ตอนที่ 364 งานเลี้ยงยามราตรีกับหวานหลีซุน (4)
ตอนที่ 364 งานเลี้ยงยามราตรีกับหวานหลีซุน (4)
สิ้นเสียงนางลงเท่านั้น หวานหลีซุนก็ปรากฏกกายขึ้นต่อหน้าต่อตาในทันใด พร้อมยกมือขึ้นกระหน่ำตบหน้าฮูหยินรองเฉิงเกือบร้อยชุดต่อเนื่อง ทุกคนในที่แห่งนี้ ไม่มีใครสามารถมองตามการเคลื่อนไหวของเขาได้ทัน จะได้ยินก็แค่เสียงตบปะทะถี่รัวไม่มีหยุด เงาฝ่ามือจำนวนนับไม่ถ้วน เคลื่อนไสวด้วยความเร็วสูงจนเกิดเป็นภาพซ่อน ฮูหยินรองเฉิงกรีดร้องลั่นสุดเสียงเจียนหมดสติทั้งแบบนั้น ปิดท้ายอีกหนึ่งดอก หวานหลีซุนง้างฝ่ามือยกสูงหวดสุดแรง ตบจนร่างของนางร่วงคะมำไปกับพื้นหมดสภาพ
ฮูหยินรองเฉิงเลือดกบปากอยู่คาพื้น ใบหน้าปูดบวมแดงก่ำราวกับหัวหมู เซียถงถึงกับตาเป็นประกายทอแสงวูบเมื่อเห็นภาพฉากตรงหน้า หวานหลีซุนคนนี้โหดเหี้ยมเข้ากระดูกดำได้ใจเหลือเกิน ขนาดฮูหยินรองเฉิงที่เคยมีความสัมพันธ์อันดีมาด้วยกัน ยังไม่แสดงความปรานีเมตตาใดๆ ในบรรดาพวกใจเหี้ยมทั้งหลาย เขานี่แหละควรจะเป็นแถวหน้า
เซี่ยเสวี่ยเหลียนและบรรดาคนรับใช้ทั้งหลายที่เฝ้ามองอยู่เบื้องหลัง ต่างเหม่อมองฮูหยินรองเฉินที่นอนเลือดกบปากอยู่คาพื้น ใบหน้าถูกกระหน่ำตบจนเละเสียรูป ทั้งหมดพลันปิดปากเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงใดๆ กระทั่งเซี่ยเสวี่ยเหลียนเองก็มิต่าง นางยกสองมือขึ้นป้องปากสงัด ยืนผวาเสียขวัญอยู่แบบนั้น เพราะกลัวแทบขึ้นสมอง เป็นกังวลเหลือเกินว่า หวานหลีซุนจะลงมือลงไม้โหดเหี้ยมเช่นนี้กับตัวนางด้วยเช่นกัน ทำเอาไม่กล้าปริปากด่าสาปส่งเซียถงอีกเลย
“ลงโทษเท่านี้นับว่าเพียงพอหรือไม่?”
หวานหลีซุนเหลียวหน้ากลับมองทางเซียถง
เซียถงส่ายหัวเป็นคำตอบ ฮูหยินรองเฉิงมีส่วนเกี่ยงข้องกับการหายตัวไปของท่านแม่ เช่นนั้น บทลงโทษเพียงแค่นี้ยังนับว่าเบาเกินไป นางหยิบมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อขวาออกมา ประกายสีเย็นส่องสะท้อนวูบวาบ มันถูกโยนมาตกต่อหน้าหวานหลีซุนอย่างพอดิบพอดี
“เอาจริงรึ?”
หวานหลีซุนเริ่มประหม่าไม่กล้าแล้วอยู่หนึ่งส่วน จะอย่างไร ตัวเขากับฮูหยินรองเฉิงก็เคยมีช่วงเวลาที่ดีต่อกันในยามทั้งคู่ยังเป็นวัยหนุ่มสาว ต่างคนต่างก็มีใจปันแบ่งแก่กันไม่มากก็น้อย และเพราะเหตุนั้นเอง เขาจึงยอมตกปากรับคำ เข้ามาช่วยเหลือฮูหยินรองเฉิงจัดการกับเซียถงในตอนแรก แต่ในเวลานี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปแล้ว เขาจำใจฝืน ต้องลงโทษอีกฝ่ายจริงๆ เพื่อเอาใจเซียถง ทว่าหาใช่ถึงขั้นฆ่าแกงกันปานนี้
เซียถงยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เพียงส่งสายตาเย็นชาคู่หนึ่งมอบให้แก่หวานหลีซุน และยิ่งเวลาที่นางเย็นชามากขึ้นเท่าไหร่ นี่กลับทำให้ตัวนางดูมีเสน่ห์เหลือล้นมากขึ้นเท่านั้น และด้วยนิสัยเจ้าชู้ของหวานหลีซุน มีหรือที่เขาจะยอมปล่อยให้อิสตรีผู้แสนเย็นชานางนี้หลุดมือไปโดยง่าย?
หากไม่ลงมือทำ เกรงว่าคืนนี้คงมิได้นางมาครอบครอง!
“ตราบใดที่ทำให้เจ้ามีความสุขได้ ข้ายอมทำทุกอย่าง!”
สลัดความใจอ่อนทิ้งไปจนหมดสิ้น หวานหลีซุนในเวลานี้หลงเหลือแต่คาวมโหดเหี้ยมในจิตใจ เขาก้มไปหยิบมีดสั้นจากพื้นขึ้นมา เล็งปลายคมมีดเรียวแหลมจ่อไปที่ขั้วหัวใจบนหน้าอกซ้ายของฮูหยินรองเฉิง พลางคิดกับตัวเองไปพราง ปัญหาใหญ่ที่สุดตอนนี้หาใช่เรื่องฆ่านางทิ้ง แต่เป็นการไล่ฆ่าพยานทุกคนที่เห็นเหตุการณ์หลังจากนี้ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อยเลย
“เจ้าฆ่าท่านแม่ข้าไม่ได้! หากรู้ว่า เจ้าเป็นคนบงการให้ท่านลุงลงมือฆ่านางไปจริงๆ ท่านพี่หลู่เฟิงจะต้องเกลียดขี้หน้าเจ้าไปชั่วชีวิต!”
แลเห็นว่าสถานการณ์ชักเลวร้ายถึงขีดสุด เซี่ยเสวี่ยเหลียนจึงเร่งตะโกนสุดเสียงเพื่อหยุดเซียถงเอาไว้ มิให้หวานหลีซุนต้องลงมือสังหารท่านแม่ของนางไปจริงๆ ชั่วเวลาคับขันปานนี้ ทำอันใดอื่นมิได้มาก นอกจากต้องหยิบยื่นเซี่ยหลู่เฟิงขึ้นมาเป็นข้ออ้าง
เมื่อได้ยินชื่อเซี่ยหลู่เฟิง ประกายตาเซียถงพลันหม่นลงหลายส่วน เห็นว่าหวานหลีซุนกำลังแทงคมมีดใส่ฮูหยินรองเฉิง นางก็รีบคว้าจอกสุราใกล้มือที่สุดโยนเข้าสกัดโดยไว ส่งผลให้คมมีดในมืออีกฝ่ายเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน พุ่งเสียบอยู่คาพื้นข้างตัวฮูหยินรองเฉิง
หวานหลีซุนเงยหน้ามอง เลิกคิ้วให้ทางเซียถงด้วยความสงสัย
“มีอะไรงั้นรึ?”
“ข้ามิได้บอกให้เจ้าฆ่านาง”
ส่งสายตาให้หนึ่งปราด เซียถงกล่าวห้ามปรามเอาไว้ ซึ่งอันที่จริงแล้ว แต่เริ่มเดิมที นางก็ไม่ได้ต้องการให้ หวานหลีซุนลงมือฆ่าฮูหยินเฉิงจริงๆ เหตุที่ขว้างมีดสั้นโยนให้ ก็เป็นนัยแฝงบอกให้หวานหลีซุนทำตำหนิฝากทิ้งบนตัวนางสักจุด สลักลึกความทรงจำดีๆ ให้นางจำฝังใจไปอีกแสนนาน ทว่าใครจะไปคิด หวานหลีซูนกลับมีเจตนาถึงขั้นฆ่าแกงกันจริงๆ
เมื่อวานนี้ เจ้าหมอนี่ยังทำดีกับข้าอยู่หมาดๆ พอมาวันนี้กลับมีจิตปองร้าย เจตนาฆ่ากันทิ้งอย่างไร้ความปรานีใดๆ ไฉนข้าถึงตาต่ำคบหากับผู้ชายไร้ยางอายเช่นนี้ได้? คิดได้ดังนั้น ความเกลียดชังของฮูหยินรองเฉิงที่มีต่อหวานหลีซุนก็พุ่งสูงขึ้นในพริบตา
“เช่นนั้นเจ้าหมายถึง…”
หลานหลีซุนเลิกคิ้วขมวดงุนงง
“ฝากฝังความทรงจำดีๆ ให้นางสักหน่อย ขอแบบระลึกถึงทุกครั้งที่ได้เห็น”
หวานหลีซุนพยักหน้าตอบอย่างรู้เท่าทัน จากนั้นก็ลงมีดใส่ร่างฮูหยินรองเฉิงที่อยู่เบื้องล่างโดยตรง ปราศจากแววความเมตตาปรานีใดๆ ธารเลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณนั้น ตัดสองนิ้วบนมือขวาของนางทิ้งกลิ้งหลุนกระเด็นออกมา กระแสความเจ็บปวดขั้นรุนแรงเกินรับไหวทะลักถาโถม สองตาเบิกกว้างเพื่อจ้องมองสองนิ้วที่ด้วนขาดไป เนื่องจากเสียเลือดมากเกินไป ฮูหยินรองเฉิงตกอยู่ในอาการวิกฤตฉับพลัน ดวงตากลอกกลิ้งไร้ควบคุม ก่อนที่จะเป็นลมหมดสติลงไป
เซียถงเฝ้ามองภาพฉากดังกล่าว ปราศจากอากัปกิริยาการแสดงออกใดๆ
เซี่ยเสวี่ยเหลียนรีบวิ่งปรี่เข้าหาจากด้านหลัง ใบหน้าซีดเซียวถอดสีด้วยความหวาดผวา ดวงตาลอกแหลก รู้สึกร้อนรนไปหมดจนพูดออกมาไม่เป็นภาษา ทางด้านกลุ่มคนรับใช้ยิ่งตัวสั่นเทาเกินควบคุมไหว กระทั่งบางคนถึงกับลอบเดินหนีออกจากบริเวณที่เกิดเหตุไปอย่างเงียบๆ เรื่องความขับข้องใจระหว่างคุณหนูใหญ่กับฮูหยินรอง ไม่มีใครต้องการจะมีส่วนร่วมด้วยทั้งนั้น สำหรับสองคนนี้ กระทั่งเทพเซียนยังไม่อยากยุ่มย่ามพัวพัน
“ยังไม่รีบพาแม่เจ้าไสหัวไปอีกรึ?”
หวานหลีซุนขมวดคิ้วแน่นเจือรำคาญ กล่าวเอ็ดดุเซี่ยเสวี่ยเหลียนไปคำหนึ่งอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ส่วนเหตุผลที่ต้องรีบกล่าวไล่เซี่ยเสวี่ยเหลียนออกไปเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อเอาใจเซียถง และอีกประการคือ กลัวว่าหากยังไม่รีบหายหน้าไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เซียถงอาจออกคำสั่งให้เขาลงมือลงไม้กับนางเอาได้ สำหรับเซี่ยเสวี่ยเหลียนนางนี้ มีรูปร่างหน้าตาสวยกว่าผู้เป็นแม่ และเขาไม่ต้องการทำร้ายนาง
เซี่ยเสวี่ยเหลียนสะดุ้งเฮือกได้สติกลับมาอีกครา จากนั้นก็รีบประคองร่างฮูหยินรองเฉินที่หมดสติเฮือดหนีไปโดยเร็ว
“ให้ข้ารับแขกสองแม่ลูกนั่นแบบนี้ เจ้าพอใจหรือไม่?”
หวานหลีซุนกลับมานั่งข้างเซียถงดังเดิม
“ก่อนหน้า ท่านคิดจะทำอะไรกับข้างั้นรึ? เดาว่าสองแม่ลูกคู่นั้นน่าจะเชื้อเชิญให้ท่านลงมือจัดการข้ากับท่านแม่ของข้ากระมัง?”
เซียถงเอื้อมมือไปหยิบเหยือกสุราบนโต๊ะ ขึ้นมาเติมลงในจอกที่เหลืออันสุดท้ายอย่างใจเย็น
“ก็เป็นเฉกเช่นที่เจ้าว่ากล่าว หญิงคนนั้นจิตใจอำมหิตเหลือเกิน”
หวานหลีซุนกางมือขึ้นโอบไหล่อันหอมกรุ่นของเซียถง ซึ่งนางก็ยอมแต่โดยดีและยื่นจอกสุราที่เพิ่งรินเสร็จส่งมอบอยู่ตรงหน้า ยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“นายท่านหวานหลี ดื่มก่อนสิเจ้าค่ะ!”
หวานหลีซุนชำเลืองมองจอกสุราตรงหน้าอยู่หนึ่งปราด ฉายแววระมัดระแวงอยู่ในดวงตา เขาส่ายหน้าและกล่าวขึ้นว่า
“ข้าไม่ค่อยชอบดื่มเสียเท่าไหร่ อีกอย่างพรุ่งนี้ยังมีธุระสำคัญ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง”
เจ้าตัวยังคงเคลือบแคลงสงสัยสุราเหยือกนี้ที่เซียถงจัดหามา เช่นนั้นไม่ดื่มเป็นดีที่สุด
“ท่านกลัวข้าวางยาพิษในจอกนี้กระมัง?”
เซียถงระบายยิ้มอ่อน ผลักร่างอีกฝ่ายออกห่างตัวเอง กระแทกจอกสุราลงด้วยความผิดหวัง
ถึงจะถูกเซียถงมองออกจับจุดได้ ทว่าหวานหลีซุนกลับมิได้ละอายใดๆ ระเบิดหัวเราะคำโตและชี้ไปที่จานอาหารบนโต๊ะ กล่าวเพิ่มเสริมขึ้นว่า
“ไม่เพียงจะกลัวเจ้าวางยาพิษในจอกสุรา แต่ยังกลัวเจ้าจะวางยาพิษในจานอาหารเหล่านี้ด้วย”
“นายท่านเป็นคนละเอียดรอบคอบ ระมัดระวังตัวเป็นที่สุด หากให้คาดเดา คงเป็นท่านเองที่จับแม่ข้าไป?”
เซียถงเลิกคิ้วสบมองตาอีกฝ่ายเล็กน้อย น้ำเสียงวาจายังฟังดูอ่อนนุ่มไม่แปรเปลี่ยน
“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ตราบใดที่เจ้ายอมเป็นของข้า ก็รับประกันได้เลยว่า ท่านแม่ของเจ้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
ฝ่ามือหนาใหญ่ของหวานหลีซุนค่อยๆ เอื้อมออกไปกอดไหล่ของเซียถงอีกครั้ง
“ก็ดี เช่นนั้นแล้วแต่ท่านเลย”
ครั้งนี้เซียถงสะบัดไหล่ปัดมืออีกฝ่ายทิ้งไป ทำท่าทีเริ่มไม่ยอมบ้างแล้ว
พอถูกอีกฝ่ายสะบัดสะบิ้งปฏิเสธตน หวานหลีซุนเริ่มปั้นหน้าดูไม่มีความสุข ขมวดคิ้วจับจ้องกล่าวน้ำเสียงเจือข่มขู่ขึ้นว่า
“พูดประชดประชันเช่นนี้ คงไม่อยากช่วยชีวิตแม่เจ้าแล้วกระมัง?”
ขนตายาวระหงสั่นกระเพื่อมเบาๆ ประดุจพัดขนวิหค เซียถงนั่งนิ่งสบสายตากับหวานหลีซุน จากนั้นก็ค่อยๆ ยกมือเพื่อถอดผ้าคลุมหน้าออก และทันใดนั้นเอง ห้องทั้งห้องก็สว่างไสวขึ้นมา หวานหลีซุนที่ได้ยลโฉมของอีกฝ่ายก็ถึงกับใจสั่นระรัว จิตวิญญาณของเขาราวกับถูกความงามตรงหน้ากระชากออกไป และตกสู่ห้วงความบ้าคลั่งไม่รู้จบ
เซียถงคลี่ยิ้มหวานส่งให้เขาอย่างแผ่วอ่อน กระดกจอกสุราบนโต๊ะรวดเดียวจนหมด จากนั้นค่อยรินเทเติมเต็มให้ใหม่ ใช้สองมือประคองจอกสุรายื่นให้เขาตรงหน้า
“นายท่านหวานหลี ข้าเองก็ดื่มไปแล้ว อย่าบอกว่าท่านไม่กล้า?”
หวานหลีซุนเหม่อมองจอกสุราตรงหน้า ชั่งใจลังเลอย่างหนัก
“หากดื่มสุราจอกนี้มีพิษจริง ข้าจะมานั่งพูดเช่นนี้อยู่ได้เยี่ยงไร? ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า แท้จริงแล้วท่านจะเป็นคนขี้กลัวปานนี้ เกิดเป็นบุรุษชายไม่ชอบดื่มสุรา นี่ไม่ถือว่าเสียชาติเกิดหรอกรึ? เอาเถิด หากไม่ดื่มก็แค่เททิ้งไป”
เซียถงถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความผิดหวัง จากนั้นก็โยนจอกสุราในมือทิ้งไปอย่างไม่มีแยแส