ตอนที่382 ขัดขวางเส้นทาง (2)
ตอนที่382 ขัดขวางเส้นทาง (2)
“กระทั่งตัวข้ายังไม่สนใจเลยว่า พระชายาในอนาคตของข้าจะมีหน้าตายังไง แล้วไฉนพวกเจ้าถึงเป็นเดือดเป็นร้อนแทน?”
ไป๋หลี่หานมองหน้าทั้งสอง เห็นว่าทั้งไป๋หลี่หานและไป๋หลี่อวี๋อิงไม่กล้าขยับตัว สีหน้าน้ำเสียงของเขายิ่งฟังดูหนักอึ้งเป็นทวีกล่าวว่า
“เช่นนั้นแล้ว หลีกทางไปเสีย”
เพียงคำพูดไม่กี่คำ สามารถสร้างภัยคุกคามได้มิน้อย
สีหน้าของทั้งคู่แปรเปลี่ยนซีดเซียวหนัก แต่ก็เป็นไป๋หลี่เย่ที่ยังใจดีสู้เสือ ฝืนยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“เสด็จอา พวกเราพูดจริง! มีคนภายนอกมากมายบอกว่า พระชายาในอนาคตของท่านนางนี้ งดงามประดุจเทพธิดา เช่นนั้นแล้วจึงทำให้พวกเราทุกคนเกิดข้อสงสัยยิ่งยวด ถึงต้องออกมาขวางทางอย่างที่เห็น”
ท้ายที่สุดนี้ กลับเป็นไป๋หลี่อวี๋อิงที่ความอดทนถึงขีดจำกัดแล้ว นางเดินหน้าตรงออกมาประจันหน้ากับไป๋หลี่หาน ชี้นิ้วใส่หน้าเซียถงและตะคอกเสียงดังลั่นด้วยความไม่พอใจว่า
“เสด็จอา! ท่านเองก็มิใช่จะไม่ทราบว่า นังเซียถงมันหน้าตาอัปลักษณ์ปานใด แต่กลับจัดงานเฉลิมฉลองซะใหญ่โตอลังการ ไม่กลัวคนทั่วทั้งผืนพิภพหัวเราะเยาะเย้ยกันรึไง? หรือท่านเองคงทำเพื่อประชดกันกระมัง? หญิงหน้าตาน่าเกลียดราวกับขยะอย่างนังเซียถงน่ะ…”
ทว่าก่อนที่จะกล่าวจบ ทันใดนั้นเอง บังเกิดเกิดประกายแสงสายหนึ่งพุ่งโฉบเฉียวออกมาจากด้านหลังเซียถง และหยุดลงต่อหน้าไป๋หลี่อวี๋อิง
พริบตาต่อมา เสียงตบหน้าสนั่นฉะใหญ่ดัง ‘เปรี๊ยะ!’ กึกก้องไปทั่วบริเวณ สุ้มเสียงของไป๋หลี่อวี๋อิงหยุดชะงักลงฉับพลัน นางยกมือขึ้นปิดทาบแก้มสีฉาบแดง เงยหน้าจับจ้องไปที่ไป๋หลี่หานที่อยู่ประจันหน้าด้วยความประหลาดใจ
บรรดาฝูงชนทั้งหลายหลากโดยรอบ ต่างอ้าปากค้างเติ่งกันถ้วนหน้า กระทั่งเสียงคมเข็มตกกระทบพื้นยังดังเสียยิ่งกว่าในขณะนี้ บรรยากาศสารทิศพลันเงียบสงัดดุจป่าช้า ผ่านไปสักครู่หนึ่ง จึงค่อยได้ยินเสียงหอบหายใจดังขึ้นอีกครา
องค์หญิงผู้สูงศักดิ์แห่งจักรวรรดิตงหลี่ถูกตบหน้าสั่งสอนต่อหน้าสาธารณชน โดยราชาหมาป่าสวรรค์ผู้ใจคอเหี้ยมโหดในตำนาน!
“เสด็จอา… ทะ-ท่าน…ท่านกล้าตบหน้าข้าจริงๆ …”
ไป๋หลี่อวี๋อิงยืนปิดพวงแก้มที่บวมแดงของตนด้วยความเจ็บปวด เพลิงความโกรธที่สุมทรวงอยู่ในใจแทบล้นปรี่ จุกแน่นไปทั่วแผ่นอก จนแทบอยากจะอาเจียนเป็นเลือดสักคำโต ด้วยความโมโหและช้ำช้ำใจ นางแหกปากกรีดร้องลั่นสุดเสียง ทำความบรรยากาศความเงียบสงัดทั้งหมดทั้งมวลลง
ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ นางถูกประคบประหงมเลี้ยงดูมาอย่างดีราวกับไข่ในหิน บรรดาคนรับใช้และขุนนางทั้งหลายในวังหลวงกว่าสามพันชีวิต ต่างให้ความเคารพและชื่นชมนางไม่ขาดสาย จะมีก็เพียงไป๋หลี่หานที่ดูจะแตกต่างจากบรรดาขุนนาง รวมไปถึงเหล่าองค์ชายและองค์หญิงคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง ซึ่งนี่เองจึงทำให้นางชอบเสด็จอาคนนี้เป็นพิเศษ แต่ในวันนี้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะเซียถงคนเดียว ที่ทำให้นางถูกเสด็จอาที่รักและเคารพตบหน้าสั่งสอนต่อหน้าสาธารณชน!
“ใครก็ตามที่กล้าพูดจาดูหมิ่นพระชายาของข้าผู้นี้ มันต้องสั่งสอนให้หลาบจำ”
สายตาคุกคามคู่นั้นของไป๋หลี่ห่าน ค่อยๆ เลื่อนผ่านจากใบหน้าของไป๋หลี่อวี๋อิง กวาดมองไปทางไป๋หลี่เย่แทนอย่างแช่มช้า
ทั้งสองที่โดนสายตาคู่นั้นของไปหลี่หานกวาดมอง ถึงกับเสียวสะท้านหนังศีรษะยันไขสันหลังวูบวาบ ไป๋หลี่เย่ค่อนข้างอาการหนัก ขาสองข้างสั่นพับถอยหลังหนีไปหลายก้าวต่อเนื่องโดยมิรู้ตัว ทางฝั่งไป๋หลี่อวี๋อิงยืนปิดหน้าป้องแก้ม ไม่กล้าเปล่งเสียงพูดอะไรสักคำ จะทำได้ก็เพียงจ้องหน้าเซียถงตาเขม็งด้วยเกลียดชังสุดหัวใจ
ภาพฉากตรงหน้าที่ไป๋หลี่หานออกโรงสั่งสอนไป๋หลี่อวี๋อิง ทำเอาเซียถงประหลาดใจไม่น้อยเลยจริงๆ เพราะหากพินิจจากสภาพการณ์โดยปกติแล้ว ไป๋หลี่หานมักจะทำดีกับองค์หญิงผู้นี้ที่เป็นถึงราชาโอสถตลอดมา ทีแรกก็หลงเข้าใจว่า ไป๋หลี่หานอาจจะหลงรักหลานสาวตัวเอง แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ข้อเท็จจริงก็ปรากฏขึ้น และสาเหตุเดียวที่เขาทำดีกับไป๋หลี่อวี๋อิงเรื่อยมา ก็เพื่อหวังให้นางช่วยเหลือท่านแม่ของเขาที่กำลังป่วยเท่านั้น
“ตะ-แต่เสด็จอา! นางมีหน้าตาอัปลักษณ์มาก…”
ไป๋หลี่เย่กลั้นใจฮึดสู้ พยายามรวบรวมความกล้าหาญเพื่อยืนกรานทวงความเป็นธรรมให้ไป๋หลี่อวี๋อิง และทันทีที่ได้เห็นสายตาคุกคามของไป๋หลี่หานมุ่งเขม็งจ้องใส่ เขาก็ถอยหลังออกห่างไปทันที ใบหน้าถอดสีซีดเซียวหนัก เอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อน้องสาวตัวเองและจากไป
“ใครหน้าไหนที่กล้าสร้างปัญหาให้เซียถงจากนี้ต่อไป ก็อย่าได้ตำหนิว่าข้า ราชาหมาป่าสวรรค์ผู้นี้โหดเหี้ยม!”
กล่าวจบ ไป๋หลี่หานโบกสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ก่อเกิดเป็นเกลียวพายุหมุนตลบลูกใหญ่ ระเบิดป้ายร้านอาหาร ร้านค้า และโรงเตี้ยมทั้งหมดที่อยู่ขนาบสองข้างทางจนเป็นเสี่ยงๆ เศษไม้แตกกระจายเป็นจุณ ตลอดห้วงนภาม่านฟ้าเต็มไปด้วยเศษผงบดละเอียดปลิวว่อน
สามารถพินาศทำลายสิ่งป้ายหน้าร้านและสิ่งกรีดข้างทั้งหมดบนถนนสองข้างทางได้เพียงฝ่ามือเดียว โดยไม่จำต้องหยิบใช้พลังลมปราณใดๆ เจือผสมสักนิด นี่แสดงให้เห็นถึงความทรงพลังอันน่าสะพรึงขวัญยิ่งแล้วของไป๋หลี่หาน
ทั้งไป๋หลี่อวี๋อิงและไป๋หลี่เย่หน้าถอดสีซีดเผือด แข้งขาของทั้งคู่ถึงขนาดสั่นเทาไม่หยุดจนก้าวย่างเดินไม่ออก การกระทำในครั้งนี้ของไป๋หลี่หานค่อนข้างบ่งชี้มุ่งเป้าไปที่สองพี่น้องคู่นี้อย่างชัดเจนว่า ในภายภาคหน้า อย่าได้สร้างปัญหาให้เซียถงอีกต่อไป ทั้งสองลอบชำเลือง มองย้อนกลับไปมองไป๋หลี่หานด้วยความกวาดกลัวและขวัญเสียที่อัดแน่นในดวงตา แต่จะสังเกตเห็นได้ว่า อีกฝ่ายกำลังเงยหน้าจับจ้องไปทางเย่หลีเทียนที่ยืนอยู่บนระเบียงโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งอยู่
เส้นสายตาของชายสองคนนั้นสบปะทะชนกัน เสมือนห้วงอากาศโดยรอบเกิดแรงกระเพื่อมสั่นสะเทือน และความรู้สึกที่ทุกคนสัมผัสได้หลังจากนั้นคือ คล้ายบังเกิดประกายไฟโฉบแลบนับไม่ถ้วนขึ้นกลางเวหา
เย่หลีเทียนยืนนิ่งอยู่บนระเบียง สักครู่หนึ่งจึงค่อยหลังตาลง และหมุนตัวกลับไปนั่งพร้อมจอกสุราในมือ แต่หากสังเกตให้จงดี จะเห็นว่าจอกสุราใบดังกล่าวบังเกิดรอยปริแตกออกมาบางๆ เห็นดังนั้น เย่หลีเทียนก็แสยะยิ้มมุมปากขึ้นหนึ่งส่วน จะมีก็เพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า คำขู่เมื่อครู่ของไป๋หลี่หานหาใช่มีไว้สำหรับองค์รัชทายาทและองค์หญิง แต่มันมีไว้สำหรับตัวเขาโดยเฉพาะ
สามารถระเบิดป้ายร้านอาหารและสิ่งกรีดขวางริมทางให้เป็นจุณได้ในพริบตา ชายคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
เสียงปริแตกแผดขยายกว้างขึ้น จอกสุราในมือเย่หลีเทียนร้าวแตกออกมาในที่สุด เขาเพียงยิ้มขำขันกับตัวเองเบาๆ และเปลี่ยนจอกสุรารินใหม่อย่างใจเย็น
มองออกไปเบื้องหน้า ไป๋หลี่หานถอดถอนสายตาออกมา สะบัดแขนเสื้อยาวหมุนตัวเดินไปหาเซียถง สิ่งแรกที่ทำคือส่งยิ้มมอบแก่หญิงสาวตรงหน้าอย่างอบอุ่นและจริงใจ
ทางด้านเซียถงได้แต่ทอดสายตามองออกไป จับจ้องสองพี่น้องคู่นั้นที่ช่วยกันพยุงร่างจากออกไป
“พวกท่านไม่อยากเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของข้าแล้วรึ? หากต้องการ ข้าย่อมสนองให้”
ทันใดนั้นเอง เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จู่ๆ เซียถงก็ปริปากตะโกนน้ำเสียงหนาวเย็นสุดไพเราะ ส่งผ่านห้วงอากาศไปหาสองพี่น้องคู่นั้นโดยตรง
ทั้งไป๋หลี่อวี๋อิงและไป๋หลี่เย่ ต่างหันศีรษะมองย้อนกลับมาด้วยความประหลาดใจยิ่งยวด ภายในใจพลันรู้สึกสับสนชั่วขณะ นังอัปลักษณ์น่ารังเกียจนี่กำลังวางแผนบ้าอันใดอยู่?
สีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่หานถึงกับแปรเปลี่ยนไป ประกายตาสั่นไสวเต็มไปด้วยความประหลาดใจค้างเติ่ง เงยหน้าพินิจมองหญิงสาวบนหลังม้าข้างกายตน ดูสับสนรวนเรไม่ใช่น้อยเลยเช่นกัน
“เซียถง เจ้าจะเล่นเล่ห์เล่นเหลี่ยมอันใดอีก?”
เป็นทางฝั่งไป๋หลี่เย่ที่เอ่ยถามขึ้น