ตอนที่ 452 มวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ (2)
ตอนที่ 452 มวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์ (2)
เค่อมู่หน้าถอดสีดูขมขื่นในทันใด
“พลังวิญญาณพวกนี้บริสุทธิ์เกินไป! ร่างกายข้าจะรับไม่ไหวแล้ว!!”
สิ้นเสียงเพียงเท่านั้น เซียถงรีบเอ่ยขึ้นแทรก ตะโกนใส่สองพี่น้องคู่นั้นโดยไว
“หากไม่อยากตายอยู่ที่นี่ ก็รีบระดมพลังลมปราณของพวกเจ้าช่วยอุดรอยตาบนเตาหลอมใบนี้โดยไว! มิฉะนั้นมันจะก่อเกิดเป็นลูกระเบิดทำลายล้างรุนแรง! พวกเราที่อยู่ในนี้ไม่เหลือกระดูกแน่นอน!”
สองพี่น้องตระกูลเค่อย่อมทราบตระหนักชัดแจ้งดี สถานการณ์ในเวลานี้หาใช่เรื่องตลกอันใด กับแค่คลื่นรัศมีพลังวิญญาณที่เล็ดลอดออกมาจากเตาหลอมกลั่นทองแดงก็มีความบริสุทธิ์สูงเกินจินตนาการแล้ว และหากมันเกิดระเบิดขึ้นมาจริง สรรพสิ่งในระยะร้อยลี้ เกรงว่าเตรียมถูกเป่าวินาศสันตะโรในเสี้ยวพริบตา!
ไหนแล้วมวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์เหล่านี้ก็ดูดซับเข้าไปไม่ได้ พวกเขาจึงพร้อมใจระเบิดพลังลมปราณขุมใหญ่ และเข้าระดมช่วยเหลือเซียถงอีกแรงทันที ภายใต้สถานการณ์เป็นตายเช่นนี้ไม่มีแบ่งมิตรหรือศัตรูแล้ว! หยุนซีที่มาถึงช้าที่สุด ก็แลเห็นสองพี่น้องตระกูลเค่อที่กัดฟันอดทนต่ออาการคันรุนแรง พร้อมทั้งยังร่วมใจระดมพลังลมปราณกระแสใหญ่เข้าใส่เตาหลอมกลาง ณ ใจกลางห้องปรุงยาอย่างต่อเนื่อง
สองพี่น้องตระกูลเค่อในเวลานี้กำลังเปิดช่องโหว่ครั้งใหญ่ เพราะปราศจากแนวป้องกันใดๆเลยจากด้านหลัง และนี่เป็นโอกาสดีสำหรับการชอบโจมตี คิดได้ดังนั้น หยุนซีก็เลื่อนมีดสั้นจากใต้แขนเสื้อขึ้นมากระชับถือไว้แน่น และค่อยๆย่องเบาเตรียมเข้าปาดคอพวกเขาทิ้งในทันใด
ทว่าเพิ่งย่างเท้าออกไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆนางก็เหลือบสายตาไปเห็นหลิวซู ชายหนุ่มผู้มีผมยาวสลวยสีเงินในชุดแพรพรรณสีแดงเพลิง มันในเวลานี้แทบจะสำลักหมอกควันตายอยู่แล้ว น้ำหูน้ำตาไหลอาบใบหน้าจนเปียกชุ่ม แต่อย่างไร ทันทีที่หยุนซีเห็นหน้าอีกฝ่าย ก็พลันรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เอ๊ะ? ข้าเคยเห็นเจ้าหนุ่มคนนี้จากที่ไหนนะ?
ในเวลาเดียวกัน เซียถงรีบเปล่งเสียงดังตะโกนเรียกหยุนซีทันที
“อย่าเพิ่งลงมืออะไรทั้งนั้น! รีบมาช่วยข้าก่อน!”
“เกิดอะไรขึ้น?!”
หยุนซีมุ่งสายตาจับจ้องไปยังเตาหลอมกลั่นทองแดงใบนั้นสั่นกระเพื่อมรุนแรงไม่หยุดหย่อน นางถึงกับหน้าเสียไปชั่วขณะ สถานการณ์ในเวลานี้ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก!
เห็นเซียถงสีหน้าซีดเซียวหนัก หยุนซีไม่กล้ารีรอใดๆอีกต่อไป และเร่งปลดปล่อยลมปราณกระแสหนึ่งเข้าค้ำจุณในส่วนของอีกฝ่ายทันที
เซียถงที่ได้หยุนซีเข้ามารับช่วงต่อก็พลอยปล่อยมือทั้งสองข้างลง เนื่องด้วยความช่วยเหลือจากทั้งสาม ทำให้นางพอได้พักหายใจหายคอบ้างเล็กน้อย สิ่งแรกที่ทำคือ เร่งปรับลมหายใจให้กลับมาเสถียรคงที่ท่ามกลางอาการเหนื่อยหอบอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกัน ด้วยความช่วยเหลือของหลิวซูที่ทั้งสูดทั้งดูดมวลพลังวิญญาณบริสุทธิ์อย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ใดๆอีก ในที่สุดหลอกควันชั้นหนาทึบในห้องปรุงยาก็เริ่มจางลงตามลำดับ…
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างกระบี่ทัณฑ์ฟ้าของหลิวซูก็อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณบริสุทธิ์จนล้นปรี่ ต่อจากนั้นเสี่ยวฮั่วก็ได้สื่อจิตบอกขั้นตอนต่อไปแก่มัน โดยการให้หลิวซูนำพลังวิญญาณบริสุทธิ์ควบแน่นจนกลายลูกปัดวิญญาณดวงใสสีขาวลูกหนึ่ง
“นายท่าน! นำลูกปัดวิญญาณลูกนั้นใส่เข้าไปในเตาหลอม!”
ภายใต้คำชี้แนะของเสี่ยวฮั่ว เซียถงรีบวิ่งไปหยิบลูกปัดวิญญาณจากมือหลิวซูและโยนเข้าใส่ในเตาหลอมกลั่นทองแดงโดยตรง และแทบจะในทันทีทันใด ลูกปัดวิญญาณได้แตกละเอียดเป็นเศษอณูพลังวิญญาณบริสุทธิ์นับไม่ถ้วน พวกมันทอแสงส่องประกายแพรวพราวราบกับดวงดาราค้างฟ้า
ไม่นานจากนั้น เตาหลอมกลั่นทองแดงก็มิสามารถทนต่อมวลแรงดันอันทรงพลังในนั้นได้อีกต่อไป มันระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆในเสี้ยวพริบตา
แต่ด้วยกระแสลมปราณสุดแกร่งกร้าวของสองยอดปรมาจารย์ขอบเขตจักรพรรดิครามฟ้าครึ่งขั้น สบทบด้วยยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นสูงอีกหนึ่งคน ทำให้เศษชิ้นส่วนเตาหลอมทองแดงพวกนั้นมิได้แตกกระเด็นออกมา ทันทีที่สัมผัสกับกระแสลมปราณเหล่านั้นก็ถูกบดขยี้เป็นผุยผงแทน
แรงกระเพื่อมจากระเบิดครั้งนี้ ซัดผ่านชายเสื้อของทุกคนจนปลิวสะบัดโบยบิน คล้อยหลังจากที่ทุกอย่างสงบลง พวกเขาก็หยุดมือและถอนพลังเก็บกลับไป สิ่งของและอุปกรณ์ทั่วทั้งห้องปรุงยาถูกทำลายไม่เหลือซาก ณ ใจกลางห้องปรากฏให้เห็นแค่เพียง เศษผงโอสถสีครามน้ำทะเลตั้งอยู่ต่อหน้าทุกคนกองหนึ่ง
สองพี่น้องตระกูลเค่อสำแดงใช้พลังลมปราณจนหมดเกลี้ยง ทั้งคู่ถึงกับทรุดลงกับพื้นด้วยความเหน็ดเหนื่อยเกินบรรยาย และไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้เป็นระยะเวลานาน
หยุนซีกวาดสายตามองเศษซากอริยาธรรมที่หลงเหลือจากการระเบิด จากห้องปรุงยาที่เต็มไปด้วยสมุนไพรมากมาย ยามนี้เหลือแค่เพียงห้องรกๆแห่งหนึ่ง แลเห็นเศษผงโอสถสีครามน้ำทะเลอยู่หนึ่งกองตรงหน้า ใบหน้าของนางพลันซีดเซียวลงทันใด มุมปากกระตุกยิ้มด้วยความสมเพชตัวเองอย่างอดมิได้
“จบแล้วรึ?”
โอสถกลายเป็นผุยผงไปแล้ว?
เพลิงพิภพเก้าดุษณีถูกเก็บกลับคืน อากาศโดยรอบสูญเสียความร้อนจัดฉับพลัน ส่งผลให้อุณหภูมิภายในห้องลดต่ำลงทันที เซียถงจับจ้องผลลัพธ์ที่ได้ตรงหน้าด้วยความงุนงง
ไหนล่ะ? เม็ดโอสถ?
นางถอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความผิดหวัง ชำเลืองสายตามองไปที่หยุนซีอย่างไม่กล้าสู้หน้าเท่าไหร่นัก
ข้าทำให้ความพยายามของนางตลอดสิบปีต้องสูญเปล่า…
ท่ามกลางความโศกเศร้าขมขื่นเกินพรรณนา จู่ๆเสี่ยวฮั่วก็เปล่งเสียงดังลั่นท่ามกลางห้วงความคิดของเซียถง มันกล่าวด้วยความตื่นอกตื่นเต้นขึ้นว่า
“ข้ายังรู้สึกถึงรัศมีพลังของมันได้! เม็ดโอสถอยู่ในกองผงนั่นแหละ!”
ได้ยินดังนั้นเซียถงรีบวิ่งไปดูในทันที ใช้มือเปล่าๆทั้งสองข้างรีบควานหาเม็ดโอสถภายในกองผงเหล่านั้นโดยไว และในที่สุดนางก็เจอเข้าจนได้พร้อมชูมันขึ้นเหนือศีรษะราวกับการประกาศชัยชนะ ปรากฏเป็นเม็ดโอสถสีน้ำเงินครามโปร่งแสงสวยงาม!
นางรีบประคองสองมือถือไว้ด้วยความระมัดระวังสุดขีด และหันหน้าไปหาหยุนซี ยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“สำเร็จแล้ว!”
หยุนซีฟื้นจากความเศร้าโศกในทันใด จับจ้องโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าเม็ดนั้นด้วยความเหลือเชื่อ และทันใดนั้น ธารน้ำตาสองสายก็ไหลออกมาจากดวงตาของนาง ยกมือขึ้นกุมโอสถเม็ดนั้นด้วยปีติยินดี เพราะนี่คือชีวิตใหม่ของจือหยวน!
“ขอบคุณมาก! ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ! เซียถง!”
หยุนซีกล่าวขอบคุณเซียถงทั้งน้ำตา และก็โผเข้าสวมกอดเอาไว้แน่น
“ไม่เป็นไรเลย ไม่เป็นไรเลย เท่านี้หนี้สินที่ข้าเคยติดท่านเอาไว้ก็ถือว่าหายกัน! ครั้งนี้ท่านคงพอใจแล้วกระมัง?”
“แน่นอน! ยิ่งกว่าพอใจเสียอีก!!”
ในขณะเดียวกัน พอสองพี่น้องตระกูลเค่อเริ่มฟื้นพลังขึ้นมาเล็กน้อย และพอจะขยับตัวได้บ้างแล้ว
สิ่งแรกที่พวกเขาทำก็คือ…!!
เริ่มเกาทันที! กระทั่งตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังคันตามเนื้อตามตัวไม่หาย!
ถึงนี่จะดูเป็นเรื่องตลกสำหรับคนภายนอก แต่สำหรับพวกเขาแล้วนี่มันนรกทั้งเป็นชัดๆ เซียถงเห็นพวกเขากระหน่ำเกาไม่หยุดจะเป็นแผล จึงหันไปกล่าวกับหยุนซีทันทีว่า
“อาจารย์ มอบยาถอนพิษให้พวกเขาเถอะ”
หยุนซีค่อยๆนำโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าเก็บเข้าไปในกล่องหยกที่พกติดตัวมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็หยิบซองยาถอนพิษจากใต้แขนเสื้อออกมาให้เซียถง พร้อมกล่าวประโยคติดปากด้วยความเคยชินว่า
“เอาไป! ยาถอนพิษ ซองละยี่สิบเหรียญทอง! แต่สำหรับเจ้าแล้ว หากซื้อสองซองข้าลดให้เลย! เหลือเพียงสามสิบห้าเหรียญทองเท่านั้น! เลือกได้ว่าจะจ่ายสดหรือผ่อนจ่ายเป็นงวด ส่วนดอกเบี้ย…”
สามสิบห้าเหรียญทอง? นี่ยังจะมาคิดเงินกันอีกรึ! โอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าที่ข้าอุตส่าห์หลอมกลั่นให้ไปหมาดๆ สิ่งนั้นมีค่าเสียยิ่งกว่าเงินทองทั่วผืนพิภพรวมกันเสียอีก!!
พอหยุนซีกล่าวมาถึงตรงนี้ นางก็พลันชะงักฝีปากหยุดลงในทันใด เหล่มองจับจ้องใบหน้าบึ้งบูดของเซียถงเล็กน้อยด้วยความเก้อเขิน นี่จะโทษกันได้อย่างไร? ก็ตลอดหลายปีมานี้ ข้าจำต้องหาเงินเป็นบ้าเป็นหลัง ติดสัญชาตญาณแม่ค้าไปบ้างเล็กๆน้อยๆก็ไม่แปลก! นางกระแอมไอเล็กน้อยแก้เขิน และกล่าวว่า
“ขอโทษที เที่ยวขูดรีดเงินคนอื่นจนเคยชินไปเสียแล้ว มิได้ตั้งใจ มิได้ตั้งใจ…”
สิ้นเสียงกล่าวจบ หลัวซีก็รีบยัดผงยาถอนพิษใส่มือของเซียถงและกล่าวว่า
“เอาไปเลย ข้าไม่คิดเงิน! ยังไงก็ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ ขอตัวก่อน!”
เหม่อมองเงาร่างอรชรสวยของหยุนซีกระโจนสู่น่านรัตติกาลท่ามกลางแสงจันทร์สว่างไสว เสี่ยวฮั่วส่ายหัวอาน กล่าวติดตลกขึ้นคำหนึ่งว่า
“นายท่าน ข้าเป็นกังวลเหลือเกิน หากจือหยวนฟื้นสติตื่นขึ้นมา แล้วต้องเผชิญพบกับความขี้งกของหยุนซี เขาจะตกใจหรือไม่?”
“ก็เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็เถอะ หากสองคนนั้นกลับมารักกันอีกครั้ง ก็แสดงว่าจะต้อง…. หุหุ…มีเวลาว่างเมื่อใดต้องแวะเวียนไปแอบดูสักครา!”
หลิวซูกล่าวออกมาเช่นนั้นพร้อมจินตนาการวาดฝันไปแสนไกล แต่ดูจากสีหน้าทะลึ่งของมันแล้วคงไม่พ้นเรื่องอื่นไปมิได้…
เซียถงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงปวดเศียรขึ้นมาฉับพลัน และเรียกหลิวซูออกมาตบกระบาลทีหนึ่งอย่างแรง
“โอ้! ตบหัวทำไม?! ก็เป็นเรื่องปกติมิใช่รึเวลาชายหญิงอยู่ด้วยกัน? ขนาดเจ้ากับไป๋หลี่หานก็ยัง… โอ้!! เลิกตีได้แล้ว! อย่า! อย่าดึงผมของข้า! ข้าผิดไปแล้ว…”