ตอนที่362 งานเลี้ยงยามราตรีกับหวานหลีซุน (2)
ตอนที่362 งานเลี้ยงยามราตรีกับหวานหลีซุน (2)
“คืนนี้ มาหาข้าที่เรือนนอน”
หางตาเซียถงชำเลืองมองไปที่เข็มเงินบนพื้น ขนาดลอบโจมตีระยะประชิดขนาดนี้ อีกฝ่ายยังสามารถหลบเลี่ยงได้ทัน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอนหากต้องเปิดศึกกับอีกฝ่าย แต่อย่างไรนางเองก็ต้องช่วยชีวิตท่านแม่ออกมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่พอทำได้คือ รอจังหวะชิงไหวชิงพริบตามสถานการณ์เท่านั้นเพื่อความได้เปรียบมาครอง
หวานหลีซุนปั้นหน้าลังเล เซียถงนางนี้ไม่ใช่คนหัวอ่อนยอมใครง่ายๆ คงหาใช่ว่าอีกฝ่ายกำลังล่อลวงตนเข้าเรือนนอน เพื่อลงมือทำอะไรสักอย่างกระมัง?
“มีอะไรงั้นรึ? หรือกลัวว่าข้าจะเล่นไม่ซื่อ? ชีวิตของแม่ข้าทั้งคนอยู่ในกำมือของเจ้า ยังให้ข้ามีอารมณ์เล่นแง่เล่นกลอันใดอีก?”
เซียถงมองผ่านอ่านความคิดอีกฝ่าย กล่าวแถลงข้อสงสัยให้คลายใจ เวลาเพลิงความใคร่คลุกรุ่นอยู่ในใจ ไม่มีใครยังมีอารมณ์มาระแวดระวังตัวปานนั้น เพียงกล่าวอธิบายดีๆ สักคำสองคำให้กระจ่าง ย่อมเชื่อหมดใจโดยไม่คิดหน้าคิดหลังใดๆ อีก
“ตกลง! เจอกันที่นั่นคืนนี้ ขอเพียงเจ้าเต็มใจนอนกับข้าสักครั้ง หลังจากนี้ข้าย่อมต้องช่วยเหลือชีวิตแม่เจ้าแน่นอน!”
หวานหลีซุนร่วนยิ้มเฮฮากล่าวตอบ จับจ้องเซียถงตาเขม็งมากหลายความหมายนับไม่ถ้วน เคลื่อนมองเรียวนิ้วหยกสีขาวผ่องเล็กๆ ของหญิงสาว ตาเขายิ่งเป็นประกายสว่างไสว ราวกับปรารถนาที่จะกลืนกินนางทั้งตัวไม่ให้เหลือ
เซียถงรู้สึกขนลุกซู่วสะท้านสันหลังภายใต้สายตาอีกฝ่ายที่จับจ้อง แววตาของชายคนนี้ที่มองมา มักทำให้นางไม่สบายใจยิ่งยวดเสมือนกำลังมีแมลงวันกำลังตอม หากไม่ใช่เพราะชะตากรรมของท่านแม่อยู่ในกำมือของมัน นางคงเรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้า เข้าสัประยุทธ์เป็นตายกันมันไปข้างหนึ่งแล้ว นางพยายามข่มกลั้นอารมรณ์ขุ่นมัวทั้งหลายเก็บลึกในจิตใจ ฝืนยิ้มตอบไปว่า
“แล้วเจอกันคืนนี้…เจ้าค่ะ”
ปลายเสียงประโยคสุดท้าย เซียถงเค้นเสียงกระเส่าเร่าร้อนมอบให้ทิ้งท้าย จากนั้นก็หมุนตัวจากไปโดยตรง ปล่อยให้หวานหลีซุนยืนแน่นิ่งตจกสู่ภวังค์ความลุ่มหลงเช่นนั้น สำหรับแผนการในคราวนี้ กระทั่งตัวเซียถงเองก็ไม่สามารถรับประกันได้เช่นกันว่า สุดท้ายจนแล้วจนรอด เหตุการณ์หลังจากนี้จะเลยเถิดไปขนาดไหน
ทันทีที่กลับมาถึงจวนเสนาบดีเซี่ย เซียถงก็คลุกตัวขังตัวเองอยู่แต่ในเรือนของตน ก่อนที่เวลานัดหมายจะมาถึง นางจะต้องเตรียมยาพิษไว้รับมือ
ซึ่งท้ายที่สุด ยาพิษที่หลอมกลั่นขึ้นมาก็เป็นอันสำเร็จ ยิ้มย่องให้แก่ยาพิษชนิดนี้ในมืออย่างภาคภูมิใจและหวังว่าจะใช้ได้ผล เซียถงผลักประตูออกมา และสั่งให้อิ๋งเอ๋อร์ไปจัดเตรียมสุรากับอาหารกับแก้มมาสักชุดหนึ่ง
“คุณหนู ท่านมีนัดดื่มกับใครรึเจ้าค่ะ?”
อิ๋งเอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งระหว่างจัดเตรียมอาหารและสุราวางไว้บนโต๊ะ พลางเห็นคุณหนูใหญ่ของนางคว้าจอกสุราใบหนึ่งขึ้นมาเล่นในมือ
“เซี่ยอี้เฉิงเป็นยังไงบ้าง?”
เซียถงมิได้ตอบคำถามของอิ๋งเอ๋อร์ แต่เอ่ยถามสวนกลับไปแทน หันจอกสุราชูขึ้นทางท้องฟ้า ปล่อยให้แสงตะวันที่กำลังลาลับอัสดงทอประกายส่องผ่าน พลางดูลวดลายสีครามบนจอก
“นายท่านยังอยู่ในขั้นวิกฤติเจ้าค่ะ มีฮูหยินรองคอยเฝ้าอยู่เคียงข้าง”
อิ๋งเอ๋อร์เอ่ยตอบ เอียงศีรษะเอะใจเล็กน้อย ไฉนจู่ๆ คุณหนูใหญ่ของนางก็เป็นห่วงเรื่องนายท่าน?
“อืม เช่นนั้นปล่อยให้มันหมดสติเช่นนี้ไปอีกสักพัก ควรทนทุกข์รับกรรมที่เคยก่อไว้น่ะดีแล้ว”
เซียถงยืดเหยียดเรียวนิ้วยาวขึ้นมา จากนั้นก็ค่อยปาดเช็ดไปทั่วบริเวณปากจอกสุราใบนั้น แล้วค่อยวางคืนที่เดิมบนโต๊ะ ชำเลืองมองจานอาหารกับแก้มที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะ จากนั้นก็โบกมือให้อิ๋งเอ๋อร์
“เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ข้ายังมีธุระที่ต้องทำอีก หากมีอะไรค่อยเรียกเจ้าใหม่”
อิ๋งเอ๋อร์โค้งศีรษะตอบรับคำสั่ง จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
เซียถงนั่งอยู่บนโต๊ะฟากฝั่งหนึ่ง กวาดสายตามองสุราและอาหารทั้งหลายบนโต๊ะ ดวงตาเป็นประกาย มียาพิษชนิดนี้ที่เพิ่งหลอมกลั่นสดๆ ร้อนๆ อยู่ในมือ มันค่อนข้างเรียกคืนความมั่นใจของนางกลับมาได้หลายส่วน
หึหึ หาญกล้าลักพาตัวท่านแม่ข้าไปนัก หวานหลีซุนเตรียมโดนคิดบัญชาอย่างสาสม!
เปลวเทียนในตะเกียงสั่นไสวแผ่วบาง บรรยากาศรอบห้องเงียบสงัด เซียถงลุกขึ้นยืน เกินตรงไปที่กระจกบานหนึ่งและค่อยๆ ใช้สองมือปลดเปลื้องผ้าคลุมใบหน้าออก เฝ้ามองตัวเองในกระจก ริมฝีปากม้วนงอเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจนัก ถึงแม้ใบหน้าของนางจะงดงามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ แต่เพราะสิ่งนี้เองก็ได้นำปัญหามากมายเข้ามาให้ อย่างน้อยในครั้งนี้ก็ยังได้ใช้เป็นประโยชน์ กลายมาเป็นเครื่องมือต่อรองชั้นเยี่ยม!
หวานหลีซุน คืนนี้สนุกแน่!
มองตัวเองอยู่หน้ากระจกสักพักหนึ่ง เซียถงสวมผ้าคลุมหน้ากลับเข้าที่เดิม และนั่งลงที่โต๊ะรอการมาถึงของหวานหลีซุน ยามจันทร์เจ้าปรากฏ ณ ตะวันตก แสงสว่างสีนวลฉายส่องลงสู่ผืนปฐพี ก็มีเงาร่างหนึ่งกระโจนเข้ามาจากนอกหน้าต่าง
“นายท่านหวานหลีรึเจ้าค่ะ? ข้ารอท่านอยู่นานแล้ว”
เซียถงมิได้เหลียวมองใดๆ เพียงยกมือขึ้นคว้าเหยือกสุราสีคราม รินลงจอกทั้งสองเตรียมให้
“หุหุ ไม่ว่าเร็วเกินหรือสายไป แต่ข้าก็อยู่ตรงนี้แล้ว”
หวานหลีซุนมองหน้าเอ่ยปากตอบไปคำหนึ่ง และนั่งลงข้างกายนาง
“ตอนนี้มีแค่เราสองแล้ว ไยยังสวมผ้าคลุมปิดไว้อีก?”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เขาก็เอื้อมมือเพื่อถอดผ้าคลุมหน้าของเซียถงออก ทว่ากลับถูกจอกสุรารินปริ่มในมือเซียถงหันกระแทกเข้าหยุดไว้ ยิ้มกล่าวเสียงหวานฉ่ำขึ้นว่า
“ใจเย็นก่อนสิเจ้าค่ะ เมื่อถึงเวลาสมควรถอดกี่ส่วนก็ย่อมได้ทั้งนั้น”
หวานหลีซุนฉวยโอกาสนี้รับจอกสุรากุมสัมผัสเรียวมือของเซียถงไว้ เลื่อนจอกสุราในมือมาหยุดตรงหน้าทำทีท่าครุ่นพินิจเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“ข้าไม่ชอบดื่นน่ะ”
ถึงปากจะบอกไม่ชอบดื่นสุรา ทว่าแท้ที่จริง กลับกลัวว่า สาวน้อยนางนี้จะแอบใส่ยาพิษลงในจอกสุรา อย่างไร เหตุผลที่เซียถงต้องยอมพลีกายก็เพื่อช่วยเหลือชีวิตแม่ของนาง หาได้ยินดีด้วยความเต็มใจ เช่นนั้นควรระมัดระวังตัวเข้าไว้เป็นดีที่สุด
เซียถงร่วนหัวเราะคิกคักเสียงเบา ขณะที่กำลังจะปริปากเอ่ยกล่าว ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงประตูเลื่อนเปิดกระแทกอย่างแรง ปรากฏเป็นเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่รีบปรี่เข้ามาพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่งด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว และทันทีที่ฮูหยินรองเฉิงเห็นว่า หวานหลีซุนกำลังจับมือถือแขนเซียถงอย่างสนิทสนมใกล้ชิด นางก็หน้าถอดสีซีดเผือดให้บัดดล
เป็นเซี่ยเสวี่ยเหลียนที่ก้าวขึ้นหน้า ชี้นิ้วใส่หน้าเซียถงและเริ่มด่ากราดสาปแช่งอย่างเดือดดาลขึ้นว่า
“เซียถง! อีนังไร้ยางอาย! คิดจะล่อลวงญาติของข้าจับมาเป็นผัวจริงๆ! ในขณะที่ท่านพ่อกำลังล้มป่วยหนัก เจ้ากลับใจแตกออกมาล่อลวงญาติคนอื่น! อีนังสำส่อน! สำส่อนเหมือนแม่ของเจ้าไม่มีผิด!”
ในช่วงเย็น เห็นว่าอิ๋งเอ๋อร์งานยุ่งง่วนอยู่แต่ในเรือนครัว จนทำให้เซี่ยเสวี่ยเหลียนชักสงสัยขึ้นมา จึงเดินทางไปเรียกฮูหยินรองเฉิงให้เข้าตรวจสอบหามูลที่แท้จริง แต่ใครจะไปคาดคิด เซียถงกำลังนัดพบผู้ชายเพื่อเล่นชู้ในเรือน!
แต่นี่ก็ถือเป็นเรื่องดีเช่นกัน เพราะในที่สุดนางก็สบโอกาส ชำระแค้นนังเซียถง และชื่อเสียงทั้งหมดหลังจากนี้ของนังอีปลักษณ์นี่จะต้องถูกบ่อนทำลายป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี!
“เซียถง นังแพศยา! กล้าดียังไงมานัดเล่นชู่กับชายอื่นในจวนเช่นนี้!”
ฮูหยินรองเฉิงเพิ่งกลับมาได้สติ นางชี้หน้าด่าสาปแช่งเซียถงด้วยความโกรธจัด ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ครั้งนี้นางจะต้องทำลายชื่อเสียงที่เซียถงสั่งสมไว้ทั้งหมดให้จงได้!
บรรดาคนรับใช้ทั้งหมดที่ติดตามเซี่ยเสวี่ยเหลียนมาด้วย ทุกคนต่างหวาดกลัวเซียถงขึ้นสมอง แต่เนื่องด้วยแต่ละคนถูกเซี่ยเสวี่ยเหลียนบังคับมา จึงก้มหน้าเดินต้อยติดตามมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เมื่อได้ยินสวดด่าของสองแม่ลูกคู่นี้เท่านั้น คนเหล่านี้ต่างเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย พอเห็นว่าเซียถงกำลังนั่งอยู่ข้างหวานหลีซุนอย่างใกล้ชิดสนิทสนม ทุกสายตาต่างเลิ่กลั่กดูตกใจ