ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง – ตอนที่ 100 ถูกพิษ (2)

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ตอนที่100 ถูกพิษ (2)

พวกอยู่ด้านหน้าที่โดนเฆี่ยนตี เริ่มได้สติกลับมา หันมองไปทางไป๋หลี่อวี๋อิง แต่ละคนต่างเผยสีหน้าประหลาดใจกันทันที เพราะใบหน้าของไป๋หลี่อวี๋อิงในขณะนี้มีผ้าคลุมสีแดงเพลิงปกปิดเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาสีแดงก่ำที่ปูดบวมคู่หนึ่งออกมา บริเวณหนังตาทั้งบนและล่างบวมเป็นชั้นหนาบดบังดวงตาจนเหลือเพียงเส้นบางๆ ช่วงหน้าผากบวมออกมาเป็นก้อนใหญ่เสมือนเนื้องอก ดันผ้าคลุมใบหน้าปูดโปนออกมาสังเกตเห็นได้ชัดเจน

“องค์หญิง ท่านเองก็…โดนวางยาพิษเช่นกัน?”

หญิงสาวนางหนึ่งเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความประหลาดใจ

“ไสหัวไปให้พ้น!!”

ไป๋หลี่อวี๋อิงคำรามลั่นน้ำสียงเคร่งขรึม พร้อมยกแส้สีดำยาวในมือขึ้นฟันฟาดใส่ทุกคนต่างหน้าเป็นคำรบสองไม่มียั้งแรง บรรดาสาวๆ เหล่านั้นกรีดร้องลั่น วิ่งหนีไปคนละทิศละทางดั่งรังมดแตกกระเจิง

หลังจากที่ไป๋หลี่อวี๋อิงล้างหน้าในยามเช้า ก็ค้นพบความผิดปกติทันที จึงรีบวิ่งไปส่องกระจกสำรวจมองจนค้นพบว่า ใบหน้าของตนเองกลายเป็นสีแดงบวมเป่งจนผิดรูป ทั้งยังเกิดอาการเน่าจากภายในจนเกิดแผลช้ำหนองไหลเยิ้มออกมา และที่น่าหงุดหงิดใจที่สุดคือ ต่อให้กินโอสถถอนพิษไปแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ยิ่งไปกว่านั้น นังพวกงี่เง่าเหล่านี้ยังพยายามบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตห้องของนางโดยไม่คำนึงสนใจถึงคำสั่งเลย ยิ่งคิดเท่าไหร่ไป๋หลี่อวี๋อิงก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น จึงอาศัยจังหวะเมื่อครู่ กระหน่ำเฆี่ยนตีบรรดาสาวๆ เหล่านั้นเพื่อระบายความโกรธออกจากจิตใจ

แต่ทันใดนั้นเอง ก็เหมือนกับว่า นางจะสัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจับจ้องจากมุมหนึ่ง ไป๋หลี่อวี๋อิงหันไปมองติดตามทิศทางดังกล่าว ก็พลันเห็นว่าเป็น เซียถงที่กำลังยืนมองพร้อมทีท่าสบายอารมณ์ ไป๋หลี่อวี๋อิงปิดประตูเสียงดังปัง เดินชี้หน้าตรงเข้าไปถามอีกฝ่ายโดยไวว่า

“นังปีศาจเซียถง! ทั้งหมดเป็นฝีมือของเจ้าใช่ไหม?! ใช่ยาพิษชนิดมาวางใส่พวกข้า!!”

“เรียนองค์หญิง ไฉนถึงพูดใส่ความเช่นนี้กับหม่อมฉันได้เล่า?”

เซียถงส่งยิ้มให้ไป๋หลี่อวี๋อิงและกล่าวต่อว่า

“ท่านกำลังจะบอกว่า หม่อมฉันเป็นคนวางยาพิษกระมัง? เช่นนั้นมีหลักฐานหรือไม่?”

“มันต้องเป็นพิษของเจ้าแน่นอน! มิฉะนั้นแล้ว ในขณะที่ทุกคนล้วนเกิดปัญหากันหมด ไฉนเจ้าถึงไม่เป็นอะไรคนเดียว!?”

ยิ่งเซียถงสงบนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวเท่าไหร่ ความหงุดหงิดภายในใจของไป๋หลี่อวี๋อิงก็ยิ่งเพิ่มพูนปะทุเดือดยิ่งขึ้น

“เพราะข้าไม่เคยรังแกใครก่อน จึงไม่มีใครรังแกข้ากลับ แต่องค์หญิง ขอเรียนตามตรงว่า ท่านชอบก่อปัญหารังแกทุกฝักฝ่าย เผลอไปทำให้ใครแค้นฝังหุ่นรึเปล่าก็มิทราบ จึงลอบวางยาพิษท่านลับหลัง?”

เซียถงเลิกคิ้วส่งสายตามองไปทางอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มสีจาง เมื่อได้เห็นหน้าผากที่ปูดโปนราวกับปลาหมอหัวโหนก และบริเวณดวงตาที่บวมเป่งแทบบดบังเส้นสายตาของไป๋หลี่อวี๋อิง กระทั่งนางเองก็แทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่

“เซียถง! อย่าได้ใจเกินไป!!”

ไป๋หลี่อวี๋อิงกัดฟันกรอด ไม่ว่าจะแค้นเคืองเพียงใด แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องร่นถอยกลับไป เข้าปะทะกับเซียถงโดยตรงก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย แต่จะอย่างไร ความอาฆาตแค้นที่มีต่อเซียถง มันช่างล้นปรี่จนจุกอกเสียเหลือเกิน ไป๋หลี่อวี๋อิงรู้สึกดอึดอัดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในท้ายที่สุดนี้ก็ทำได้แค่ ยกแส้ยาวในมือขึ้นฟันฟาดต้นไม้ใบหญ้าและรั้วกั้นห้องพักโดยรอบจนหักโค่นราวกับคนเสียสติ

เฝ้ามองความบ้าคลั่งของไป๋หลี่อวี๋อิง เซียถงเปล่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา กล่าวว่า

“เซียถงคนนี้เป็นเพียงนังอัปลักษณ์คนหนึ่ง มีหรือจะกล้าดีหยิ่งผยองได้ใจต่อหน้าอง์หญิงผู้แสน…งดงาม”

กล่าวจบ เซียถงเพิกเฉยต่อทุกสายตาที่จับจ้องมองมาทางนี้ และเดินจากออกไป ปล่อยให้ไป๋หลี่อวี๋อิงที่ยังบ้าคลั่งยืนทำลายข้าวของต่อไปจนสาแก่ใจ

กลับมาถึงห้องพัก เซียถงกล่าวกับอิ๋งเอ๋อร์ว่า

“อิ๋งเอ๋อร์ เจ้ากลับเข้าจวนเสนาบดีก่อนเถอะ อีกสามวันให้หลังค่อยมาหาข้าใหม่”

“เอ๊ะ? หากบ่าวกลับไป แล้วใครจะดูแลความเป็นอยู่ของคุณหนูล่ะเจ้าค่ะ?”

อิ๋งเอ๋อร์เผยสีหน้าทีท่าลังเลเล็กน้อย นางมาที่นี่ก็เพื่อดูแลชีวิตประจำวันของคุณหนูให้เป็นไปได้ด้วยดี หาใช่ต้องการทิ้งหน้าที่เหล่านี้และกลับไป

“อิ๋งเอ๋อร์ ที่นี่ไม่มีน้ำให้ใช้ จะซักผ้าทำความสะอาดห้องก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ เจ้าอยู่ที่นี่ไปเกรงว่าไม่มีอะไรทำกันพอดี ระยะสามวันนี้เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”

น้ำเสียงที่เปล่งดังของเซียถงเย็นชาต่ำลงเล็กน้อย อีกสักพักไม่นานเกินรอ จะต้องมีความวุ่นวายเกิดขึ้นกับนางแน่นอน เพื่อความปลอดภัยของตัวอิ๋งเอ๋อร์เอง อีกฝ่ายจำเป็นต้องเดินทางกลับจวนเสนาบดีเซี่ยบัดเดี๋ยวนี้

พอเห็นว่าเซียถงค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้ อิ๋งเอ๋อร์ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป เพียงเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเศร้าสร้อยและเดินจากห้องออกไปด้วยความไม่เต็มใจนัก

เซียถงหยิบตำราเรียนวิชากลยุทธ์ขึ้นมาอ่านทบทวนอยู่เงียบๆ คนเดียวภายในห้อง พอทุกคนสามารถยืนยันได้ว่า มีเพียงเซียถงที่ปลอดภัยดีอยู่คนเดียว ไป๋หลี่อวี๋อิงและบรรดาสาวๆ ทั้งหลายก็รวมกลุ่มกันไปฟ้องกับทางคณะอาจารย์ในสถานศึกษาโดยตรง โดยระบุว่า ยาพิษที่เจือผสมในบ่อน้ำในป่าไผ่เขียวเป็นฝีมือของเซียถง ดังนั้นทั้งหยุนซีและอาจารย์เคราขาวจากฝ่ายทะเบียนจึงต้องเดินทางมาหาเป็นการส่วนตัว

ไม่นานเกินรอ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอกห้องพัก เซียถงวางตำราในมือลง ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูให้อย่างใจเย็น

“คณบดี ยาพิษในบ่อน้ำเป็นฝีมือของนาง! พวกเราทุกคนล้วนโดนนางลอบวางยาพิษใส่! เพราะมีนางคนเดียวที่ไม่เป็นอะไรเลย ดังนั้นต้องเป็นยาพิษของนางไม่ผิดแน่!”

ทันทีที่ประตูเปิดออก ไป๋หลี่อวี๋อิงก็ชี้หน้าใส่เซียถงอย่างอุกอาจ ด้านหลังของนางมีทั้ง อาจารย์เคราขาวหรือที่ทุกคนเป็นที่ทราบกันดีว่า เขาคือคณบดีของสถานศึกษาแห่งนี้ ตามมาด้วยหยุนซี ไป๋หลี่หาน และบรรดาสาวๆ กลุ่มนั้นที่โพกผ้าปิดคลุมทั้งใบหน้าและศีรษะ

“องค์หญิงเห็นกับตาตัวเองหรือไม่ว่า ข้าเป็นคนลอบวางยาพิษ? หรือหากมีหลักฐานอันใดโปรดแสดงให้เห็น”

เซียถงยืนจับจ้องเรียวนิ้วยาวที่ชี้เข้าใส่หน้าของไป๋หลี่อวี๋อิงโดยไม่มีเกรงกลัวใดๆ สองมือไขว้หลังเผยท่าทีหยิ่งผยองออกมา กล่าวค้านกลับไปตามตรง

“แล้วไฉนพวกเราถึงโดนพิษร้ายเล่นงาน หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำในบ่อป่าไผ่เขียว แต่ตัวเจ้ากลับไม่เป็นอะไร?!”

ไป๋หลี่อวี๋อิงยิงคำถามสวนกลับไปทันทีด้วยความโกรธจัด

“ข้ามีใบหน้าอัปลักษณ์อยู่แล้ว จึงไม่ค่อยสนใจเรื่องความสวยความงามเหมือนพวกท่านหรือสุภาพสตรีทั่วไป ก็เลยไม่มีนิสัยล้างหน้าตอนเช้า จะมีก็แค่อาบน้ำนอนเลยตอนกลางคืน”

เซียถงยักไหล่ตอบอย่างใจเย็น

“ไร้สาระ! เจ้านั่นแหละคือคนวางยาพิษ! คงเป็นเพราะอิจฉาริษยาในความงามของตัวข้า ก็เลยลอบวางยาพิษในบ่อน้ำที่ไว้ใช้! นังสารเลว! ไม่เพียงหน้าตาของเจ้าที่อัปลักษณ์ แต่จิตใจของเจ้าเองก็ยังน่ารังเกียจไร้ยางอาย!!”

ไป๋หลี่อวี๋อิงยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปอีก เมื่อต้องคิดว่ารูปโฉมของตนได้ถูกทำลายลงจนไม่เหลือชิ้นดีจากฝีมือของเศษขยะชิ้นหนึ่ง นางวาดฝ่ามือขึ้นเตรียมที่จะตบหน้าของเซียถงโดยไม่มีออมแรงใดๆ

สีหน้าท่าทีของเซียถงเย็นยะเยือกลงทันใด ส่งผลให้อุณหภูมิโดยรอบบริเวณลดฮวบต่ำลงจนทุกคนขนลุกซู่ว ชั่วขณะอึดใจ นางก็ปรารถนาจะหยิบชักมีดสั้นที่เร้นซ่อนใต้แขนเสื้อขึ้นมา แต่ทันใดนั้นก็พลันนึกถึงสัญญาระหว่างตัวนางกับไป๋หลี่หานเอาไว้ได้ สุดท้ายจึงหยุดมือ ปล่อยให้มีดสั้นหลับใหลอยู่ใต้แขนเสื้อต่อไป

ฝ่ามือของไป๋หลี่อวี๋อิงเพิ่งหวดลงไปได้ครึ่งทาง กลับถูกไป๋หลี่หานหยุดไว้กลางอากาศ ขมวดคิ้วแน่นคำรามน้ำเสียงเดือดดุว่า

“ทำร้ายร่างกายสหายร่วมชั้นเรียนนับว่าผิดกฎระเบียบของสถานศึกษาแล้ว แต่นี่องค์หญิงยังกล้าทำมันต่อหน้าท่านคณบดีกับอาจารย์หยุนซีอีกงั้นรึ? หรือเป็นไปได้ไหมว่า ลำพองตนคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎระเบียบไปแล้ว?”

เพียงไม่กี่คำที่เปล่งดังออกมา ไป๋หลี่หานผลักภาระความรับผิดชอบโยนใส่ไปทางท่านคณบดีเคราขาวกับหยุนซีโดยตรง

“องค์หญิงโปรดใจเย็นลงก่อน ทางสถานศึกษาของเราจะดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อเฟ้นหาตัวการมือวางยาพิษเอง”

คณบดีเคราขวากล่าวเรียนรายงานอย่างสุภาพ

ทว่าหยุนซีกลับมิได้เกรงใจไว้หน้าเหมือนท่านคณบดีเคราขาว นางก้าวออกไปตรงหน้า คว้าแขนของไป๋หลี่อวี๋อิงลากออกมาให้ห่างจากตัวเซียถงโดยไม่มีเกรงใจ กล่าวเสียงเข้มว่า

“องค์หญิง ยิ่งจิตใจหม่นหมองอามรณ์เสียเช่นนี้จะทำให้สารพิษในกายแพร่กระจายหนักขึ้น เชิญกลับไปก่อนเสีย”

ไป๋หลี่อวี๋อิงโดนหยุนซีลากออกมากลางคันแบบนี้ อีกฝ่ายกลับไม่กล้าต่อต้านเลยแม้แต่น้อย

“เซียถง เจ้าไม่ได้เป็นคนวางยาพิษจริงๆ ใช่หรือไม่?”

ไป๋หลี่อวี๋อิงถูกหยุนซีลากออกไปแล้ว เป็นคราวของท่านคณบดีเคราขาว หรือก็คืออาจารย์เคราขาวในหอทะเบียน คนที่ทดสอบคุณสมบัตินักหลอมโอสถแก่เซียถงนั่นเอง เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเนิบ พลางลูบเครายาวสีขาของตนด้วยความติดนิสัย

“ท่านคณบดี เราควรคุยกันด้วยหลักฐานดีกว่าหรือไม่ หากมาสงสัยกันเพียงเพราะข้าเป็นคนเดียวที่ไม่โดนยาพิษ นั่นหมายความว่า ผู้คนอีกนับร้อยพันในสถานศึกษาแห่งนี้ที่ไม่โดนพิษก็ถือเป็นผู้ต้องสงสัยเช่นกัน กระทั่ง ตัวท่านเอง ท่านอาจารย์หยุนซี หรือกระทั่งอาจารย์หานที่อยู่ ณ ที่ตรงนี้ พวกเราทั้งหมดเองล้วนตกอยู่ในสถานะผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้น เพราะเราทั้งสี่ไม่โดนพิษถูกต้องหรือไม่?”

เซียถงกวาดสายตาไปทั่วฝูงชนไล่เรียงไปทีละคน

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง

Status: Ongoing
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต ได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยโฉมหน้าอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!เธอคือนักฆ่ามือวางอันดับหนึ่งแห่งยุค2018 แต่กลับถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดซ้อนแผนและสังหารเธอทิ้งในระหว่างภารกิจหนึ่ง ส่งผลให้วิญญาณของเธอทะลุมิติไปยังโลกอื่น! ซึ่งนางคนนี้เป็นคุณหนูสายตรงแห่งจวนเสนาบดี ใบหน้าช่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทว่ากลับมีพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะพลังที่น่าทึ่ง!ในท้ายที่สุดนางได้เสียชีวิตลงเพื่อช่วยชีวิตชายที่นางรักสุดหัวใจ และนั่นเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่วิญญาณนักฆ่าสาวสลับเข้าร่าง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความงดงามดั่งบุปผาซ่อนพิษซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอได้หายไป! โลกทั้งใบที่เคยรู้จักกลับไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว! ใบหน้าอัปลักษณ์? จุดตันเถียนถูกทำลายจนกลายมาเป็นสตรีพิการบ่มเพาะพลังไม่ได้? เจ้าของร่างเก่าถูกสังหารทิ้งโดยไม่มีผู้ใดไยดี? แต่ไม่เป็นไร ทั้งทักษะการฆ่าและจิตใจของเธออันไร้เมตตายังคงอยู่ เรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของแม่เลี้ยงกับบุตรสาวของฮูหยินรอง? ได้! ได้เลย! ทุกคนไม่ว่าใครหน้าไหนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการนี้ จะไม่มีผู้ใดสามารถหนีรอดไปได้แน่แท้! ควบคุมหมื่นอสูร หลอมกลั่นโอสถ ตียุทธ์ภัณฑ์สร้างสิ่งประดิษฐ์ แม้แต่สวรรค์ยังต้องก้มกราบข้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท