ตอนที่260 เดิมพันครั้งหนัก (2)
ตอนที่260 เดิมพันครั้งหนัก (2)
กลุ่มคนจากจักรวรรดิตงหลี่ เดิมทีตั้งใจไว้ว่าจะเดิมพันเหรียญทองทั้งหมดที่มีลงต่อท้ายป้ายของเซียถง แต่เมื่อเห็นว่าโดยส่วนใหญ่ล้วนโยนเงินไปทางหลินเฟย พวกเขาก็เริ่มคิดหนัก ก่อนที่สุดท้ายจะย้ายกองเหรียญทองไปทางป้ายของหลินเฟยแทน ดังนั้นแล้ว จึงไม่มีใครเลือกเดิมพันกับเซียถงเลยแม้แต่สักเหรียญเดียว เช่นเดียวกับคนที่ชื่อหลีโม่ ทุกคนจากจักรวรรดิเป่ยฮั่น ย้ายข้างไปแทงฝั่งหลินเฟยกันหมด แทบไม่มีใครกล้าเดิมพันกับเขาคนนี้เลย
หุหุ ไม่คิดเลยว่า ค่าความนิยมของข้าจะแย่ปานนี้ แต่นี่กลับเป็นเรื่องดีอย่างมาก ทำตัวให้ไร้ชื่อเสียงเข้าไว้ โอกาสชนะจะเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย เซียถงแอบหัวเราะกับตัวเองในใจอย่างขบขัน แลมองพื้นที่โล่งสะอาดตรงป้ายชื่อของนาง หาได้แยแสสนใจไม่เลย
แต่อย่างไรก็ตาม รากฐานพลังบำเพ็ญตบะของหลินเฟยคนนั้นกลับสูงส่งมากจริงๆ นางสามารถรับรู้ได้ทันที ผ่านคลื่นลมหลากระลอกปั่นป่วนที่ถูกระบายออกจากร่างของเขา นี่เป็นหลักฐานชั้นเยี่ยมเลยว่า พลังลมปราณของชายคนนี้แกร่งกล้ากว่านางเพียงใด
สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจที่สุดในเวลานี้คือ มิยักรู้เลยว่า หลัวซีเองก็เข้าร่วมงารประลองสี่จักรวรรดิในครั้งนี้เช่นกัน และที่น่าตกใจไปกว่านั้น ปรากฏว่า เขาเป็นคนจากจักรวรรดิหน่านเฟิง!
สงสัยว่า เหตุผลที่อีกฝ่ายลอบเข้ามาแข่งขันในงานชุมนุมลมปราณในจักรวรรดิตงหลี่ครานั้น เขาดูเหมือนจะต้องการเห็ดหลินจือมรกตจริงๆ
เพิ่งครุ่นคิดไม่ทันไร จู่ๆ ก็มีหญิงงามในชุดแพรพรรณสีแดงเปิดประตูเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางคนนั้นแบกกระเป๋าใบใหญ่อยู่ในมือ พอมาถึงหน้าโต๊ะเดิมพันก็เทกระจาดกองเหรียญทองจำนวนมหาศาลลงที่ป้ายชื่อของหลัวซีโดยไม่มีลังเล แล้วกล่าวขึ้นว่า
“ข้าขอร่วมเดิมพันด้วย แทงชื่อหลิวซีหมดตัวจำนวนหมื่นเหรียญทองถ้วน!”
หนึ่งหมื่นเหรียญทอง? หน้าใหญ่มาก!
ผู้คนรอบข้างถึงกับหุบปากเงียบสงัดในทันใด ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่กองเหรียญทองบนโต๊ะ ชายร่างสูงผู้เป็นผู้ดูแลโต๊ะถึงกับตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง ดวงตาเป็นประกายสว่างไสว จับจ้องกองเหรียญทองตรงหน้าไม่วางตา จากนั้นก็รีบโบกมือเรียกชายอีกคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล กล่าวขึ้นว่า
“เจ้ามานี่เร็ว! ช่วยกันนับเงินหน่อย!”
จากนั้นชายร่างสูงค่อยหันไปโค้งศีรษะคำนับให้สาวงามในชุดแพรพรรณสีแดงตรงหน้า เอ่ยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อมว่า
“นายหญิงโปรดไปนั่งรอที่ห้องรับรองก่อนดีหรือไม่? ทางเราจะรีบจัดหาชารสเลิศมาให้โดยไวที่สุด เมื่อใดที่ทางเรานับจำนวนเงินเสร็จสิ้น เมื่อนั้นค่อยไปเรียกนายหญิงมายืนยันอีกทีหนึ่ง”
สาวงามในชุดแพรพรรณสีแดงส่ายหัว กล่าวสวนกลับไปโดยตรงว่า
“ภายในกระเป๋าใบนี้น่าจะมีเงินประมาณหนึ่งหมื่นเหรียญทอง บวกลบประมาณสิบยี่สิบเหรียญทองได้กระมัง นับได้เท่าไหร่ก็ฝากแทงหลัวซีทั้งหมดนั่น!”
นางยืนกอดอกอยู่หน้าโต๊ะ
เพียงปราดเดียว เซียถงก็จำได้ทันทีว่า สาวงามนางนี้ก็คือหนึ่งในหญิงรับใช้ที่คอยติดตามหลัวซีอยู่ตลอด ปรากฏว่าหลัวซีที่ว่าก็คือหลัวซีคนเดียวกับที่นางเคยประลองต่อสู้ด้วยจริงๆ ซึ่งในเวลานี้ นางเองก็กำลังมองหาตัวของเขาอยู่พอดีเกี่ยวกับเรื่องเพลิงพิภพเก้าดุษณี แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า นางจะบังเอิญมาพบเจอกันที่นี่จริงๆ
“แม่นาง มีทุนหนาปานนี้ ไฉนถึงไม่แบ่งส่วนลงฝั่งหลินเฟยกับหลัวซีอย่างละครึ่งล่ะ? หากหลินเฟยชนะขึ้นมา อย่างน้อยก็มิได้สูญเงินทั้งหมดไป ในทางตรงกันข้าม หากโชคดีหลัวซีชนะขึ้นมาจริงๆ ท่านกลับได้กำไรกลับไปด้วย เพราะดูจากสถานการณ์ตอนนี้ คนโดยส่วนใหญ่ แทงฝั่งหลินเฟยกัน ดังนั้นอัตราแต้มต่อของอีกสามคนที่เหลือจะสูงมาก”
ทันใดนั้นก็มีหนึ่งในฝูงชนหวังดีกล่าวแนะนำให้ฟัง
“หลินเฟยคือใครรึ? เขาคนนั้นจะเทียบเคียงได้กับนายน้อยของเราได้เยี่ยงไร?”
สาวงามในชุดแพรพรรรณสีแดงสบถพ่นลมหายใจเย็นชาใส่คำโต ถึงแม้สุ้มเสียงของนางจะไม่ดัง แต่ก็ได้ยินกันชัดทั่วทั้งบ่อนแห่งนี้
“เข้าใจแล้วนายหญิง จากที่คำนวณอันตราแต้มต่อในเวลานี้ หากท่านลงเงินจำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทอง และเมื่อหลัวซีเป็นฝ่ายชนะ ท่านจะได้เงินกลับไปเป็นจำนวนสองหมื่นเหรียญทอง”
ชายร่างสูงคลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขยิ่ง รีบบอกให้ลูกน้องที่เรียกมาเก็บเหรียญทองกองตรงหน้าไปนับทันที เพราะกลัวว่า สาวงามในชุดแพรพรรณสีแดงนางนี้จะเปลี่ยนใจ สำหรับตัวเขาแล้ว เขามั่นใจว่าหลินเฟยชนะแน่นอน
สาวงามในชุดแดงชำเลืองมองชายร่างสูงตรงหน้าเล็กน้อย แล้วหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไปทันที ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง นางก็เดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าเงินอีกใบโต และเทกระจาดเหรียญทองกองใหญ่ไว้ที่ป้ายชื่อของเซียถง
ทุกคนรอบข้างต่างเฝ้ามองทุกการเคลื่อนไหวของสาวงามในชุดแดง สีหน้าแววตาของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจเกินบรรยาย นี่มันหมายความว่าอย่างไร? นางเดินกลับไปเอาเงินอีกก้อนใหญ่ทุ่มเดิมพันกับเซียถง?
คล้อยหลังเทกระจาดกองเหรียญทองเสร็จสรรพ สาวงามในชุดแดงนางนั้นก็หันศีรษะกลับมากล่าวกับบรรดาฝูงชนทั้งหลาย น้ำเสียงเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจว่า
“ผู้ชนะในงานประลองสี่จักรวรรดิในคราวนี้ ไม่เซียถงก็หลัวซีแน่นอน พวกที่ตัดสินใจลงเงินเดิมพันกับหลินเฟย หวังว่าจะไม่ทำตัวงี่เง่าขอเงินคืนกันที่หลังกระมัง?”
“แม่นางทราบได้อย่างไร?”
ทันใดทีทันใด ฝูงชนรอบโต๊ะบังเกิดความโกลาหลขึ้นฉับพลัน เปล่งเสียงดังเอ่ยถามไม่หยุด ทว่าสาวงามในชุดแดงกลับเมินเฉยกับทุกคำถาม หมุนตัวและจากออกไปโดยไม่มีเหลียวหลัง
ทุกคนต่างประหลาดยิ่งยวดกับความเด็ดเดี่ยวอันไร้ขอบเขตของนาง แม่นางคนนี้เป็นใครกัน? ไฉนใจใหญ่ได้ถึงขนาดนี้? จะมีก็เพียงชายร่างสูงซึ่งเป็นเจ้าของโต๊ะที่มีความสุขเปี่ยมล้นจนแทบเป็นลมล้มทั้งยืน กลุ่มคนที่อยู่หน้าโต๊ะที่เหลือเริ่มเกิดอาการลังเล บ้างก็แบ่งสันเงินเดิมพันจำนวนหนึ่งไปทางหลินเฟยทีละคนสองคน และมีจำนวนเล็กน้อยที่โยนเหรียญทองไปทางเซียถง
เซียถงที่เห็นเช่นนั้นถึงกับรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาทันที การที่สาวงามในชุดแดงเลือกเดิมพันกับนางในจำนวนเงินมหาศาล มันสะท้อนให้เห็นถึงนิสัยเคารพคู่ต่อสู่ของหลัวซีได้ชัดเจนมาก แต่ไฉนถึงต้องแบ่งเงินมาเดิมพันกับนางด้วย? หากมั่นใจในฝีมือของตนนัก ไฉนถึงไม่ลงเงินแทงตัวเองให้หมด? หากเป็นนางคงไม่ยอมเสียเงินโดยเปล่าเช่นนี้แน่
ไป๋หลี่หานเหลือบสายตามองกองเหรียญทองที่อยู้ท้ายล่างของป้ายชื่อเซียถง ทันใดนั้น เขาก็เดินตรงไปข้างหน้า แหวกฝูงชนไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะเดิมพัน และหยิบตั๋วเงินใบหนึ่งออกจากแขนเสื้อขอองเขา กระแทกวางตรงป้ายชื่อของเซียถงเสียงดัง’ ป้าบ!’ เปล่งเสียงดังฟังชัดลั่นว่า
“แทงข้างเซียถง หนึ่งแสนเหรียญทอง!”
ทันทีที่วาจานี้ลือลั่นหลุดออกมา ฝูงชนทั่วทั้งบริเวณนั้นแทบระเบิดความโกลาหลออกมาทันที บรรยากาศกลายมาเร่าร้อนแทบเดือดปุด ทีแรกกับสาวงามในชุดแดงที่แทงเงินเดิมพันสูงถึงหนึ่งหมื่นเหรียญทองก็ว่าน่าตกตะลึงแล้ว แต่ตอนนี้ยังมีใครจากไหนมิทราบ โยนเงินแสนออกมาเดิมพัน! หรือวันนี้เป็นวันที่เหล่าเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งทั้งหลายจะรวมตัวกัน? ชายร่างสูงผู้เป็นเจ้าของโต๊ะหยิบตั๋วเงินใบนั้นขึ้นมา สองมือช่วยกันประเคนอย่างสั่นเทา หลังจากก้มหน้าพินิจตรวจสอบอยู่สักครู่ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งพร้อมน้ำตาแห่งความสุขที่เปรอะเปื้อน
ท่ามกลางฝูงชนทั้งหมด ไป๋หลี่หานชำเลืองสายตามองย้อนกลับมาหาเซียถงที่ยืนสังเกตการณ์อยู่รอบนอกพร้อมรอยยิ้ม สายตาคู่นั้นของเขามิอาจปกปิดความหยิ่งผยองได้ยอมใครได้ ในเมื่อหลัวซีกล้าลงเงินจำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญเพื่อช่วยสร้งาความนิยมให้เซียถงโด่งดัง ฉะนั้นเขาเองก็ขอเกทับเพิ่มอีกสิบเท่าทวี เพื่อช่วยสร้งาวความนิยมให้เซียถงโด่งดังยิ่งกว่า!
ชักจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว! ต้องคิดอะไรอยู่ถึงกล้าลงเงินเดิมพันตั้ง หนึ่งแสนเหรียญทอง! เซียถงถึงกับส่ายหัวอานเหนื่อยหน่ายใจ
“คราวนี้เซียถงชนะแน่นอน หลินเฟยกลับต้องชวดแล้ว พวกเจ้าทุกคนก็ลองคิดดูเอาเองเสียแล้วกัน”
ไป๋หลี่หานหันมากวาดสายตามองสีหน้าอันตื่นตะลึงสุดแสนของทุกคน พร้อมกล่าวเตือนขึ้นวาจาหนึ่ง ก่อนเดินจากออกมา เขายังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า
“ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ก่อนโยนเงินเข้าเดิมพันก็คิดวิเคราะห์กันให้จงดี”
จากนั้นไป๋หลี่หานก็เดินผละจากฝูงชนออกมา มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่อดเชื่อคำกล่าวของเขามิได้ บางคนถึงกับควักเงินเพิ่มแทงฝั่งเซียถง
กล้าโยนหนึ่งแสนเหรียญทองโดยไม่ลังเล? แสดงว่าชายคนนี้อาจรู้อะไรบางอย่าง?
หลังจากนั้นไม่นาน ความนิยมของเซียถงก็เริ่มเพิ่มสูงขึ้นกะทันหัน สร้างแรงกดดันให้กแก่ฝ่ายที่แทงข้างหลินเฟยไม่น้อยเลย แต่สรุปสุดท้าย ผู้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็เป็นหลินเฟยอยู่ดี
ไป๋หลี่หานเหลือบสายตาชำเลืองมองผู้คนทั้งหลายที่เริ่มหันมาแทงฝั่งเซียถงมากขึ้น สายตาคู่นั้นของเขาดูมีความสุขมากจริงๆ สะบัดแขนเสื้อทีหนึ่งและก้าวย่างเดินตรงออกจากบ่อนไป
“ไฉนถึงมั่นใจนักว่า ข้าจะเป็นฝ่ายชนะ? หากมองในแง่ของระดับลมปราณกันจริงๆ หลินเฟยเหนือชั้นกว่าข้ามาก บางทีตัวข้าอาจหาใช่คู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นได้”
เซียถงกล่าวไล่หลังอีกฝ่าย สีหน้าแววตาเปี่ยมล้นความสงสัย
มูลค่าหนึ่งแสนเหรียญทอง มันหาใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย ถึงแม้ไป๋หลี่หานจะเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่นี่กลับเป็นอะไรที่สิ้มเปลืองโดยใช่เหตุเกินไปมาก และที่สำคัญนางมิได้สนใจเลยว่า ความนิยมของนางต่อฝูงชนจะมีมากน้อยเพียงใด