดไว้ว่าหนังเรื่องนี้จะสามารถทำรายได้ไม่น้อย ตอนนี้กลับทำเงินไม่ได้สักแดงเดียว แล้วยังต้องชดใช้ค่าเสียหายก้อนโตอีก
“ฉันประมาทเกินไปเอง นึกไม่ถึงว่าจะหลงกลเยี่ยมู่ฝานเข้า…” เยี่ยอีอีทำหน้าตำหนิตัวเอง
กู้เยว่เจ๋อกอดร่างแบบบางของหญิงสาวไว้ ปลอบเสียงอ่อนโยนว่า “อีอี อย่าโทษตัวเองเลย ก็แค่ต้องชดใช้เงินไม่เท่าไหร่เอง หวงเทียนไม่ใช่ว่าจะขาดแคลนเงินเสียหน่อย ส่วนเรื่องชื่อเสียง คนที่ขโมยสคริปต์มาคือถานเจิ้นซิน ส่วนพวกเราอย่างมากก็แค่ดูแลไม่ทั่วถึง ไม่มีผลกระทบอะไรมากหรอก”
เยี่ยอีอีแววตาหม่นหมอง “แต่ตอนนี้สคริปต์ไปอยู่ในมือของเยี่ยมู่ฝานแล้ว…”
บทหนังดีๆ ที่อุตส่าห์เลือกมาอย่างยากลำบากตกอยู่ในมือของคู่แข่ง แล้วยังโปรโมทให้พวกเขาฟรีๆ อีก เธอจะไม่เจ็บใจได้ยังไง
กู้เยว่เจ๋อได้ยินก็พูดอย่างไม่แยแสว่า “ตอนที่สวีหลินตกลงให้พวกเขาถ่ายทำ หนึ่งในเงื่อนไขคือต้องถ่ายทำตามสคริปต์เดิมร้อยเปอร์เซ็นต์
แล้วสคริปต์เดิมคุณก็เคยเห็นแล้ว ถ้าหากไม่ดัดแปลง พล็อตเรื่องที่หดหู่กดดันอย่างนั้น แถมยังจบเศร้าอีกต่างหาก คุณคิดว่าจะมีคนชอบเหรอ? ลูกคุณหนูอย่างเยี่ยมู่ฝานไม่เข้าใจการตลาดของวงการภาพยนตร์ในตอนนี้อยู่แล้ว อีกไม่นานเขาจะรู้เอง วงการนี้ไม่ใช่ว่าเขาอยากทำก็จะทำได้
อีกอย่างคุณวางใจได้ ผมเชิญหรงจินเหว่ยโปรดิวเซอร์มือทองมาถ่ายทำเรื่อง ‘ฤดูร้อนปีนั้น’ ของเขาใหม่แล้ว!”
เมื่อได้ยินชื่อหรงจินเหว่ย เยี่ยอีอีทำหน้าตื่นเต้นดีใจทันที เขาเป็นถึงเจ้าแห่งบ็อกซ์ออฟฟิศ ปรมาจารย์ของละครรักวัยรุ่น เคยสร้างปาฏิหาริย์ด้านรายได้ภาพยนตร์มาแล้ว
เยี่ยอีอีมองชายตรงหน้าด้วยสีหน้าเลื่อมใส ซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดเขาอย่างออดอ้อน “เยว่เจ๋อ โชคดีที่มีคุณอยู่ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รู้จะทำยังไงแล้ว…”
เยี่ยอีอีพูดต่อว่า “เยว่เจ๋อ ถึงตอนนี้คุณจะยังเป็นแค่รักษาการผู้จัดการ แต่คุณปู่อายุมากแล้ว ส่วนพ่อฉัน…คุณก็รู้ เขาไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารจริงๆ อาศัยแต่ผู้เชี่ยวชาญที่คุณปู่จ้างมาจากต่างประเทศดูแลแทนทั้งหมด พ่อฉันมีฉันเป็นลูกสาวคนเดียว สรุปว่าสุดท้ายตระกูลเยี่ยของพวกเราก็ยังต้องพึ่งคุณอยู่ดี…”
ความหมายแฝงในคำพูดก็คือ ต่อไปตระกูลเยี่ยเป็นของเธอ ก็เท่ากับเป็นของกู้เยว่เจ๋อที่เป็นลูกเขยด้วย
แววตาของกู้เยว่เจ๋อไหวระริก เขากล่าวเสียงอ่อนโยนว่า “อีอี คุณวางใจได้ เรื่องของคุณก็คือเรื่องของผม ถึงแม้ผมจะเป็นแค่ตัวแทน แต่ผมจะทำเต็มที่แน่นอน ต่อไปให้เป็นหน้าที่ผมจัดการ คุณแค่ทำตัวสบายๆ รอเป็นเจ้าสาวของผมพอแล้ว!”
……………………………………………………….
[1] ปีนกำแพง เปรียบเปรยถึงการเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่น