ตอนที่ 275 ข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ (1)
ตอนที่ 275 ข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ (1)
ทอดมองหลัวซีจากไป นางก็เหลียวมามองไป๋หลี่หาน แลเห็นอีกฝ่ายยังกุมมือของตนแน่น ก็รีบกระตุกชักกลับโดยไวและกล่าวว่า
“วันนี้ข้าแทบจะใช้ชีวิตแลกชีวิตเพื่อปกป้องท่าน เท่านี้นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับชดใช้หนี้บุญคุณทั้งหมด จากนี้ต่อไป ท่านกับข้าก็ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีก!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ นางก็หันหลังเดินจากไปทันที!
ไป๋หลี่หานเหม่อมองร่างอรชรของเซียถงที่เปื้อนเลือดชุ่มชโลมทั่วกายา คู่คิ้วพลันขมวดแน่น จู่ๆ ก็ตะโกนเสียงนางเสียงดังว่า
“เซียถง! เดี๋ยวก่อน!”
เซียถงชะงักฝีเท้าครึ่งจังหวะหยุดเดิน หันหน้าชำเลืองมองบุคคลที่อยู่ด้านหลัง
“เซียถง ข้า…ข้ามีบางเรื่องที่ต้องการจะถามเจ้า!”
ไป๋หลี่หานรีบสืบเท้าก้าวติดตามนาง ทั่วทั้งร่างกายามีอาการสั่นเทาโซเซคล้ายเสียศูนย์เล็กน้อย และเป็นโม่ซวนที่ต้องการจะรีบวิ่งเข้าพยุง ทว่าสุดท้ายกลับถูกเจ้าตัวโบกมือห้ามไว้
เขาประคองร่างโทรมซัดของตน พยายามยืนหยัดภายใต้แสงจันทร์เจ้า ตรงมาถึงเบื้องหน้าเซียถง จู่ๆ เขาก็ยกมือขึ้นจับไหล่สีเลือดของนาง สบสายตามองอีกฝ่ายค่อนข้างจริงจัง เอ่ยขึ้นว่า
“ข้าอยากจะถามเจ้า… หาก…หากข้าต้องการให้เจ้าอภิเษกกับข้าในฐานะพระชายาเอก เจ้าจะเต็มใจหรือไม่?”
ไป๋หลี่หาน นี่เจ้าเพิ่งจะกล่าวอันใดไป?
“ห่ะ?”
เซียถงสบสายตาอีกฝ่ายตอบ อุทานขึ้นคำโตด้วยความสงสัยยิ่งยวด หรือเป็นไปได้มิว่า นางจะได้ยินอะไรผิดไป?
“ข้าถามว่า หากข้าต้องการให้เจ้าอภิเษกกับข้าในฐานะพระชายาเอก เจ้าจะเต็มใจยอมรับหรือไม่?”
ไป๋หลี่หานสบสายตามองหญิงสาวผู้มีใบเลือดอาบท่วมอยู่ทั่วใบหน้า แววประกายสายตาช่างร้อนแรงทอแสงระยิบระยับ หากลองพินิจมองให้ลึกลงไปอีกขั้น จงเสาะพบได้ถึงความอ่อนโยนละเอียดลออซ่อนแฝงไว้อยู่
น้ำเสียงที่เปล่งดังจากปากของเขาฟังดูกระด้างตรงมุ่งมั่น ยิ่งกอปรไปพร้อมแววประกายสายตาอันร้อนแรงดั่งดวงตะวัน ยิ่งปรากฏแววความฉงนงุนงงเข้มข้นยิ่งขึ้นในดวงตาของเซียถง
ไฉนจู่ๆ หมอนี่ถึงอยากแต่งงานกับนาง?
ทันทีที่ไป๋หลี่หานเปล่งเสียงกล่าวประโยคนี้ออกมา ผู้คนที่อยู่รอบตัวพลันปิดปากเงียบสงัด โดยเฉพาะกับโม่ซวนที่ถึงขั้นเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน ขากรรไกรอ้าค้างแทบหลุดร่วงกระแทกพื้น สีหน้าการแสดงออกเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เมื่อครู่นี้นายท่านของเขาเพิ่งพูดอะไรออกไป?
บรรดาชายชุดดำทั้งหลายที่โม่ซวนพามาเป็นกำลังเสริมต่างอึ้งไปตามๆ กัน ได้แต่เหม่อมองทางไป๋หลี่หานอย่างพร้อมเพรียงว่างเปล่า แต่กระนั้นก็ยังแฝงร่องรอยความโกรธแขวนค้างอยู่บนใบหน้าอยู่หนึ่งส่วน
สถานะศักดิ์ของพระชายาเอกเคียงกายท่านราชาหมาป่าสวรรค์ในดินแดนอี้เฉิง นับเป็นเกียรติยศสูงสุดและผู้คนใต้หล้าล้วนต้องยกย่องสรรเสริญ แม้อยู่ในจักรวรรดิต่างแดน ศักดิ๋นี้จะมิได้อยู่ยิ่งใหญ่อันใด แต่ทันทีที่เหยียบย่างเข้าสู่อาณาเขตของดินแดนอี้เฉิง นางผู้นี้จะถือได้ว่าเป็น จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ในดินแดนอี้เฉินอย่างสมภาคภูมิ และที่สำคัญที่สุดคือ การที่ได้ชื่อว่า เป็นสตรีเคียงกายของราชาหมาป่าสวรรค์ ใครหน้าไหนบนผืนพิภพบ้างที่จิตใจหาญกล้ารังแกได้?
ดังนั้น ตำแหน่งพระชายาเอกแห่งดินแดนอี้เฉิน จึงเป็นสิ่งที่สตรีทั่วหล้านั้นใฝ่ฝันถึง
ณ หัวเมืองน้อยใหญ่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของดินแดนอี้เฉิง มีคุณหนูผู้มากยศถาบรรดาศักดิ์และองค์หญิงไม่น้อยที่ต้องการจะอภิเษกสมรสกับจักรพรรดิแห่งดินแดนอี้เฉิง ทั้งหมดก็เพื่อแสวงหาสิทธิ์การคุ้มครองโดยตรงจากดินแดนแห่งนี้ บรรดาคุณหนูและองค์หญิงเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสตรีรูปงามถล่มเมือง และถึงแม้จะมีข่าวลือที่ว่า ไป๋หลี่หานมีโฉมหน้าอัปลักษณ์ แต่ด้วยพลังความแข็งแกร่งอันไร้เทียมทานของเจ้าตัว รวมไปถึงขุมกำลังทหารของดินแดนอี้เฉินอันทรงพลานุภาพ นั่นจึงทำให้บรรดาหญิงสาวเหล่านั้นมองข้ามเรื่องหน้าตาไปโดยสิ้นเชิง พวกนางทุกคนล้วนปรารถนาที่จะอภิเษกสมรสกับเขาทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือเมื่อใด เซียถงก็ไม่มีคุณสมบัติมากเพียงพอสำหรับไป๋หลี่หานได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่างหน้าตาหรือภูมิหลังของตัวนางเอง
“นายท่าน…”
ขณะที่โม่ซวนกำลังปริปากกล่าว แต่จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งของเซียถง ดังแทรกขัดจังหวะขึ้นก่อนว่า
“ไม่!”
สบถสั้นๆ เพียงหนึ่งคำทำเอาผืนพิภพแห่งนี้เงียบสงัดไปโดยปริยาย ทุกคนในเวลานี้ต่างจับจ้องไปที่เซียถงตัดสลับทางไป๋หลี่หาน อ้าปากค้างขากรรไกรแทบร่วงกันถ้วนหน้า บ้างถึงกับขยี้ตาอย่างแรงหลายทีราวกับไม่อยากจะเชื่อสายตา
หากว่า คำถามของไป๋หลี่หานมันน่าประหลาดใจยิ่งแล้ว แต่คำตอบที่หลุดจากปากของเซียถงกลับทำเอาพวกเขาตกตะลึงยิ่งกว่า!
น่าเหลือเชื่อโดยแท้! หญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์ที่ไม่น่าจะหาคู่ครองได้ชั่วชีวิตกลับปฏิเสธข้อเสนอการอภิเษกสมรสของราชาหมาป่าสวรรค์ผู้ครองดินแดนอี้เฉิงที่กำลังรุ่งโรจน์? มิใช่ว่านางควรรีบพยักหน้าตอบตกลงอย่างมีความสุขหรอกรึ? นี่เป็นถึงตำแหน่งพระชายาเอกของท่านราชาหมาป่าสวรรค์เชียว! กับแค่ปริปากตอบตกลงเพียงคำเดียว นางก็จะได้ขึ้นกลายเป็นจักรพรรดินีสูงสุดแห่งดินแดนอี้เฉิงแล้ว แต่นางกลับปฏิเสธ!
เมื่อได้ยินคำตอบอันน่าเหลือเชื่อจากปากเซียถง โม่ซวนสติหลุดไปชั่วขณะ แต่สักครู่ต่อมา ใจดวงนี้ที่แทบกระเด็นหลุดจากลำคอก็ได้ไหลกลับเข้าตำแหน่งเดิม เขาลอบถอนหายใจเฮือกยาวด้วยความโล่งอก ต้องขอบคุณจริงๆ ที่สาวน้อยนางนี้ปฏิเสธ เพราะหากนายท่านของเขาได้อภิเษกสมรสกับนางจริงๆ มีหวังพวกคนในพระราชวังอี้เฉิงคงก่อการประท้วงสร้างความโกลาหลกันครั้งใหญ่แน่นอน
คล้อยหลังที่พากันตกใจชั่วระยะหนึ่ง พวกชายชุดดำทั้งหลายต่างก็ถอดถอนหายใจด้วยความโล่งตามๆ กันไป
ประกายสายตาของไป๋หลี่หานที่ส่องแสงสว่างไสวพลันค่อยๆ ดับหมอดหม่นลง เขายังคงยืนมองสาวน้อยตรงหน้าอย่างดื้อรั้นสักครู่ใหญ่ ทำได้เพียงฝืนยิ้ม อยากจะเอ่ยถามออกไปยิ่งนักว่า ทำไม? ทว่าเจ้าตัวกลับรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเกินจะพูดออกไปแล้ว สุดท้ายทำได้เพียงหันหลังกลับ สืบเท้าก้าวย่างไปหาโม่ซวน ซึ่งทุกก้าวที่เหยียบย่างลงน้ำหนัก ช่างเชื่องช้ามาก โดยหวังเพียงว่า สาวน้อยที่อยู่ด้านหลังจะรีบเอ่ยปากหยุดตนเอาไว้ หรือไม่ก็รีบเอื้อมแขนออกมากุมมือของเขามิให้ไปไหน และกล่าวตอบตกลงอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมความสุข
แต่ในความเป็นจริง มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย…
ตั้งแต่ในหุบเขาซีเยว่ครานั้น เขาก็เฝ้าที่จะหาโอกาสเอ่ยถามประโยคนี้มาโดยตลอด เพียงตอนนั้นเขากลับได้เห็นแววตาอันแสนเศร้าหมองของนางเสียก่อน ความคิดดังกล่าวที่แล่นผ่านเข้ามาในหัวจึงถูกหยุดยั้งเอาไว้ พยายามเสาะหาสมุนไพรที่ดีที่สุดกับนางด้วยกัน หวังแค่จะได้เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขแขวนประดับอยู่บนใบหน้าของนาง ทั้งตอนหัวเราะก็ดี ตอนโกรธก็ดี หรือตอนเศร้าหมอง เขาก็ยินดีอยู่เคียงข้างนางมิให้รู้สึกเหงาอีกต่อไป
แต่เพราะแบบนั้นจึงทำให้เขาหวาดกลัวมาตลอดเช่นกัน หากสักวันนางได้รู้ว่า ตนคิดเยี่ยงไรกับนาง ทุกอย่างยังจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือไม่? และเป็นเพราะเจ้าคำถามข้อนี้เอง จึงทำให้เขาลังเลใจมาเรื่อยมา อย่างไรก็ตาม คล้อยหลังเหตุการณ์ในคืนนี้ ทำให้เขาได้เห็นว่า นางยอมสู้สุดชีวิตเพื่อตนเองเพียงใด นั่นทำให้หัวใจดวงนี้ของเขากลับมามีความกล้าอีกครั้ง มันต้องเป็นตอนนี้และโอกาสนี้เท่านั้น ที่เขาจำเป็นจะต้องระบายความในใจที่คั่งค้างมาแสนนานออกมาสักที!
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ กลับเป็นคำตอบที่เขาไม่อยากจะได้ยินจากปากนางมากที่สุด
และนาง….ยังตอบกลับมาโดยไม่มีทีท่าลังเลเลยสักนิด
กลับกลายเป็นว่าที่ผ่านมา ไป๋หลี่หานล้วนคิดไปเองทั้งสิ้น ที่นางทำไปทั้งหมดเป็นเพราะตอบแทนหนี้บุญคุณเพียงเท่านั้น
ไป๋หลี่หานอดยิ้มกับตัวเองมิได้
“นายท่าน…”
โม่ซวนทำได้แต่เหม่อมองรอยยิ้มที่ฝืนกระด้างบนมุมปากของไป๋หลี่หาน อดใจตะโกนเรียกคำหนึ่งมิได้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย หากเป็นคนอื่นที่หาญกล้าปฏิเสธความต้องการของนายท่านเช่นนี้ โม่ซวนคงสะบั้นคอมันผู้นั้นทิ้งไปเสียแล้ว แต่สำหรับเซียถงนางนี้… คงไม่ต้องถามหาเหตุผลกระมังว่าทำไม?
เซียถงทอดสายตามองตามแผ่นหลังของไป๋หลี่หานเจือแววรู้สึกผิดอยู่หลายส่วน การที่นางตอบปฏิเสธกลับไปทันทีโดยไม่มีทีท่าลังเลเช่นนี้ อาจทำให้เขารู้สึกขายหน้า? แต่จะอย่างไร คำถามเมื่อครู่ของอีกฝ่ายก็ทำให้นางรู้สึกกลัวจริงๆ ทั้งยังสายตาที่ดูจริงจังปานนั้นของเขาอีก ทั้งหมดทั้งมวล มันทำให้นางรู้สึกตื่นตระหนกตกใจไม่ใช่น้อยเลย จนเกือบจะทำเอานางหลงเชื่อไปแล้วว่า สิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวไปนั้นเป็นความจริง เพราะมีหรือที่เขาจะต้องการอภิเษกกับนางโดยไม่หวังสิ่งใด?
และถึงแม้ว่าชายคนนี้จะต้องการอภิเษกสมรสกับนางโดยไม่คาดหวังสิ่งใดจริงๆ นางเองก็ไม่มีทางแต่งกับเขา!
“เซียถง ข้าแค่ล้อเล่นเสียเท่านั้น อย่าได้คิดจริงจังเลย”
ไป๋หลี่หานเหลือบสายตาย้อนกลับไปหาเซียถง สีหน้าแววตาของเขาในเวลานี้กลับมาดูหยิ่งผยอง ปราศจากแววตาฉายประกายถวิลหาใดๆ อีกเลย ราวกับว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และนั่นเป็นแค่เรื่องตลกสั้นๆ จากเขาเสียเท่านั้น
เซียถงชำเลืองมองอีกฝ่ายอยู่สักครู่ ก่อนจะหันหลังกลับโดยไม่ปริปากกล่าวอันใดเลยสักคำ