ตอนที่317 จงใจสร้างปัญหา (3)
ตอนที่317 จงใจสร้างปัญหา (3)
ผู้ใดกันที่เกิดมาเพื่อเป็นราชา? องค์รัชทายาท? องค์ชาย? แต่ถึงพวกเขาจะเกิดมาพร้อมตำแหน่งนี้ แต่ก็หาใช่ว่าจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ทันที? หรือจะเป็นองค์จักรพรรดิ? แต่กว่าที่จะไต่เต้าได้เป็นองค์จักรพรรดิก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนไม่น้อย และใช่ว่าทุกคนจะได้เป็น แต่คำถามของเซียถงค่อนข้างระบุชัดเจนว่า เกิดมาเพื่อเป็นราชา
เงยหน้ามองเซียถงสบสายตา ชิงเยวี่ยสังเกตเห็นได้ว่า สายตาคู่นั้นที่นางกำลังมองมาทางตนเปี่ยมแววมั่นใจอยู่หลายส่วน ทำเอาเจ้าตัวอดจินตนาการมิได้เลย หรือแท้จริงแล้ว หรือนี่จะเป็นความประสงค์หลักของนาง? พยายามสรรหาวิธีต่างๆ เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าตัวเขาไม่คู่ควรกับนาง?
“องค์รัชทายาทชิงเยวี่ย ท่านหาคำตอบได้หรือไม่?”
เซียถงเลิกคิ้วมองเล็กน้อย
หญิงสาวนางนี้ดูท่าจะมิได้ต้องการครองคู่กับเขาจริงๆ เช่นนั้นแล้ว…
ชิงเยวี่ยค่อยๆ หลับตาลงอย่างช่วยไม่ได้ คุกเข่าลงแทบเท้าองค์จักรพรรดิแห่งซีฉินและกล่าวว่า
“ฝ่าบาท ข้าคนนี้ช่างไร้ความสามารถ ไม่สามารถตอบคำถามของแม่นางเซียได้”
ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของชิงเยวี่ยเปล่งดังออกมา องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินสีหน้ามืดทมิฬลงในทันใด กระทั่งคนรอบข้างเองต่างก็แปลกใจเช่นกัน คำถามง่ายๆ เช่นนี้ไยถึงตอบไม่ได้? หรือมันจะมีนัยอื่นที่ลึกล้ำเร้นแฝงอยู่อีก? ครุ่นคิดได้สักครู่ก็รู้แจ้งได้ทันใด ถึงแม้คำถามข้อนี้ของเซียถงจะเรียบง่ายมิได้ยาก แต่คำตอบกลับเป็นคำพูดต้องห้ามสำหรับทุกคน
“เซียถง จงเฉลยคำตอบข้อนี้มาให้ข้าได้ฟัง”
องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินหันมากล่าวกับเซียถง สีหน้าท่าทางมืดทมิฬน่ากลัว
“บนผืนพิภพแห่งนี้มีเพียงคนแซ่หวัง [1] เท่านั้นที่เกิดมาเพื่อรับแซ่สกุลนี้ ดังนั้นพวกเขาเหล่านั้นจึงเกิดมาเพื่อเป็นราชา”
เซียถงเปล่งเสียงตอบดังฟังชัด
ทันทีที่วาจาประโยคนี้เปล่งดังออกมา ปฏิกิริยาของทุกคนพลันเปลี่ยนไปมาก พวกเขาต่างจับจ้องมาที่เซียถงเจือสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย
“นังสารเลว! ผู้เดียวเท่านั้นที่เกิดมาเพื่อเป็นราชาก็คือ องค์จักรพรรดิและองค์รัชทายาท! เซียถง เจ้าต้องโทษข้อหาหลอกลวงองค์จักรพรรดิ!”
ก่อนที่องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินจะได้ปริปากตอบใดๆ กลับเป็นอัครมหาเสนาบดีและเหล่าขุนนางแก่เฒ่าที่ลุกขึ้นชี้หน้า ตะโกนลั่นอย่างดุเดือด
เซียถงแสยะยิ้มตอบอย่างเย็นชาว่า
“ไม่ว่าจะเป็นองค์จักรพรรดิหรือองค์รัชทายาท พวกเขามิได้เกิดมาเพื่อเป็นราชาตั้งแต่แรก ทว่าทั้งคู่จักต้องอาศัยความสามารถและสติปัญญาของตนเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย โดยมีปลายทางคือตำแหน่งราชา ดังนั้นแล้ว คำตอบของคำถามที่ว่า ผู้ใดบนผืนพิภพเกิดมาเพื่อเป็นราชาก็คือคนแซ่หวัง”
เหล่าขุนนางทั้งหลายพูดไม่ออกไปชั่วครู่ใหญ่ แพราะแท้จริงแล้ว ต่อให้เกิดมาแล้วได้รับตำแหน่งองค์รัชทายาทไปครอง ก็ใช่ว่าในอนาคตจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อไป
“เซียถง! เจ้ามีเจตนาต่ำทรามดูหมิ่นฝ่าบาทของพวกเรา! คนแซ่หวังก็คือคนแซ่หวัง คนเป็นราชาก็คือราชา สองสิ่งนี้จะไปเหมือนกันได้เยี่ยงไร?”
อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซีฉินถึงกับยืนขึ้น และยังคงชี้หน้าด่าเซียถงต่อไป
“เช่นนั้นแล้ว ท่านอัครมหาเสนาบดีมีแซ่อะไร?”
เซียถงเอ่ยถามอัครมหาเสนาบดีคนนั้นที่ลุกขึ้นยืน
“หาใช่เรื่องของเจ้าที่ข้าต้องบอก!”
อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซีฉินสบถวาจาแสนเย็นเยียบเป็นคำตอบ
“แสดงว่าท่านก็ยอมรับภายในตัวแล้วว่า ชื่อแซ่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิต รวมไปถึงตัวท่านเองก็เช่นกัน แล้วไฉนข้าถึงจะหยิบยกคำตอบเช่นนี้ออกมามิได้? ในเมื่อว่ากันตามหลักภาษาแล้ว สองสิ่งนี้ให้ความหมายไปในทางเดียวกัน”
หากคิดจะเล่นแง่เล่นคำกับนาง คนพวกนี้ยังอ่อนหัดอยู่มาก!
สำหรับคำถามง่ายๆ ปานนี้ เซียถงมั่นใจอย่างมากว่า ชิงเยวี่ยน่าจะตอบได้ทันทีที่ได้ฟังคำถาม แต่ก็นางพนันได้เช่นกัน ร้อยทั้งร้อยเขาไม่มีทางกล้าเอ่ยคำตอบออกมา เพราะสิ่งที่กล่าวออกมา มันเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อหน้าองค์จักรพรรดิ และคนที่ค่อนข้างทำอะไรระมัดระวังเฉกเช่นชิงเยวี่ย มีหรือจะกล้าเสี่ยงตายเช่นนี้?
การจะเสาะหาหนทางปฏิเสธงานอภิเษกสมรสเพื่อเชื่อมไมตรีระหว่างสองจักรวรรดิ ต้องยอมรับเลยว่า เป็นอะไรที่เหนื่อยมากสำหรับเซียถง เพราะนางไม่เพียงจะต้องหาทางออกให้กับปัญหานี้ไม่พอ แต่ยังต้องห้ามก่อปัญหาให้แก่ชิงเยวี่ยในภายหลังด้วย
“ฝ่าบาท เกรงว่า เซียถงเจตนาตั้งคำถามเช่นนี้มาเพื่อดูหมิ่นท่านอย่างชัดเจน สมควรได้รับโทษประหารชีวิตพ่ะย่ะค่ะ!”
อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซีฉินหันไปทูลกับองค์จักรพรรดิแห่งซีฉิน
“ท่านอัครมหาเสนาบดี เซียถงคนนี้ขอแนะนำให้ท่านหุบปากลงเสียบ้าง มิฉะนั้นอาจสิ้นใจตายไม่รู้ตัว!”
เซียถงหันศีรษะขวับสาดรังสีสังหารฉาบเย็นยะเยือกเข้าใส่อัครมหาเสนาบดีคนนั้นโดยตรง อีกฝ่ายที่กำลังจะเอ่ยปากทูลต่อถึงกับชะงักหยุดไปชั่วจังหวะ เจอประกายตาคู่เฉียบแหลมดุจคมกระบี่ลุจ่อ เจ้าตัวยืนแข็งทื่อเป็นแท่งหินพูดไม่ออกครู่ใหญ่
“คำตอบของเซียถงหาได้ดูเข้าข่ายหมิ่นสถาบันใดๆ คนแซ่หวังเกิดมาเพื่อเป็นราชา หากว่ากันตามหลักภาษาก็นับว่าถูกต้องแล้ว ข้าผู้นี้เห็นด้วยกับคำตอบของนาง!”
ไป๋หลี่หานเดินสะบัดเสื้อคลุมยาวตรงเข้ามาขนาบข้างเซียถง ทุกย่างก้าวที่เหยืองย่างช่างสง่าราศีประดับดุจดั่งราชา
เซียถงชำเลืองสายตาเข้าสบปะทะ สี่ตาสองคู่ประสานงาเข้าชน ปรากฏเป็นประกายแสงสีอ่อนเล็ดลอดสะท้อนออกมาจากเบื้องลึก พบเห็นรอยยิ้มแสนอ่อนโยนอยู่ภายในดวงตาของเขา นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่นางได้เห็นไป๋หลี่หานมองมาทางตนด้วยสายตาอ่อนโยนเช่นนี้ แลเห็นดังกล่าว เซียถงเบี่ยงสายตาหลบเลี่ยงอีกฝ่ายหนีไปทางชิงเยวี่ยแทน
ไป๋หลี่หานและเซียถงยืนหยัดเคียงข้างกัน ทั้งคู่ต่างเคลื่อนสายตาหันไปจับจ้องชิงเยวี่จนเป็นตาเดียว และเป็นไป๋หลี่หานที่เปล่งเสียงกล่าวขึ้นว่า
“องค์รัชทายาทชิงเยวี่ย ท่านมีความเห็นว่าเยี่ยงไร?”
“ข้า…ข้าคิดว่าคำตอบก็สมเหตุสมผลแล้ว”
ภายใต้แรงกดดันระลอกใหญ่ของไป๋หลี่หานที่มุ่งเข้ากดดัน ชิงเยวี่ยหน้าถอดสีซีดเซียวลงหนึ่งส่วน แต่ก็ยังพยายามสู้สายตาขึ้นสบปะทะ
ต้องยอมรับเลยว่า รัศมีความสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของชายผู้ยืนหยัดอยู่เบื้องหน้าช่างเปี่ยมล้นไร้ผู้ใดมาเทียบเคียง กระทั่งตัวชิงเยวี่ยเองที่ค่อนข้างถือตนทะนงในศักดิ์ศรีมิใช่น้อย ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
เซียถงยืนสงบนิ่งคั่นกลางอยู่ระหว่างไป๋หลี่หานกับชิงเยวี่ย พยายามช่วยปิดกั้นรัศมีแรงกดดันของอีกฝ่ายที่ส่งเข้าหา
“จักรพรรดิซีฉิน ท่านคิดว่า คำตอบของเซียถงเป็นการดูหมิ่นหรือไม่?”
องค์จักรพรรดิตงหลี่ชำเลืองสายตามุ่งร้ายใส่พวกขุนนางแก่เฒ่าทั้งหลายของฝ่ายซีฉิน ก่อนจะหันมากล่าวถามกับองค์จักรพรรดิแห่งซีฉิน
“คนแซ่หวังก็เกิดมาเพื่อเป็นราชาจริงๆ นี่หาใช่คำพูดที่เข้าข่ายดูหมิ่นใดๆ ก็เพียงความจริงตามหลักภาษาเท่านั้น”
องค์จักรพรรดิแห่งเป่ยฮั่นกล่าวแทรกขึ้นทันที
“ถูกต้อง มิเห็นว่าเซียถงมีเจตนาดูหมิ่นแต่อย่างใด จักรพรรดิซีฉิน กลับเป็นพวกขุนนางของฝ่ายท่านมากกว่าที่ตีโพยตีพายโวยวายกันไปเอง”
องค์จักรพรรดิแห่งหน่านเฟิงช่วยกล่าวเสริมเพิ่มน้ำหนัก
เซียถงได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเล็กน้อย เหตุใดกันทั้งองค์จักรพรรดิแห่งเป่ยฮั่นและหน่านเฟิงถึงร่วมแรงร่วมใจกันช่วยนางแบบนี้? คล้อยหลังครุ่นพินิจเพียงสักครู่ก็พึงทราบกระจ่าง เพราะพวกเขาสองคนนั้นไม่ต้องการให้ตัวนางอภิเษกสมรสกับชิงเยวี่ย เพราะหากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็หมายความได้ว่า องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่และองค์จักรพรรดิแห่งซีฉินก็จะจับมือก่อตั้งเป็นพันธมิตรกัน ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับพวกเขา และมิอาจปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้โดยเด็ดขาด
เมื่อเห็นว่าองค์จักรพรรดิอีกสองพระองค์รวมหัวกันช่วยแก้ตัวแทนเซียถง เขาก็โบกมือไล่อัครมหาเสนาบดีและเหล่าขุนนางของฝ่ายตนให้นั่งลง และกล่าวว่า
“ข้าเองก็ไม่คิดว่า คำตอบของเซียถงเป็นการดูหมิ่นเช่นกัน พวกเจ้าทุกคนถอยกลับไปนั่งซะ”
“ในเมื่อองค์รัชทายาทชิงเยวี่ยตอบผิด เรื่องการอภิเษกสมรสก็ถือเป็นโมฆะ”
เซียถงกล่าว
[1] 王 (หวัง) แปลว่า ราชา