ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 605 เสน่ห์ที่ไม่ธรรมดาของไป๋โม่เสวี่ย

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 605 เสน่ห์ที่ไม่ธรรมดาของไป๋โม่เสวี่ย

บทที่ 605 เสน่ห์ที่ไม่ธรรมดาของไป๋โม่เสวี่ย

หลังออกจากสำนักเหอฮวน ไป๋โม่เสวี่ยก็เปิดใช้เวทเคลื่อนย้าย เปิดทางสู่โลกภายนอกของเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดิน

เขามาถึงด่านหน้าของห้วงแห่งความว่างเปล่า ซึ่งอยู่ใกล้กับเก้ามหาทวีปสิบแผ่นดินมากที่สุด และเวลานี้เขาสามารถนั่งเรือเซียนล่องไปตามสายธารแห่งความว่างเปล่าได้แล้ว!

หลังจากเหล่ายักษาถูกกำจัดและสูญพันธุ์ไป แดนเซียนจึงเข้าสู่ยุคทอง ในช่วงเวลานี้เล่อเจิ้นเทียนก่อตั้งพันธมิตรทางอารยธรรมขนาดใหญ่ที่ปกครองโดยแดนเซียน และขอบเขตอำนาจของแดนเซียนแพร่กระจายไปทั่วสายธารแห่งความว่างเปล่าทั้งหมดแล้ว ปัจจุบันนี้ พวกเขาทรงอิทธิพลอย่างมากในโลกทั้งหมดภายในมหาสมุทรแห่งความว่างเปล่า มีเส้นทางการโดยสาร และการขนส่งที่ถูกสร้างขึ้นมากมายบนสายธารหลากหลายสาย

ไป๋โม่เสวี่ยล่องเรือไปเรื่อย ๆ จุดหมายของเขาคือปลายสายของสายธารแห่งความว่างเปล่า ซึ่งเป็นชายแดนของอำนาจปกครองในแดนเซียน

เหล่าเซียนไม่ใช่คนดีทั้งหมด ด้วยการขยายอำนาจของแดนเซียน ยังมีเหล่าเซียนชั่วร้ายจำนวนมากที่อาศัยผลประโยชน์จากความสะดวกสบายเหล่านี้ในกิจกรรมอื่น ๆ ภายในห้วงแห่งความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ เช่นการใช้โลหิตจำนวนมากเซ่นสังเวยเพื่อเพิ่มขอบเขตการฝึกฝน หรือสังเวยเพื่อได้รับอาวุธวิเศษ อีกทั้งยังมีการก่อตั้งนิกายที่อยู่นอกเหนือเขตแดนอำนาจของแดนเซียนก่อนจะตั้งตนเองเป็นทวยเทพ

ดังนั้นเพื่อจัดการกับปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ แดนเซียนจึงจัดตั้งกองกำลังเพื่อมุ่งหน้าสู่โลกกบฏเหล่านั้นเพื่อจัดการกับอาชญากรในแดนเซียน และไป๋ซวี่เซียงก็เป็นหนึ่งในกองทัพ …นางคือผู้นำของกองกำลังเซียน

ไป๋โม่เสวี่ยถูกนางเรียกหา อาจเป็นเพราะนางคงต้องเผชิญกับเรื่องที่ยากลำบาก หรือเป็นสิ่งที่กองทัพของนางไม่อาจจัดการได้

ในฐานะพี่สาว ไป๋ซวี่เซียงเก่งกาจในทุกด้าน แม้แต่เวลาที่ออกคำสั่งกับน้องชาย นางก็ยังไม่เคยปรานี ไป๋โม่เสวี่ยช่วยเหลือนางหลายครั้ง และครั้งล่าสุดคือไป๋ซวี่เซียงบอกให้เขาสวมใส่ชุดกระโปรงตัวจิ๋ว ท้ายที่สุดมันก็ก่อเกิดเป็นความวุ่นวายครั้งใหญ่ในโลกใบนั้น จนไป๋ชิวหรานต้องเคลื่อนไหวเอง ซึ่งเขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะระงับเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ไป๋ซวี่เซียงจึงถูกหักค่าขนม ส่วนไป๋โม่เซวี่ยถูกตำหนิอย่างรุนแรง

คราวนี้ไป๋โม่เสวี่ยตัดสินใจแล้ว ในสัมพันธ์ของพี่น้อง เขาจะทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือพี่สาวของตน แต่หากถูกขอร้องให้สวมใส่ชุดกระโปรงจิ๋วอีกครั้ง เขาย่อมปฏิเสธแน่นอน!

อีกด้านของห้วงแห่งความว่างเปล่า เรือจอดเทียบท่าแล้ว ไป๋โม่เสวี่ยก็เข้าสู่โลกที่ไป๋ซวี่เซียงส่งตำแหน่งมาให้

เขารู้สึกว่าโลกใบนี้เพิ่งยอมรับทักษะการฝึกฝนที่แดนเซียนมอบให้ แต่อย่างไรทั้งหมดยังถูกครอบงำโดยภูมิปัญญาของอารยธรรมหลัก พวกเขาสามารถออกสำรวจห้วงแห่งความว่างเปล่าได้ด้วยภูมิปัญญาที่มี แต่เพราะการฝึกฝนและปรับแต่งลมปราณยังสำคัญเช่นกัน พวกเขาจึงร่วมมือกันก่อตั้งสำนักเฉพาะภายในแคว้นต่าง ๆ เพื่อฝึกฝนผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณให้กลายเป็นบุคคลชั้นสูงและมีความสามารถในแนวหน้าระดับประเทศ

สถานที่ที่ไป๋โม่เสวี่ยมาถึงนั้นอยู่ห่างจากตำแหน่งที่ไป๋ซวี่เซียงมอบให้เล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงได้พบเจอกับผู้สัญจรไปมา หลังจากใช้ทักษะย่างก้าวภูตพรายจนเข้าใจจิตสำนึกของผู้คนเหล่านี้ เขาจึงขึ้นรถรางไปสู่สถานที่ในตำแหน่งโดยไม่เขินอายใด ๆ

แน่นอนว่าไป๋โม่เสวี่ยไม่มีสกุลเงินของโลกใบนี้ แต่เขากลับไม่พบเจอปัญหาใด ๆ

รถรางวิ่งไปอย่างราบรื่น เมืองสมัยใหม่โดยรอบปรากฏสู่สายตาอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเขาก็มาถึงจุดนัดพบ เหล่าผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนรถรางเดินลงจากรถอย่างเป็นระเบียบ ไป๋โม่เสวี่ยก็เช่นกัน ขณะที่เขาเดินผ่านประตู ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นจากด้านข้างของประตู มันส่งเสียงโหยหวนไปทั่วบริเวณ

พนักงานหญิงบนรถรางหยุดเขาไว้ทันที

“ขออภัย โปรดแสดงใบเสร็จของท่าน”

พนักงานหญิงหูแหลมกล่าวกับเขาด้วยคำพูดสุภาพ ทว่าท่าทางกลับแข็งกร้าว

ไป๋โม่เซวี่ยคิดสักครู่ก่อนจะถอดแว่นตาของเขาออก

“โอ้…”

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เจ้าหน้าที่สตรีราวกับถูกศรรักที่มองไม่เห็นปักเข้ากลางใจ

“ผ… ผู้ชายอะไรช่างหล่อเหลานัก”

ในสายตาของเจ้าหน้าที่สตรีผู้นี้ ทุกการเคลื่อนไหวของไป๋โม่เสวี่ยคล้ายกับมีดวงดาวพร่างพราว ไป๋โม่เสวี่ยเดินเข้าหานางอย่างตั้งใจ กลิ่นหอมโชยมาจากร่างกายของเขาทำให้เจ้าหน้าที่สตรียิ่งใจเต้นแรงจนเกือบวาย นางถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวจนกระทั่งชนเข้ากับกำแพงของประตูรถรางด้านหลัง

ปัง!

ไป๋โม่เสวี่ยโน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับเหยียดมือค้ำกำแพงเอาไว้ แล้วก้มลงกระซิบข้างหูของนางอย่างแผ่วเบา

“วันนี้ลืมเอากระเป๋าเงินมา พี่สาวคนสวยจะสามารถช่วยเหลือข้าได้หรือไม่?”

“อืม….”

ลมแผ่วเบาจากปากของไป๋โม่เสวี่ยกระทบใบหูของเจ้าหน้าที่สาวผู้นี้ นางเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำราวกับกุ้ง ร่างกายสั่นสะท้านจนไม่อาจควบคุม ก่อนจะทรุดกายลงกับผนังกั้นของรางรถแล้วเอนตัวลงนอนกับพื้นอย่างไร้แรงต้าน

ไป๋โม่เสวี่ยใช้สายตาเฉียบแหลมมองสำรวจ ก่อนจะพบว่ากระโปรงของหญิงสาวผู้นี้คล้ายกับเปียกชุ่มเล็กน้อย

“ย่อมได้”

ใบหน้าของนางแดงก่ำเปี่ยมไปด้วยความสุขราวกับได้ขึ้นสวรรค์ ก่อนจะกล่าวกับไป๋โม่เสวี่ยว่า

“คราวนี้เจ้าไปได้… และจดจำไว้ว่าคราวหน้าให้นำเงินมาด้วย”

“เช่นนั้นก็ขอบคุณพี่สาวแล้ว”

ไป๋โม่เสวี่ยโน้มตัวลงไปกระซิบบางอย่างที่ข้างใบหูของนางอีกครั้ง

จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากประตูรถราง สวมแว่นตาและทิ้งเจ้าหน้าที่สาวไว้ด้านหลังอย่างไม่แยแส

“อ๊ะ ข้าลืมถามว่าจะติดต่อเขาได้ทางใด…”

เจ้าหน้าที่สาวผู้นั้นยืนพิงประตูรถรางก่อนจะเอียงศีรษะไปมา

“ช่างมันเสีย เพียงแค่ได้พบหน้า ข้าก็มีความสุขแล้ว…”

นางเอียงตัวอย่างเขินอายก่อนจะทรุดตัวเป็นลม

ไป๋โม่เสวี่ยเดินออกจากสถานีรถไฟ ด้านนอกนี้เป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยแผงลอยค้าขาย

“สองศูนย์สาม… สองศูนย์สาม…”

เขากวาดสายตาไปมาก่อนจะมองเห็นสถานที่นัดพบซึ่งระบุไว้ในจดหมายของไป๋ซวี่เซียง

ถนนหมายเลขสองศูนย์สาม บนถนนสายนี้เป็นร้านค้าสะดวกซื้อและขายอาหารประจำวัน ภายในร้านมีพนักงานสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังหาวไม่หยุดเพราะความเบื่อหน่าย

เขาเดินเข้าไปด้านใน

“ยินดีต้อนรับ… หาว~”

พนักงานสาวยังหาวไม่เสร็จสิ้น แต่ก็พยายามกล่าวทักทายไป๋โม่เสวี่ยอย่างอ่อนแรง

ไป๋โม่เสวี่ยไม่สนใจนาง เขาเดินไปรอบ ๆ ชั้นวางภายในร้านชำแห่งนี้ แล้วหยุดตรงแผงขายวรรณกรรม

เขาหยิบวรรณกรรมที่ขายดีภายในโลกใบนี้ขึ้นมาและยืนพลิกดูมันอย่างช้า ๆ

เมื่อพลิกดูหน้าต่าง ๆ เขาก็พบเด็กสาวอ่อนเยาว์ที่แต่งตัวด้วยชุดทันสมัยปรากฏตัวบนหน้าปก ไป๋โม่เสวี่ยตกใจเล็กน้อย เพราะจู่ ๆ สาวน้อยผู้นี้ก็ยื่นมือออกจากกระดาษมาจับจมูกของเขา

“เฮ้! โม่เสวี่ย!”

สาวน้อยบนหน้ากระดาษหัวเราะคิกคักก่อนจะกล่าวถาม

“สนใจวรรณกรรมลามกด้วยหรือ?”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท