ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 600 อะไรที่พวกเจ้าหวาดกลัว!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 600 อะไรที่พวกเจ้าหวาดกลัว?!

บทที่ 600 อะไรที่พวกเจ้าหวาดกลัว?!

ที่ต้นกำเนิดของสายธารแห่งความว่างเปล่า พื้นที่แห่งนี้ปกคลุมด้วยพายุพลังงานนับไม่ถ้วน ปราณกระบี่เจิดจ้าแบ่งพายุพลังงานทั้งหมดออกเป็นสองส่วน

ยักษาสีฟ้าศีรษะรูปทรงสามเหลี่ยมลากกระบี่เรียวยาวก้าวออกจากต้นกำเนิดห้วงแห่งความว่างเปล่า มันเหยียบย่ำลงบนสายธารแห่งความว่างเปล่าจนสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ

“พวกเราจะรออยู่ที่นี่”

ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษามาถึงสายธารแห่งความว่างเปล่า จากนั้นเดินไปด้านหน้าเพื่อค้นหาสถานที่ ในเวลานั้นยักษาอีกหกตนดึงเรือยักษ์ติดตาม ก้าวออกจากต้นกำเนิดห้วงแห่งความว่างเปล่า และหยุดยืนอยู่ในสายธารแห่งความว่างเปล่า

“ท่านผู้เฒ่า…”

ยักษาสีเงินตัวสูงเดินตรงเข้าหาผู้เฒ่า และกำลังจะอ้าปากกล่าวบางสิ่ง แต่ผู้เฒ่ายกนิ้วขึ้น

“เงียบก่อน…”

ยักษาศีรษะสามเหลี่ยมยังคงเดินวนไปรอบ ๆ ก่อนจะเหยียดมือออกไปดึงบางสิ่ง ยักษาคนอื่น ๆ เห็นว่ามันดึงบางสิ่งออกจากพื้นผิวของโลกวัตถุที่อยู่ใกล้เคียงสายธารแห่งความว่างเปล่า ก่อนจะใช้ปลายนิ้วประคองสิ่งนั้นเอาไว้

“หม่าคาหลี่เค่อ”

ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษานำมันให้กับยักษาอีกตัวรับชม

“เจ้าคิดว่านี่คือสิ่งใด?”

ยักษานามว่าหม่าคาหลี่เค่อเฝ้ามองอย่างระมัดระวัง นานมากกว่าเขาจะมองเห็นสิ่งที่เล็กกว่าเส้นผมบนนิ้วมือของผู้เฒ่าแห่งเผ่าพันธุ์

มันดูคล้ายกับเครื่องดนตรี แต่ก็ไม่ใช่ …มันมีกรงเล็บแหลมและพังแล้ว แต่ยังมีประกายไฟเปล่งออกจากกรงเล็บของมัน

“มันคือ… เครื่องมือที่สร้างโดยสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนั้นหรือ?”

หม่าคาหลี่เค่อสงสัย

“อืม”

ผู้เฒ่าพยักหน้า

“น่าจะเป็นวัตถุเวทตรวจจับ ดูเหมือนพวกมันจะรู้แล้วว่าเราอยู่ที่นี่”

มันหันศีรษะกลับไปพร้อมกับชูมือขึ้น

“สหายเอ๋ย ศึกคราวนี้พวกเราต้องสู้ มันอาจจะเป็นศึกที่หนักหน่วงที่สุดในพิธีกรรมการล่าสัตว์ทั้งหมดที่ผ่านมา จดจำไว้ อย่าตายตกเด็ดขาด!”

“รับทราบ!”

เกือบครึ่งที่สหายร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกเขาถูกสังหารระหว่างทาง และยักษาที่เหลืออยู่จึงเปี่ยมไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งหมดต้องการล้างแค้นให้กับเฟยอิน ฉีเก๋อ และเจ๋อลู่ที่นอนหมดลมหายใจอยู่บนเรือผลึกแก้วยักษ์

“มันไม่ใช่แค่ความเกลียดชัง”

ผู้เฒ่าแห่งเผ่าพันธุ์กระชับกระบี่ในมือ และเดินต่อตรงไปยังสายธารแห่งความว่างเปล่า

“นี่คือการต่อสู้เพื่อมีชีวิตรอดต่อไป! หากพวกเราพ่ายแพ้ แปลว่าเผ่ายักษาของพวกเราจบสิ้นแล้ว!!”

ความผันผวนของจิตสำนึกที่ปลดปล่อยออกมาละเอียดอ่อน มีเพียงหม่าคาหลี่เค่อที่อยู่ใกล้เคียงเท่านั้นที่สัมผัสได้ มันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบติดตามผู้เฒ่าไปอย่างรวดเร็ว

ยักษาทั้งหมดเดินไปตามสายธารแห่งความว่างเปล่า ส่วนกองเรือเซียนกับกองเรือภูตผีแล่นทวนกระแสน้ำขึ้นมา

ในที่สุดกองเรือยิ่งใหญ่และเหล่ายักษาก็ได้พบกัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากต้นน้ำของสายธารแห่งความว่างเปล่านัก แล้วยังไม่ไกลจากต้นกำเนิดห้วงแห่งความว่างเปล่าด้วย

พวกมันจึงไม่อาจหลบซ่อนตัวได้เพราะร่างใหญ่โตของเหล่ายักษา ในหมู่พวกมันมีเพียงฉีเก๋อเท่านั้นที่เชี่ยวชาญในการล่องหน แต่เวลานี้มันถูกไป๋ชิวหรานไล่ล่าและสังหารทิ้งไปแล้ว

และขนาดกองเรือเซียนกับกองเรือภูตผีที่ยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจปิดบังตนเองได้เช่นกัน

“ท่านผู้เฒ่า ดูนั่น!”

ยักษาร่างภูเขาไฟชี้ไปที่ต้นล่างของสายธารแห่งความว่างเปล่า

“มันคือสิ่งใด?!”

ผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษามองไปยังปลายน้ำ มีจุดแสงมากมายอยู่ตรงนั้น บางส่วนเป็นสีเขียว บางส่วนเป็นสีทอง และแสงสีทั้งหมดส่งเสริมกันเกิดเป็นจุดขนาดใหญ่ อีกทั้งบนท้องฟ้ายังมียักษ์ร่างใหญ่สามตัวปกครอง อีกทั้งอาวุธสงครามเต็มรูปแบบมีขนาดเล็กกว่า

ในขณะเดียวกัน ไป๋ชิวหรานและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ดาดฟ้าเรือมองเห็นเหล่ายักษาน่าสะพรึงกลัวที่ต้นน้ำแห่งความว่างเปล่าแล้วเช่นกัน

“นั่นคือเผ่ายักษา…”

ในชั่วพริบตา กองทหารเซียนทั้งหมดถึงกับตื่นตระหนก

ทั้งหมดเผยสีหน้าหวาดหวั่น สิ่งตรงหน้าพวกเขายิ่งใหญ่เกินไปและไม่แปลกที่จะหวาดกลัว สำหรับเหล่าเซียนและภูตผี ทั้งหมดเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่มันยิ่งใหญ่เกินกว่าจินตนาการของพวกเขาจริง ๆ

แม้แต่วิถีสวรรค์และเทพเจ้าจักรกลยังตกตะลึง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ

“ไม่นึกเลยว่าวันนี้พอได้พบเจอกันอีกครั้ง ความหวาดกลัวยังผุดขึ้นในใจข้า เรื่องเช่นนี้…”

ร่างจำแลงของวิถีสวรรค์ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเผยใบหน้าซีดขาว เวลานี้เจตจำนงของวิถีสวรรค์ถึงกับสั่นคลอน และเทพจักรกลยังสูญเสียความสง่างามไปด้วยเช่นกัน

“สิ่งมีชีวิตเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่มันจะสร้างความหวาดกลัวให้กับแมลงห้วงแห่งความว่างเปล่าหนีจนหัวซุกหัวซุน”

ไป๋ชิวหรานมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าเหล่าทหารทุกคนเริ่มเสียขวัญ เหมือนว่าพลังการต่อสู้ของเหล่าเซียนและชาวภูตผีจะลดลงโดยฉับพลัน

เขาก้าวไปด้านหน้าพร้อมคำรามลั่น

“พวกเจ้า… หวาดกลัวสิ่งใด?!”

เสียงไม่อาจเดินทางผ่านห้วงความว่างเปล่าได้ แต่ด้วยพลังเหนือธรรมชาติมันจึงกึกก้องอยู่ในหูของทุกคน

“ยักษาเหล่านี้งั้นหรือ? ถูกต้อง มันคือศัตรูผู้ทรงพลังยิ่ง เป็นสัตว์ร้ายเหนือจินตนาการ และไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะกล่าวว่านี่คือศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราเคยพบนับตั้งแต่ก่อตั้งแดนเซียน”

ไป๋ชิวหรานกล่าวคำ

“แต่คิดว่าพวกมันเป็นอมตะงั้นหรือ? ไม่จริง! ข้าจึงจะบอกให้ว่าเหล่ายักษาพวกนี้สามารถตายตกได้! ในบรรดาสิบสามตัวในหมู่พวกมัน ข้า จักรพรรดิภูตผีแห่งยมโลก และบรรพชนหมื่นเซียนแห่งแดนเซียนทั้งห้าทิศ พวกเขาทั้งสี่ถูกข้าตัดเศียร! และที่ฝั่งตรงข้ามของสายธารแห่งความว่างเปล่ายังมีอารยธรรมยิ่งใหญ่อยู่ที่นั่น พวกเขาใช้พลังเฮือกสุดท้ายสังหารยักษาไปถึงสองตน เวลานี้จึงเหลือยักษาเพียงเจ็ดตนที่เหลืออยู่เผชิญหน้ากับพวกเรา!”

“ในเจ็ดตัว ข้าจะต่อสู้กับราชาของพวกมัน ซึ่งเป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุด และอีกหกตัวที่เหลือ เป็นไปได้หรือไม่ว่าแดนเซียนที่ยิ่งใหญ่ทั้งในโลกหล้า และเขตแดนจิตสำนึก ราชสำนักหุ่นกล อารยธรรมยิ่งใหญ่แห่งสวรรค์และโลก รวมถึงภูตผีในยมโลกจะร่วมมือกันจัดการ? พวกเจ้ามีอาจารย์อสูรผู้ยิ่งใหญ่ หุ่นกลเซียนยักษ์หมาป่าและแม่ทัพทรงสง่า ไม่คิดว่าจะเอาชนะได้หรือ?!”

เขาหยุดชั่วคราว ก่อนจะเพิ่มระดับของเสียง

“เหล่าเซียนจากแดนเซียนและภูตผีจากยมโลก ตอบข้า! พวกเจ้ามีความมั่นใจที่จะส่งสัตว์ประหลาดพวกนี้ลงนรกหรือไม่?!”

“เรามั่นใจ!”

ผู้นำแห่งแดนเซียนและยมโลกต่างตอบรับคำของไป๋ชิวหรานด้วยความฮึกเหิม

“ขอเพียงมีศรัทธา”

ไป๋ชิวหรานกล่าวต่อ

“จดจำไว้ หากพวกเราพ่ายแพ้ เราจะสูญเสียทุกสิ่งที่ร่วมกันสร้างมา!”

เขาหยุดใช้จิตสัมผัสเทวะสื่อสาร ก่อนจะหันกลับมาหาเล่อเจิ้นเทียนและคนอื่น ๆ

“ไอ้ศีรษะสามเหลี่ยมนั่นเป็นของข้า มันคือผู้เฒ่าแห่งเผ่ายักษา เป็นตัวที่แข็งแกร่งที่สุด”

ไป๋ชิวหรานกล่าวคำ

“รับทราบแล้ว”

ไป๋ลี่ ซูหวา เล่อเจิ้นเทียน โม่เฉิน และศิษย์คนอื่น ๆ กล่าวกับเขาว่า

“ท่านอาจารย์ บรรพชนกระบี่ โปรดระวังตัว”

เจียงหลาน ซูเซียงเสวี่ย หลีจิ่นเหยา และถังรั่วเวยก็กล่าวขึ้นเช่นกัน

“ชิวหราน อาวุโส ท่านอาจารย์ โปรดระมัดระวัง”

ไป๋ชิวหรานพยักหน้า

กองเรือรบและเหล่ายักษายังคงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ในที่สุดจากระยะห่างระยะไกล …ผู้เฒ่าเผ่ายักษาก็ยกกระบี่ในมือขึ้นพร้อมกับพุ่งทะยานออกมาด้านหน้าอย่างรวดเร็ว!

ไป๋ชิวหรานเรียกวารีสารทกระจ่างฟ้าออกมาพร้อมระเบิดปราณกระบี่สู่ท้องฟ้า!! เขากระชับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ในมือก่อนจะพุ่งเข้าหาผู้เฒ่าเผ่ายักษาพร้อมระเบิดเสียงคำรามลั่น

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท