ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年] – บทที่ 625 ไปทำผม

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

บทที่ 625 ไปทำผม

บทที่ 625 ไปทำผม

หลินฉีเยว่ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะฟื้นคืนสติกลับมาได้ นางรักษาท่าทางให้สงบก่อนจะเดินตรงเข้าหาไป๋โม่เสวี่ยแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“บังเอิญไม่น้อยแล้ว ข้าจดจำชื่อของเจ้าได้… ไป๋โม่เสวี่ยใช่หรือไม่?”

“หืม?”

ไป๋โม่เสวี่ยแสร้งทำเป็นประหลาดใจก่อนจะหันกลับมา เมื่อเห็นว่าหลินฉีเยว่อยู่ด้านข้าง เขาก็ก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนจะถามว่า

“ต้องขอโทษด้วย แล้วเจ้าคือ?”

“ข้าชื่อหลินฉีเยว่ เป็นผู้ฝึกตนในสำนักเดียวกันกับเจ้า”

หลินฉีเยว่ยื่นมือออกพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

“ข้าเรียนอยู่สูงกว่าเจ้าหนึ่งขั้นน่ะ”

“โอ้ เป็นศิษย์พี่หลินฉีเยว่”

ไป๋โม่เสวี่ยพยักหน้าก่อนจะกล่าวต่อ

“ยินดีที่ได้รู้จักแล้ว”

เมื่อถูกปลายนิ้วอ่อนนุ่มของไป๋โม่เสวี่ยลูบไล้ที่ฝ่ามือ มันก็ทำเอาหัวใจของหลินฉีเยว่ยิ่งเต้นระส่ำ นางกล่าวถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า

“โม่เสวี่ย จะอยู่ที่นี่อีกนานหรือไม่?”

นางก้มมองที่ชุดผู้ฝึกตนของไป๋โม่เสวี่ย

“เจ้ายังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย คงจะมาเดินเล่นที่นี่หลังออกจากสำนักใช่หรือไม่?”

“อ่า ข้าคิดมาเดินเล่นสักหน่อยน่ะ”

ไป๋โม่เสวี่ยยิ้มพร้อมตอบกลับ

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ข้าได้เผชิญหน้ากับบางสิ่งที่ยุ่งยาก และอารมณ์ก็ไม่ค่อยดีนัก”

“ฮิ ๆ ดูเหมือนว่าการเป็นหญิงสาวที่งดงามก็ยังต้องพบเจอปัญหาสินะ”

หลินฉีเยว่หัวเราะคิกคักก่อนจะกล่าวเชิญชวนไป๋โม่เสวี่ย

“กล่าวตามตรงแล้ว ช่วงนี้ข้าก็พบเจอสิ่งกวนใจเช่นกัน จึงต้องออกมาเดินเล่นเพื่อผ่อนคลายจิตใจ หากไม่รังเกียจ… เราไปเดินเล่นด้วยกันดีหรือไม่?”

“เรื่องนั้น…”

ไป๋โม่เสวี่ยลังเลอยู่ชั่วขณะ

“ดูเหมือนว่าในละแวกนี้จะไม่ค่อยปลอดภัยนัก แถวนี้มีคนเจ้าชู้มากมาย เป็นเพราะเจ้างดงามมาก ดังนั้นจึงไม่ยากเลยที่จะตกเป็นเป้าหมายของพวกเขา”

หลินฉีเยว่ยิ้มก่อนจะกล่าวถาม

“หรือเจ้าหวาดกลัวว่าข้าทำอันตรายต่อเจ้า?”

“อ่า จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?”

ไป๋โม่เสวี่ยหัวเราะพร้อมกล่าวต่อ

“เหตุใดศิษย์พี่จึงจะทำร้ายข้า? ข้าก็แค่กังวลว่าข้าจะสร้างปัญหาให้กับศิษย์พี่เสียมากกว่า”

“ย่อมไม่อยู่แล้ว”

หลินฉีเยว่กล่าว

“ข้าเพียงออกมาเดินเล่นอย่างไร้จุดหมาย หากได้เดินกับเจ้าคงจะดีนักที่มีปลายทางจะไป เอาล่ะ ศิษย์น้องโม่เสวี่ย เจ้าไม่อยากเป็นผู้พิทักษ์สาวงามสักหน่อยหรือ?”

ไป๋โม่เสวี่ยคิดไตร่ตรอง

“ถ้าเช่นนั้นจำต้องขอบคุณศิษย์พี่หลินฉีเยว่แล้ว”

จากนั้นทั้งสองจึงเดินเล่นในย่านใจกลางเมืองแห่งนี้ ไป๋โม่เสวี่ยตั้งใจจะใช้ทักษะ ‘การพาสาวเดินเที่ยว’ ที่สำนักเหอฮวนเคยสั่งสอนกับเขาก่อนหน้านี้ เขาจึงพาหลินฉีเยว่ไปยังสถานที่ที่เขาชื่นชอบมากที่สุด

หลังจากเดินเล่นไปสักพัก หลินฉีเยว่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เวลานี้ต้องแยกกับผู้พิทักษ์สาวงาม

“โม่เสวี่ย ข้าชอบเวลาที่อยู่กับเจ้านัก ข้ามีความสุขจริง ๆ”

ในที่สุดเมื่อถึงเวลาที่ต้องแยก หลินฉีเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ

“ศิษย์พี่หลิน ข้าก็มีความสุขเช่นกันที่ได้เดินเล่นกับท่าน”

“เรื่องนี้…”

หลินฉีเยว่ซึ่งเป็นผู้มากประสบการณ์มานานหลายปี จู่ ๆ เมื่อเผชิญหน้ากับเด็กสาวไร้เดียงสาตรงหน้า ใบหน้าของนางก็พลันร้อนผ่าวก่อนจะกล่าวถาม

“ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วหรือยัง?”

“แน่นอน เราเป็นเพื่อนกัน”

ไป๋โม่เสวี่ยพยักหน้าแล้วกล่าวต่อ

“ศิษย์พี่ หากคราวหน้าท่านอารมณ์ไม่ดี สามารถเรียกหาข้าได้ แล้วข้าจะออกมาเดินเล่นกับท่านเช่นวันนี้”

“จริงหรือ?”

“แน่นอน”

ไป๋โม่เสวี่ยพยักหน้าพร้อมทั้งลองแลกช่องทางติดต่อกันเอาไว้ หลังจากที่ทั้งสองบอกลากันเรียบร้อย หลินฉีเยว่ก็ตรงกลับบ้านของตนด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก

  

ไม่กี่วันต่อมา ไป๋โม่เสวี่ยถูกหลินฉีเยว่ขอร้องให้ออกมาพบในทุกคืน และทั้งสองก็ไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ด้วยกัน

ว่ากันว่าหญิงสาวทั้งสองดูสนิทกันมาก แต่ในสายตาของผู้อื่น ทั้งสองคล้ายกับจะเป็นคู่รักที่เดินเที่ยวกันเสียมากกว่า

แน่นอนว่าหลินฉีเยว่ก็คิดเช่นนั้น ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา การใช้เวลาร่วมกับไป๋โม่เสวี่ยทำให้นางมีความสุขมาก มันคือความสุขที่รักแรกก็ยังไม่สามารถนำพาให้นางได้เช่นนี้

เวลาที่อยู่กับไป๋โม่เสวี่ยมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ แต่ความทรงจำและความสุขกลับเติมเต็มหัวใจของหลินฉีเยว่อย่างหวานฉ่ำ เมื่อใดที่นางนึกถึงหญิงสาวผู้สมบูรณ์แบบคนนี้ รอยยิ้มแห่งความสุขก็มักจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าเสมอ

“นี่ข้า… ไม่ได้รักนางใช่หรือไม่?”

หลินฉีเยว่เกิดคำถามอยู่ภายในใจ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ในไม่ช้าชายชุดดำก็เรียกนางกลับไปรับใช้เช่นเดิม ช่วงเวลาเหล่านี้เคยเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากสำหรับหลินฉีเยว่ แต่ในเวลานี้นางรู้สึกว่าตนเองสนใจชายชุดดำน้อยลงแล้ว

คราวนี้หลินฉีเยว่ทำกิจกรรมให้เสร็จอย่างเร่งรีบ และขณะที่นางนอนอยู่ข้างกายชายชุดดำ นางก็ไม่สนใจเขาทั้งยังนั่งส่องดูการพูดคุยในห้วงจิตสนทนาอย่างเฉยเมย

“ฉีเยว่…”

ชายในชุดดำนอนเปลือยกายอยู่ด้านข้าง เขาสูบยาสูบพร้อมลูบคางเบา ๆ

“นี่ข้าคิดไปเองหรือไม่? ทำไมช่วงนี้เจ้าจึงดูแปลกไป?”

“ฮ่าฮ่า”

หลินฉีเยว่หัวเราะออกมา จากนั้นจึงตระหนักได้ว่านางอยู่ที่ไหน นางหยุดหัวเราะก่อนจะตอบกลับ

“ไม่แล้ว ทำไมนายท่านจึงคิดเช่นนั้นเล่า?”

“เจ้าคุยกับใครหรือ?”

ชายในชุดดำสงสัยพร้อมพยายามแย่งวัตถุเวทสื่อสารของนาง แต่หลินฉีเยว่กลับปัดป้องโดยไม่รู้ตัว

“อ่า นางเป็นผู้ฝึกตนที่มาใหม่ที่ท่านเคยบอกกล่าวให้ข้าจับตาดู ตอนนี้นางอยากให้ข้าไปทำผมให้ในวันอาทิตย์นี้”

“ทำผม?”

ชายในชุดดำรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังใกล้เขามา และสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เขากระอักอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

“เอามานี่”

เขาแย่งวัตถุเวทสื่อสารของหลินฉีเยว่กลับมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

หลินฉีเยว่พยายามจะขัดขืนชั่วขณะ จนดวงตาของนางกลายเป็นสีแดงก่ำ แต่สุดท้ายนางก็โน้มตัวลงในอ้อมแขนของชายชุดดำอย่างเชื่อฟังแล้วยื่นมันให้

ชายในชุดดำหยิบวัตถุเวทสื่อสารขึ้นมาตรวจสอบ และได้พบบทสนทนาของนางกับไป๋โม่เสวี่ยที่ชวนหลินฉีเยว่ไปตำหนักเสริมความงามอย่างสุภาพในวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาเห็นมันมีเพียง… ความรัก ความหลงใหล และความปรารถนาในตัวอีกฝ่าย

เขาเงยหน้ามองหลินฉีเยว่พร้อมตรวจสอบ และพบว่าทักษะที่ทำให้จิตใจของนางสับสนนั้นอ่อนแอลงมากแล้ว

“ข้าไม่ควรประมาทจริง ๆ นางสารเลว…”

ชายในชุดดำตะคอกอย่างเย็นชา

“ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะทำให้เจ้าคุกเข่าลงบนพื้น พร้อมกับเลียรองเท้านี้!”

เขาใช้ทักษะสองสามอย่างกับหลินฉีเยว่ ซึ่งมันทำให้นางหลุดพ้นจากสภาพที่ถูกไป๋โม่เสวี่ยล่อลวง

“นายท่าน!”

เมื่อหลินฉีเยว่ตระหนักได้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ นางก็หลั่งเหงื่อเย็นด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะคุกเข่าลงแล้วอ้อนวอนเพื่อให้อีกฝ่ายยกโทษ

“ลุกขึ้นซะ ข้าไม่กล่าวโทษเจ้า”

ชายในชุดดำโบกมือพร้อมกล่าวต่อ

“ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่ได้ทำงานหนัก แต่ศัตรูนั้นเหนือกว่า”

หลินฉีเยว่หวาดกลัวอยู่นานกว่าจะสามารถยืนขึ้นได้ นางกลับมานอนเคียงข้างชายชุดดำอีกครั้ง

“วันอาทิตย์ หากมันชวนเจ้าออกไปข้างนอก เจ้าก็เพียงไปที่นั่นและทำตัวปกติ”

ชายในชุดดำลูบไล้ผมสีทองของหลินฉีเยว่พร้อมกระซิบข้างหู

“หากเขาลอบถามว่าข้าอยู่ที่ไหน เจ้าก็ตอบไปว่าข้าอยู่ที่…”

เขาบอกกล่าวตำแหน่งให้กับหลินฉีเยว่ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะซุ่มโจมตีไป๋โม่เสวี่ย

แน่นอนว่าหลินฉีเยว่รับทราบแล้ว แต่ในใจของนางกลับสั่นไหวรุนแรง

ตามบันทึกในคัมภีร์โบราณของสำนักเหอฮวน เสน่ห์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกคือความรักระหว่างมนุษย์ ความรักสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ รวมถึงทักษะที่ทำให้จิตใจสับสนของผู้เป็นเซียน…

เวลานี้ในใจของหลินฉีเยว่มีเมล็ดพันธุ์แห่งความรักที่ถูกปลูกขึ้นโดยไป๋โม่เสวี่ย ต่อให้นางถูกกระตุ้นจากชายชุดดำ เมล็ดพันธุ์นี้ก็จะไม่หยุดยั้งการหยั่งรากลึกและแตกกิ่งก้าน

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี [炼气练了三千年]

Status: Ongoing
ณ สำนักกระบี่ชิงหมิง ที่แห่งนี้ยังมี ‘อาจารย์ลุง’ ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและพบหน้าค่าตาได้ยากอยู่คนหนึ่ง …ที่ถึงแม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นพลังชั้นต่ำสุดอย่างกลั่นลมปราณ แต่จะหาใครแกร่งเท่า คงไม่มีอีกแล้ว!‘ไป๋ชิวหราน’ ชื่อนี้ไม่มีใครที่เป็นศิษย์ในสำนักกระบี่ชิงหมิงจะไม่รู้จัก ศิษย์ลูกรักของผู้ก่อตั้งสำนัก อีกทั้งยังเคยเป็นถึงความหวังของสำนักอีกด้วย ใครต่อใครก็บอกว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่การที่ไปชิวหรานผู้นี้ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่ขั้น ๆ เดิมมาถึงสามพันปี มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ สวรรค์ต้องเล่นตลกกับเขาอยู่แน่นอน นอกจากจะต้องเร่งบรรลุไปที่ขั้นสูงกว่านี้ให้ไว ๆ เพื่อหลีกหนีความตายแล้ว ยังต้องมารับมือกับเรื่องวุ่นวายทางโลกที่ ‘คนอื่น ๆ’ ชอบพามาหาเขาแบบไม่หยุดไม่หย่อนอีก เห็นเขาใจดีแบบนี้ใช่ว่าจะทำอะไรกับเขาก็ได้นะ!เส้นทางการฝึกตนนั้นไม่เคยง่ายดาย ไป๋ชิวหรานผู้นี้รู้ซึ้งดี ฉะนั้นใครก็ตามที่กล้ามาดูถูกขั้นพลังของเขา ก็เตรียมตัวชักกระบี่มาคุยกันได้เลย!ความตายที่คอยรังควาญไป๋ชิวหรานคือสิ่งใด ขั้นพลังที่เขามักแอบตัดพ้อถึงมันนั้นสูงส่งหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงไหน โปรดติดตามได้ใน ‘ข้าก็แค่กลั่นลมปราณสามพันปี’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท