ตอนที่266 สัตว์วิญญาณตัวน้อย จี๋จี๋ (2)
ตอนที่266 สัตว์วิญญาณตัวน้อย จี๋จี๋ (2)
เซียถงผงะง้ำตกใจ เอื้อมมือออกไปปัดบางสิ่งที่เกาะแกะอยู่ปลายจมูกโดยไว พร้อมคว้าหยิบมันขึ้นมาเชยมอง ก่อนจะเห็นว่าเป็นสัตว์ตัวน้อยคล้ายสุนัขจิ้งจอกขนาดเท่าฝ่ามือ ขนทั่วทั้งใบหน้าและตัวนุ่มฟู ดวงตาคู่น้อยหรี่เล็ก มีจมูกแหลมคล้ายจิ้งจอก พอมันถูกจับตัวได้ก็ส่งเสียงเล็กจิ๋วของมันร่ำร้องออกมา อุ้งเท้าปุกปุยทั้งสี่พยายามตะเกียกตะกายหนี นัยน์ตาดำขลับเท่าเม็ดองุ่นจับจ้องนางด้วยความผวาหวาดกลัว
“จี๋จี๋ เจ้าไปรบกวนอะไรนางล่ะ?”
หลัวซีที่ได้ยินเสียงร้องเรียกของเจ้าตัวน้อย ก็รีบหันศีรษะคว้าก้อนขนปุกปุยขึ้นมาจากมือเซียถง ส่งยิ้มบางให้เล็กน้อยและกล่าวว่า
“นี่เป็นจิ้งจอกไฟของข้าเอง ชื่อว่า จี๋จี๋”
เห็นดังนั้นเซียถงก็คว้าเจ้าจี๋จี๋คืนมาจากมือของหลัวซีในทันใด เห็นมันร้องตะเกียกตะกายอยู่สองสามครา แลเห็นว่าตัวนางไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมันออกไปอย่างไร ดังนั้นจึงเปลี่ยนแผนใช้ลูกอ้อน เหยียดอุ้งเท้าทั้งสี่เข้ากอดเรียวนิ้วของเซียถงแทน จากนั้นก็ใช้ปากเล็กแหลมของมันขบแทะปลายเล็บเบาๆ เผยให้เห็นเหงือกร่นสีชมพูอ่อนน้อยๆ กรงเล็บบนอุ้งเท้าเล็กจิ๋วไร้พิษภัยเกาะแน่น แลบลิ้นออกมาเลียนิ้วเซียถงดังแผลบๆ
ผ่านไปชั่วครู่ นิ้วของเซียถงเปียกชุ่มในทันใด ทำเอานางอดหัวเราะลั่นออกมาอย่างอดมิได้ ลองสะบัดนิ้วแกล้งมันสักหนึ่งที อุ้งเท้าสองข้างหลังพลันลื่นหลุด ห้อยต่องแต่งกลางอากาศ แต่อุ้งเท้าสองคู่หน้ายังคงเกาะเรียวนิ้วของเซียถงไว้แน่นหนา ทำท่าทำทีราวกับว่า ตัวมันกำลังจะตกหน้าผาก็มิปาน มันเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาเล็กจิ๋วสีดำขลับจับจ้องหน้าเซียถงด้วยความงุนงง จากนั้นก็ยังคงง่วนอยู่กับการเลียนิ้วของนางต่อไป มีบางครั้งบางคราที่มันถอนสายตาขึ้นจับจ้อง ราวกับว่ากำลังเฝ้าสังเกตสีหน้าการแสดงออกของนางอยู่มิปาน
พอเห็นว่าเซียถงกำลังปิดปากกั้นหัวเราะ ประกายตาคู่จิ๋วของจี๋จี๋ก็สั่นไสวเบาๆ และเริ่มอ้าปากส่งเสียงร้อง ราวกับว่ามันกำลังยิ้มมีความสุข เซียถงดูสนใจขึ้นทันตา หันมากล่าวกับหลัวซีพลางชี้ไปที่มันและกล่าวว่า
“มันกำลังหัวเราะรึ?”
“ใช่แล้ว จี๋จี๋เป็นสัตว์อสูรชนิดหนึ่งที่ค่อนข้างพิเศดอย่างมาก มันสามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ได้ เมื่อใดที่เจ้าหัวเราะ มันก็จะหัวเราะตามไปด้วย”
หลัวซีลุกขึ้นยืน เดินตรงไปหาเซียถงปรายมองเจ้าจี๋จี๋ที่กำลังหัวเราะอยู่บนฝ่ามือของนาง จากนั้นก็กางฝ่ามือยื่นออกไป
“จี๋จี๋ อย่าสร้างปัญหา”
จี๋จี๋ยังคงใช้อุ้มเท้าคู่หน้าทั้งสองกอดเรียวนิ้วของเซียถงไว้แน่น ทำเป็นหูทวนลมมิได้สนใจฟังหลัวซีเลยแม้แต่น้อย เห็นเป็นเช่นนั้น เซียถงก็ดูจะยิ่งสนใจมันมากขึ้นเรื่อยๆ มุมปาพลันกระตุกยิ้มบาง แววยิ้มแย้มที่ส่องสะท้อนภายในดวงตาคู่นั้นยิ่งดูเผยแสดงออกมาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ดูท่าจี๋จี๋จะชอบเจ้ามาก”
หลัวซีล้มตัวลงนั่งข้างเซียถง กำลังมองจี๋จี๋ที่กำลังใช้ศีรษะปุกปุยของมันถูกไถบนเรียวนิ้วของนาง และกล่าวว่า
“หากเจ้ามีความสุข จี๋จี๋ก็จะมีความสุขตาม”
“หากเจ้าชอบสิ่งใด มันก็จะชอบสิ่งนั้น หากเจ้ามีความสุข มันจะมีความสุขยิ่งกว่า แต่ถ้าวันใดที่เจ้าเศร้ามอง กลับเป็นตัวมันที่รู้สึกเศร้าหมองยิ่งกว่า”
ขณะปริปากอธิบาย หลัวซีก็เอื้อมมือออกไปคว้าร่างฟูฟ่องปุกปุยของมันออกมา
ทว่าจี๋จี๋กลับกระโดดหนีจากเงื้อมมือของอีกฝ่าย รีบมุดเข้าไปในแขนเสื้อของเซียถงโดยไว ผิวเสื้อจากราบเรียบกลายมาเป็นบวมป่องตามตัวของมันในทันใด แถมยังวิ่งเล่นอยู่ด้านในซุกซนมิใช่ย่อย ทำเอาเซียถงรู้สึกจั๊กจี้จนหัวเราะเสียงดังคิกคัก
“โอ้? เจ้าเองก็หัวเราะเป็นด้วย?”
เห็นเซียถงที่อยู่ข้างเคียงส่งเสียงหัวเราะไม่หยุด หลัวซีก็ถึงกับเบิกตาโตประหลาดใจ มิยักรู้เลยว่า เซียถงผู้มีนิสัยเย็นชาประดุจน้ำแข็งนางนี้ จะหัวเราะเป็นกับเขาด้วย?
“ฮ่าฮ่า… จี๋จี๋มันมุดเข้าไปใต้แขนเสื้อข้า แถมยังวิ่งสำรวจไม่หยุดเลย ข้า…ข้าจั๊กจี้!”
เซียถงหัวเราะอยู่อีกชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่ท้ายที่สุดจะคว้าตัวของมันหยุดไว้ได้ทัน จากนั้นก็ล้วงเจ้าตัวน้อยก้อนปุกปุยออกมาจากแขนเสื้อยาว
จี๋จี๋กระโดดเข้ากอดนิ้วของนางในทันใด และเริ่มเลียนิ้วอีกครั้ง ดวงตาเท่าเม็ดองุ่นคู่น้อยเรียวเล็กเป็นทรงเสี้ยวจันทร์ขนาดจิ๋ว ช่างเป็นมีชีวิตที่น่ารักที่สุดตั้งแต่นางเคยเห็นมาเลย ท้ายที่สุดมิอาจต้านทานความน่ารักน่าชังของมันได้ไหว นางอดยกนิ้วขึ้นลูบศีรษะน้อยๆ ของมันมิได้ ไม่นานนัก มันก็คลายอุ้งเท้าทั้งสี่ข้างของมันออก และกระโดดขึ้นกอดแก้มสีขาวผ่องของนาง ยกหางปุกปุยขึ้นตวัดปัดกวาดทั่วใบหน้าไปมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ!!”
เซียถงระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นไม่หยุดหย่อน ยกเรียวนิ้วหนึ่งขึ้นเกาศีรษะจี๋จี๋เล่นด้วยความรักใคร่
“จี๋จี๋ดูชอบเจ้ามาจริงๆ นี่หาใช่เรื่องปกติแล้ว”
หลัวซีแลมองเซียถงที่กำลังเล่นจี๋จี๋ด้วยความอิจฉาเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ที่เขาอยู่กับมันมาก็นานนม ไม่เคยที่ตัวมันจะกอดแก้มของตนสักครั้ง
“พอแล้ว! พอแล้ว! เจ้ากลับไปหาเจ้านายของเจ้าเสียได้แล้ว”
เซียถงคว้าจี๋จี๋ที่เกาะแกะใบหน้าออก และส่งคืนไปให้หลัวซี
แต่ใครจะไปคิดไปฝัน เจ้าจี๋จี๋กลับหมุนตัวหันหน้าไปทางเซียถง และหันตูดให้หลัวซีโดยทันที ดวงตาคู่เล็กจิ๋วของมันที่แต่เดิมเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข ยามนี้กลับกลายเป็นเศร้าสร้อยดูน่าสงสาร
“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนเลย… จี๋จี๋ มิให้ว่าเจ้าตั้งใจจะทิ้งข้าคนนี้กระมัง?”
หลัวซีที่เห็นจี๋จี๋หันตูดใส่ก็ปั้นหน้ามุ่ยทันที กล่าวน้ำเสียงค่อยพอใจนักใส่มัน ทว่ากลับนึกไม่ถึง ทันทีที่จี๋จี๋ได้ยินดังนั้น มันก็เหลียวศีรษะหันกลับมาหาหลัวซี พร้อมพยักหน้าให้อยู่หลายที
ห่ะ? หรือเป็นไปได้ไหมว่า เจ้าตัวน้อยนี่มันฟังภาษาคนรู้เรื่อง? เซียถงยอมรับตามสัตย์จริง ยิ่งได้เล่นกับจี๋จี๋ นางก็ยิ่งรู้สึกชอบมันมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย นางก็ห้ามใจไม่ไหว ยื่นเรียวนิ้วออกไปเกาะศีรษะปุกปุยของมันเล่นอยู่หลายที
“หากเจ้าชอบจี๋จี๋ ข้าย่อมมอบให้ได้”
หลัวซีเอ่ยปากเสนอขึ้นทันทีที่ได้เห็นนางมีความสุขขนาดนี้เมื่อเล่นกับจี๋จี๋ของตน
ยังไม่ทันสิ้นเสียงกล่าวจบดี เจ้าจี๋จี๋ก็เหยียดแผ่นอกยืดตัวขึ้นทันควัน มันยืนสองขาพยักหน้างึกงัก ดวงตาเท่าเม็ดองุ่นกลมบ๊อกเปล่งประกายสว่างไสว จับจ้องไปทางเซียถงเปี่ยมล้นไปด้วยความหวัง ราวกับว่ากำลังรอฟังคำตอบจากปากนางอยู่
เซียถงยกชักนิ้วเก็บกลับเข้ามา หันไปกล่าวกับหลัวซีว่า
“เจ้าเองก็ชอบจี๋จี๋เช่นกัน ข้าหรือจะไปแย่งความรักจากคนอื่นได้อย่างไร?”
“จี๋จี๋มันชอบเจ้าขนาดนี้ คงไม่อยากอยู่กับข้าแล้ว และอีกอย่าง เห็นเช่นนี้แต่จี๋จี๋มันเป็นเจ้านายของตัวมันเองหาใช่ข้าไม่”
หลัวซีส่ายหน้าเล็กน้อยและกล่าวต่อว่า
“นอกจากนี้เอง จี๋จี๋ข้าก็มิได้ซื้อมาเลี้ยงตั้งแต่แรก แต่ดันไปพบเข้าโดยบังเอิญระหว่างที่ข้ากำลังฝึกอยู่ในป่า แลเห็นมันเดินพเนจรอยู่ตามลำพัง และทันทีที่พบข้า เหมือนจะมีเหตุผลบางอย่าง มันก็ติดตามข้ามาตลอด ส่วนข้าเองก็มิได้ติดใจอะไรเพราะเห็นว่ามันน่ารักดีเท่านั้น”