ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 618 ประทินโฉมลดความงาม

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 618 ประทินโฉมลดความงาม

บทที่ 618 ประทินโฉมลดความงาม

“ทุกคนรักข้าหรือไม่?”

“รัก!”

“ข้าก็รักพวกท่านเช่นกัน ขอรับความรักอย่างสุดซึ้งนี้ ยอมจำนนเป็นทาสรักของข้าเสีย!”

บนหน้าแผ่นแสงแสดงผล สตรีผมสีขาวสง่างามราวกับราชินีกำลังยืนอยู่บนเวทีโรงละคร ในมือกระชับวัตถุขยายเสียงไว้แน่น เวลานี้นางกำลังร้องเพลงขับกล่อมผู้คน

“นางคือใคร”

ชายชุดดำนั่งอยู่บนโซฟา จับจ้องสตรีจากแผ่นแสงแสดงผลพร้อมเอ่ยถามคนด้านข้าง

“กล่าวตอบนายท่าน”

เด็กสาวผมทองสวมเครื่องแบบนักเรียนของสำนักจันทราศักดิ์สิทธิ์ลูบไล้หน้าอกเขาราวกับแมวน้อย ก่อนจะตอบกลับ

“นี่คือดาวเด่นดวงใหม่ของโรงละครที่เพิ่งปรากฏตัวอย่างกะทันหัน นางโด่งดังไปทั่วดินแดน ชื่อของนางคือซีฮวา ตอนนี้ชื่อเสียงของนางโด่งดังไปทั่วโลกวัตถุแล้วกระมัง”

นางเงยหน้าขึ้น แสงสีแดงปรากฏในม่านตา ดูเหมือนนี่จะเป็นทักษะสร้างความสับสนให้กับจิตใจ

“นางดูมีเสน่ห์นะ ว่าไหม?”

“ดูเหมือนท่านจะชื่นชอบนางไม่น้อย”

ชายชุดดำมองนักแสดงหญิงตรงหน้า และรู้สึกว่ารัศมีของอีกฝ่ายไม่ธรรมดาจริง ๆ ทว่ารูปร่างหน้าตาของนางยังดูขาดเสน่ห์บางอย่าง อาจเป็นเพราะนางประทินโฉมมากเกินไป

“ใช่”

หญิงสาวในอ้อมแขนกล่าวคำอย่างเย้ายวน

“แล้วข้าไม่งดงามหรือ?”

“แน่นอนว่างดงามแล้ว…”

ชายชุดดำลูบไล้แก้มขาวของหญิงสาว

“อย่างไรข้าก็ยังชอบสตรีที่งดงามโดยไม่ประทินโฉมเช่นเจ้า”

“จริงหรือ?”

หญิงสาวลูบฝ่ามือของเขาพร้อมถามต่อ

“นายท่าน เมื่อท่านครอบครองโลกใบนี้ได้แล้ว ท่านจะรับนางเป็นทาสอีกคนหรือไม่?”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

ชายในชุดดำยิ้มก่อนจะกดร่างหญิงสาวผมทองลงต่ำ

  

ทันทีที่สตรีผมสีขาวก้าวลงจากเวทีและเดินไปยังฉากหลัง นางก็สัมผัสได้ถึงรัศมีเยือกเย็นที่คุ้นเคยอีกครั้ง

นางลูบแขนตนเองพร้อมกับมองไปรอบ ๆ ด้วยความขยะแขยง

“มีอะไรผิดปกติหรือ?”

ไป๋ซวี่เซียงแต่งกายในอาภรณ์เหมือนเถ้าแก่เนี้ย นางสวมแว่นตาและเดินตรงเข้าหาสตรีผมขาว

“ลมพัดขาที่สามของเจ้าจนรู้สึกเป็นหวัดหรือไร?”

“พี่สาวสุดที่รักของข้าเอ๋ย อย่าได้คิดลวนลามน้องชายของท่านโดยไม่ตั้งใจ”

หญิงสาวผมขาวคือร่างปีศาจของไป๋โม่เสวี่ย เขามองไป๋ซวี่เซียงพร้อมกับเผยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

“ข้ารู้สึกเย็นวาบอย่างประหลาด ดูเหมือนข้ากำลังจะตกเป็นเป้าหมายของปีศาจผู้ฝึกตนอีกครั้ง”

“อืม ข้าสัมผัสได้เช่นกัน”

ไป๋ซวี่เซียงเผยสีหน้าจริงจังก่อนจะส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ

“น้องชายข้างดงามยิ่งแล้ว… นี่คือความงามที่ดึงดูดความชั่วร้ายหรือไร?”

นางเปิดม่านขึ้นพร้อมกับมองดูเหล่าผู้คลั่งไคล้ที่มายืนรอ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง

“ด้วยวิธีนี้ หลังจากเจ้าจัดการกับกลุ่มผู้คลั่งไคล้ในตัวเจ้าเสร็จแล้ว เจ้าก็ต้องแพร่ข่าวลือเรียกร้องความสนใจด้วยล่ะ อย่างไรแล้ว ตราบใดที่ผู้คลั่งไคล้ไม่ลืมเจ้าและให้ความร่วมมือ เราก็จะค้นพบเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วว่ามันผู้นั้นอยู่ที่ใด”

ดวงตาของไป๋ซวี่เซียงโค้งงอเป็นพระจันทร์เสี้ยว

“นอกจากนี้ คณะละครที่เราสร้างขึ้นเพื่อเป็นหน้าม้าใช้เปิดตัวเจ้ายังทำเงินได้มหาศาล ด้วยวิธีนี้เงินทุนของกลุ่มทำภารกิจลับของพวกเราจึงเหลือเฟือ นับว่านี่คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว!”

“หากท่านกล้าที่จะเก็บส่วนแบ่งของข้าไว้เอง แน่นอนว่าเมื่อกลับไป… ข้าจะเป็นคนขับไล่ท่านออกจากบ้าน!”

ไป๋โม่เสวี่ยกล่าวคำเบากับไป๋ซวี่เซียง

“รู้แล้วน่า”

ไป๋ซวี่เซียงโบกมือพร้อมกล่าวต่อ

“ข้าก็ไม่อยากจะทำเช่นกัน แต่ใครกันที่ทำให้ท่านพ่ออยากจะมาที่นี่ล่ะ?”

“ข้าไม่ทราบว่าใครกันแน่ที่บอกที่อยู่ของข้ากับเขา”

ไป๋โม่เสวี่ยมองอีกฝ่าย

หากไม่ได้รับข่าวว่าไป๋ชิวหรานกำลังจะมาที่นี่ ไป๋โม่เสวี่ยคงไม่ยินยอมฟังคำของพี่สาวและเปิดเผยร่างปีศาจให้กลายเป็นดาราชื่อดังเช่นนี้

“จากลักษณะที่เจ้าปรากฏตัว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บซ่อนที่อยู่ของเจ้า ท่านพ่อเพียงแค่อยากรู้ว่าเจ้าอยู่ที่ไหนเท่านั้น”

ไป๋ซวี่เซียงถอนหายใจพร้อมกล่าวต่อ

“อย่างไรแล้วการเดินทางของแดนเซียนมักจะสร้างปัญหาให้กับสตรีผู้นี้เสมอ”

นางมองไป๋โม่เสวี่ยพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ออกมาลบเครื่องประทินโฉมให้กับน้องชาย เมื่อเครื่องประทินโฉมบนใบหน้าจางหาย ใบหน้าสมบูรณ์แบบของไป๋โม่เสวี่ยจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“ช่างเป็นงานศิลปะที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้”

หลังจากรับชมอยู่เสี้ยวลมหายใจ ไป๋ซวี่เซียงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม

“เราจะเริ่มใช้ผู้คลั่งไคล้เหล่านี้ค้นหาถึงเมื่อใด”

ไป๋โม่เสวี่ยกล่าวถาม

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการแสดงร่ายรำในอาภรณ์เย้ายวนให้เจ้าอีกสองสามวัน มีสองสามการแสดง มันจะสร้างความนิยมได้มากโขเลยเชียว”

ไป๋ซวี่เซียงกล่าวตอบ

“เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะจัดให้ใครสักคนถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเจ้า และคนของเราจะใช้โอกาสนี้เพื่อติดตามมันผู้นั้น”

  

ไม่กี่วันต่อมา ข่าวสารใหม่จาก ‘ซีฮวา’ ที่เพิ่งเปิดตัวก็กลายเป็นประเด็นสนทนาของชาวเมือง

“ถึงแฟน ๆ ที่รักทุกท่าน ก่อนอื่นข้าต้องขอโทษผู้คลั่งไคล้ที่คอยสนับสนุนมาตลอด เวลานี้ข้ายุ่งยากกับกิจกรรมต่าง ๆ จึงไม่อาจดูแลทุกท่านได้ นอกจากนี้ข้ายังมีเรื่องราวมากมายที่อยากจะพูดคุยกับทุกคน ความจริงแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซีฮวาได้พบกับอาชญากรที่มุ่งหมายลวนลาม เวลานี้ซีฮวาแจ้งเบาะแสทั้งหมดให้กับกองกำลังรักษาความปลอดภัยของเมืองแล้ว หากทุกท่านทราบเบาะแสเพิ่มเติม สามารถติดต่อซีฮวาได้ในกระแสจิตส่วนตัว”

ภาพเหมือนของคนร้ายที่ถูกวาดโดยจิตรกรมือหนึ่งของแดนเซียนปรากฏขึ้นมาทันที ทั้งหมดคือคำให้การของไป๋ซวี่เซียงและไป๋โม่เสวี่ย

ทันใดนั้น ผู้คลั่งไคล้จำนวนมากก็บันทึกภาพเหล่านั้นเอาไว้ พวกเขาทั้งหมดเผยความขุ่นเคืองและต้องการจับกุมผู้ร้ายที่กล้าหาญมาล่วงละเมิดเทพธิดาของตน!

ข่าวนี้แพร่หลายออกไป แน่นอนว่าภายในสำนักจันทราศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน

“ไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ชายทำตัวน่าขยะแขยงอย่างนี้”

ด้านข้างหลี่ลี่ มีเด็กผู้หญิงสองคนกำลังสนทนาเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่

“แต่มันก็สมเหตุผลแล้ว ท้ายที่สุดซีฮวางดงามและยังพราวเสน่ห์ นางงดงามราวกับนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ หากเป็นข้าก็คงอดไม่ได้ที่จะลวนลามนาง”

“แต่เรื่องเทพธิดา…”

เด็กหญิงทั้งสองพูดคุยกัน ขณะนั้นทั้งสองลอบเหลือบมองสหายร่วมโต๊ะของหลี่ลี่อย่างลับ ๆ

“เจ้าว่าสหายร่วมชั้นโม่เสวี่ยงดงามกว่าซีฮวาหรือไม่?”

“อืม… ข้าก็คิดเห็นเช่นนั้น”

ผู้หญิงอีกคนเข้าร่วมการสนทนาในทันที

“หากสหายร่วมชั้นเช่นโม่เสวี่ยไปเป็นนักแสดงหรือนางระบำ นางจะต้องเป็นดาวเด่นแซงหน้าซีฮวาอย่างแน่นอน”

หลี่ลี่อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไป๋โม่เสวี่ย

“ก็เห็นชัดว่าเป็นคนคนเดียวกัน”

นางพึมพำคำเบา และรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเล็กน้อย เพราะนางรู้ความลับของไป๋โม่เสวี่ย

“แต่โม่เสวี่ย… เหตุใดใบหน้างดงามของเจ้าจึงดูด้อยลงเช่นนั้น?”

ดูเหมือนว่าไป๋โม่เสวี่ยจะได้ยินถ้อยคำพึมพำของหลี่ลี่ เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกล่าวตอบว่า

“พี่สาวประทินโฉมให้ข้า”

  

“…”

จู่ ๆ หลี่ลี่ก็ลอบหงุดหงิดอยู่ในใจ

โดยปกติแล้ว การประทินโฉมของสตรีทั่วไปนั้นเพื่อเพิ่มเติมรูปลักษณ์ที่ขาดหายไปเท่านั้น แต่สำหรับไป๋โม่เสวี่ยกลับเป็นการประทินโฉมเพื่อลดความงาม

“แต่พี่สาวข้าส่งข้อความออกไปแล้ว อีกไม่นานก็คงมีเบาะแสเกี่ยวกับผู้ฝึกตนปีศาจ”

ไป๋โม่เสวี่ยปลอบหลี่ลี่

“และเพราะไม่ใช่แค่การระดมกลุ่มผู้คลั่งไคล้ของซีฮวา เวลานี้พี่สาวของข้ายังติดต่อคนจากราชสำนักให้ดำเนินการแล้วด้วย”

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท