ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 611 เหตุใดเจ้าจึงมีช้างน้อย!

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 611 เหตุใดเจ้าจึงมีช้างน้อย?!

บทที่ 611 เหตุใดเจ้าจึงมีช้างน้อย?!

ชายชุดดำในกระจกถึงกับสับสนไปชั่วขณะ ไป๋โม่เสวี่ยเห็นว่าเขากำลังดิ้นรนและดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมจำนนต่อย่างก้าวภูตพรายนี้

“ไอ้บัดซบ!”

ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาย่างก้าวภูตพรายของไป๋โม่เสวี่ยจะน่ารำคาญไม่น้อย ในที่สุดชายในชุดดำก็ระเบิดพลังเซียนออกมาทั่วร่าง กลายเป็นควันสีดำลอยอยู่ด้านหลังศีรษะของเขา

“การปรากฏของสมบัติเซียนแสง?”

ไป๋โม่เสวี่ยตื่นตระหนก

“ไอ้สารเลว เจ้าเป็นเซียนงั้นหรือ?”

อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาไร้ประโยชน์ หลังจากกงล้อแสงที่อยู่ด้านหลังศรีษะของชายในชุดดำปรากฏขึ้น สังสารวัฏแห่งการกลับชาติมาเกิดก็เด่นชัดอยู่ด้านหลังของเขา มีเสียงแหลมคมเปล่งออกจากร่างกายนั้น และเส้นทางของสังสารวัฏที่ปรากฏนั้นชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางชั่วร้ายที่สุด

ไป๋โม่เสวี่ยมีดวงตาเฉียบแหลม เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเหม็นหืนจากสังสารวัฏของอีกฝ่าย และจดจำภพชาติก่อนหน้าของมันได้ทันที

“เป็นเซียนที่ถือกำเนิดจากวิถีเดรัจฉาน”

ดวงตาไป๋โม่เสวี่ยเผยความเย่อหยิ่งดั่ง… จักรพรรดินี?

“สังสารวัฏวิถีเดรัจฉานนั้นเหมาะสมกับเจ้ายิ่งนัก มันก็เหมือนกับท่าทางของเจ้า”

ทันทีที่สังสารวัฏนี้ปรากฏขึ้น มนต์เสน่ห์ของไป๋โม่เสวี่ยที่ใช้ควบคุมชายชุดดำจึงหายไปทันที และเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ อย่างไรแล้วมันย่อมมีระยะห่างในความแข็งแกร่งระหว่างจักรพรรดิเซียนและผู้ที่อยู่ใต้อำนาจจักรพรรดิเซียน

พลังเวทของชายชุดดำควบคุมให้กระจกลอยสูงขึ้นก่อนจะมาหยุดด้านข้างของอาจารย์ใหญ่ มันออกคำสั่งเสียงทุ้ม

“ซินหนู จับมัน!”

ไป๋โม่เสวี่ยถอยหลังหนึ่งก้าว เขาเจตนาเหยียบพรมแดงพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เฮ้ ไอ้มดน้อย เจ้าคงไม่ได้ประมาทข้ามากเกินไปใช่หรือไม่? อาจารย์ใหญ่ผู้นี้อยู่ในขั้นสร้างรากฐาน แต่กลับใช้ให้นางจับกุมข้า? นางไม่เหมือนกับบิดาข้าแน่!”

“หึ”

ชายชุดดำในกระจกสบถเย็นชา ก่อนจะร่ายเวท จนสายโลหิตนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากกระจกพร้อมกับเจาะร่างของอาจารย์ใหญ่อย่างไร้ปรานี

พลังเซียนมหาศาลทะลักเข้าสู่ร่างกายของนางโดยไม่สนใจขีดจำกัดอย่างต่อเนื่อง มันเปลี่ยนร่างกายนี้ให้กลายเป็นแหล่งพลังงาน และความแข็งแกร่งของอาจารย์ใหญ่ถึงกับเพิ่มขึ้นสู่ขอบเขตเซียนที่แท้จริงในทันที

“อสูรหลอมโลหิตร่ำร้อง?”

ความรู้ของไป๋โม่เสวี่ยนั้นกว้างนัก เขาจดจำรากที่แท้จริงของคาถานี้ได้ทันที

“เจ้าคิดใช้คาถานี้งั้นหรือ ไอ้ขยะ!”

จิตสังหารพร้อมความเป็นปรปักษ์ฉายชัดในแววตา

“ดูเหมือนว่าขยะอย่างเจ้า พูดคุยด้วยต่อไปก็ไร้ประโยชน์ เจ้ามันเลวทรามยิ่งกว่าปฏิกูลของหนูในท่อระบายน้ำเสียอีก!”

อสูรหลอมโลหิตร่ำร้อง คาถานี้นับว่าเป็นคาถาต้องห้ามในแดนเซียน หากผู้ใดฝ่าฝืนใช้งานมันจะต้องติดคุกสวรรค์อย่างน้อยหนึ่งร้อยปี

แม้ไป๋โม่เสวี่ยและคนอื่นจะทราบเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่เคยเรียนรู้คาถานี้เลย แม้แต่แม่นางน้อยหลีจิ่นเหยาก็ยังไม่เรียนรู้คาถานี้ด้วยเช่นกัน

เพราะไม่เพียงแต่ไร้มนุษยธรรมเท่านั้น แต่มันยังเป็นการกระทำที่เลือดเย็นเกินไป

แม้แต่การสังเวยโลหิตของผู้ฝึกตนปีศาจโดยทั่วไปแล้วก็จะต้องละทิ้งวิญญาณผู้ถูกสังเวยไว้เบื้องหลัง เมื่อผ่านพ้นกระบวนการทั้งหมด คนเหล่านั้นยังมีโอกาสเข้าสู่งสังสารวัฏเพื่อกลับชาติมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง

แต่การใช้คาถานี้คือการเสียสละร่างกายและจิตวิญญาณของผู้ต้องมนต์ทั้งหมด เพื่อแลกกับพละกำลังระยะสั้น หลังจากใช้คาถานี้แล้ว ไม่ว่าร่างของผู้ถูกใช้จะมีสภาพอย่างไร สุดท้ายแล้วจิตวิญญาณจะแตกสลาย และสติสัมปชัญญะจะไม่หลงเหลือ

“ฮ่าฮ่า ถึงเจ้าจะตำหนิข้าอย่างไร เจ้าก็ยังงดงามในสายตาข้าเสมอ สาวน้อย”

ชายชุดดำในกระจกหัวเราะเสียงดัง

“สุดท้ายผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์ ข้าตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเห็นเจ้าดุด่าข้าด้วยสีหน้าเช่นนี้เมื่อเจ้ากลายเป็นหม้อต้มของข้า! ซินหนู จับมันมา!”

ชายชุดดำออกคำสั่ง ภายใต้การควบคุมของเขา อาจารย์ใหญ่กลายเป็นหุ่นเชิดของขอบเขตเซียนทันที นางทะยานออกไปพร้อมกับในมือควบแน่นกระบี่ยาว มันคือเวทดั้งเดิมที่นางมี แต่เวลานี้ มันถูกกัดกร่อนโดยพลังเซียนของชายชุดดำ จนกลายเป็นพลังเซียนที่ควบแน่น และหน้าตาไม่ค่อยน่ารับชมเท่าใดนัก

อาจารย์ใหญ่ถือกระบี่เซียนหยาบ ๆ ในมือและใช้มันแทงไป๋โม่เสวี่ย

ไป๋โม่เสวี่ยเลิกคิ้วสูง แทนที่จะเผชิญหน้ากับนาง เขากลับเลือกที่จะถอย

ร่างกายของผู้ต้องคาถากลายเป็นภาชนะพลังงาน ดังนั้นทักษะนี้จึงไร้ขีดจำกัดที่จะใช้ร่างกายของผู้ถูกร่ายคาถา

ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณที่แท้จริงหรือพลังเซียน ในเวลานั้นความแข็งแกร่งของภาชนะนี้จะเชื่อฟังและได้รับผลกระทบต่าง ๆ จากผู้ที่ร่ายเท่านั้น

ด้วยความแข็งแกร่งของชายชุดดำ เมื่อเขาร่ายคาถานี้ อย่างน้อยหุ่นเชิดตัวนี้จึงแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตเซียนที่แท้จริง

โชคดีที่ทักษะการต่อสู้ ประสบการณ์ และสิ่งอื่น ๆ ของอาจารย์ใหญ่ยังอยู่ในขั้นสร้างรากฐานเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่ไป๋โม่เสวี่ยจะหลบเลี่ยงการโจมตีของนาง

เมื่อเห็นว่าการโจมตีของอาจารย์ใหญ่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ชายชุดดำในกระจกจึงขมวดคิ้ว ก่อนจะใช้จิตสำนึกจากมิติกระจกเข้ายึดครองร่างของอาจารย์ใหญ่โดยตรง

อาจารย์ใหญ่ขว้างกระบี่ในมือทิ้งไป ก่อนจะเผยกรงเล็บงดงามเพื่อโจมตีไป๋โม่เสวี่ย ทันใดนั้น เด็กหนุ่มพลันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโต้กลับ

พลังที่สามารถทำลายล้างเมืองนี้ถูกบีบไว้ระหว่างมือทั้งสอง หากยืนอยู่ตรงนี้อาจจะเห็นว่าไม่มีพลังใดปะทุออกมา แต่ความจริงแล้วทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด และเมืองทั้งเมืองนี้นับว่ากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมแล้ว ทักษะของเจ้าไม่เลวเลย”

ชายชุดดำเผยความชื่นชมขณะต่อสู้

“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว หากนำเจ้าลงหม้อต้มของข้าคงน่าเสียดายแย่ เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเป็นทาสรับใช้ของข้าโดยตรงจะดีกว่า!”

“เจ้ารู้หรือไม่?”

ไป๋โม่เสวี่ยหันกลับมาและหลบการโจมตีของอาจารย์ใหญ่เพื่อควักหัวใจของนางออกมา จากนั้นหันก็หันกลับหลังมาและตบร่างนั้นจนกระเด็นออกไป!

“ข้าไม่เคยคิดว่าตัวข้าเป็นคนดี ข้าทุบตีสหายร่วมชั้น หนีออกจากห้องเรียน และใช้ความสามารถของข้าหลบหนีนับครั้งไม่ถ้วน แต่ถึงข้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็ตระหนักได้ว่าสิ่งใดคือความชั่วร้ายที่แท้จริง!”

ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว เขาก็ส่งร่างอาจารย์ใหญ่ไปติดอยู่กับกำแพง มันเกือบจะทำให้กำแพงของชั้นแห่งนี้พังทลาย!

“สิ่งที่เรียกว่าคนชั่วคือพวกที่อ่อนแอ โดยเฉพาะพวกที่ข่มเหงผู้หญิงเพื่อให้ได้ครอบครองความปรารถนาของตน!”

ร่างของอาจารย์ใหญ่ควบแน่นกลายเป็นลูกแก้วพลังเซียน ทำเอาร่างนั้นสั่นสะท้านพร้อมแกะตนเองออกจากกำแพงที่แตกร้าว นางทะยานไปมาภายในห้องใหญ่แห่งนี้และล่องลอยไปในอากาศ

นางกระแทกพื้นด้วยพลังฝ่ามือ ทันใดนั้น รากที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พรมแดงพลันปรากฏขึ้นพร้อมกับรัดกุมร่างของไป๋โม่เสวี่ยเอาไว้

“ผู้ที่พ่ายแพ้คือคนชั่ว!”

ชายในชุดดำหัวเราะลั่น

“ยอมจำนนซะ!”

อาจารย์ใหญ่ทะยานลงจากอากาศด้วยความเร็วสูง ก่อนจะเอื้อมมือคว้าร่างของไป๋โม่เสวี่ย

พลังมหาศาลอยู่ภายในฝ่ามือ แม้แต่บรรยากาศโดยรอบยังบิดเบี้ยวจนน่าสะพรึง หากถูกฝ่ามือนี้โจมตี ไป๋โม่เสวี่ยย่อมไม่ตายแต่อาจจะสลบได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวนี้ ไป๋โม่เสวี่ยจึงยกยิ้ม

“ผู้พ่ายแพ้คือคนชั่วงั้นหรือ?”

เวลานี้เขาร่ายคาถา ก่อนจะยึดครองการฉุดรั้งบนพื้นไว้อย่างรวดเร็ว ลำแสงศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายออกมัดร่างกายอาจารย์ใหญ่ไว้ในอากาศอย่างมั่นคง

ไป๋โม่เสวี่ยยกขายาวขึ้น กระโปรงของเขากระพือออกปิดบังสายตาของอาจารย์ใหญ่

“ก็เจ้าเป็นคนกล่าวออกมาเองไม่ใช่หรือ?!”

เขาเตะร่างนี้โดยใช้กระบวนท่ามังกรทะยานฟ้า ภาพจำแลงของกรงเล็บมังกรปรากฏขึ้นพร้อมท้องฟ้าคำราม ก่อนที่อสนีบาตคลั่งที่ฝ่าเท้าของเขาจะกระแทกเข้ากับร่างของอาจารย์ใหญ่โดยตรง

ทว่าเมื่อมองเข้าไปด้านในกระโปรงที่กำลังกระพืออยู่ตรงหน้า ชายในชุดดำก็ถึงกับชะงักค้าง

“เจ้า…”

ชายในชุดดำถึงกับพูดไม่ออก

“เหตุใดเจ้าจึงมีช้างน้อย?”

ตูม!

ก่อนที่เขาจะทันได้เข้าใจอะไร ไป๋โม่เสวี่ยก็พลันเตะกระจกของเขาจนแตกสลายไปเสียแล้ว

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท