ตอนที่541 ความลับของชิงเยวี่ย
ตอนที่541 ความลับของชิงเยวี่ย
ในเวลานี้ ตลอดทั่วเมืองหลี่เฉินสว่างไสวจากแสงไฟตะเกียงนับไม่ถ้วน
เซียถงสัประยุทธ์โรมรันอยูเคียงบ่ากับเสี่ยวฮั่ว หอกลมปราณสาดแสงสีเงินเป็นประกาย สายตาดุจหงสาอมตะอัดแน่นจิตสังหารอาฆาต กวาดมองเหล่ากำลังทหารตงหลี่ที่เข้าปิดล้อมตัวนางจากรอบสารทิศ!
ทุกย่างก้าวที่เคลื่อนออกไป ทุกคนล้วนมุ่งตามติดไม่ห่าง แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น เพราะไม่มีใครสักคนกล้าเปิดฉากโจมตีนางก่อนเลย
บริเวณหอคอยเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังของนาง แถวนั้นมีแต่กองศพและผู้บาดเจ็บสาหัสจำนวนนับไม่ถ้วน
กองทหารที่ไล่หลังตามเข้ามาสมทบจึงไม่กล้าแสดงลงมือลงไม้ ส่วนหนึ่งคือไม่อยากตายอนาถดั่งมิตรสหายก่อนหน้า แต่ถึงแบบนั้น พวกเขาก็ไม่สามารถปล่อยเซียถงให้หนีออกไปได้เฉยๆเช่นกัน จึงทำได้เพียงดูท่าทีและเฝ้าระวังตามติดอยู่ไม่ห่าง
เสี่ยวฮั่วสื่อจิตส่งผ่านห้วงความคิดของเซียถงคำหนึ่ง
“นายท่าน ข้าจะจำแลงกายเป็นกิเลนและพาท่านบินหนีไปเดี๋ยวนี้แหละ ว่าเยี่ยงไร?”
ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยจำนวนเป็นต่อที่มากเกินไป กลับส่งผลเสียแก่เซียถงไม่ใช่น้อย ยิ่งเวลาผ่านไป พวกทหารก็เรียงแถวเข้ามาเพิ่มเสริมกันไม่จบไม่สิ้น ทั้งยังมีแนวโน้มว่ายังจะมากันมากกว่านี้อีก
เซียถงรู้ดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ควรหนี แต่นางทำไม่ได้!
ข้อมูลชุดสุดท้ายที่หลิวซูรายงานให้ฟังก็คือ ไป๋หลี่เย่ทูลรายงานต่อองค์จักรพรรดิตงหลี่ให้รับทราบแล้ว และตอนนี้ก็กำลังจะรีบหนีออกไปพร้อมกับท่านแม่ของนาง ซึ่งได้ยินแบบนั้น ก็ทำเอานางแปลกใจมิใช่น้อย เพราะในเมื่อไป๋หลี่เย่จับตัวอีกฝ่ายมาเป็นตัวประกัน ก็แสดงว่าควรวางกับดักเตรียมรับมือกับนางไว้หมดแล้ว แต่จู่ๆก็รีบปรี่หนีไปเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า แท้ที่จริงอีกฝ่ายมิได้วางกับดักอะไรไว้เลย
และในเมื่อเป็นกรณีนี้ เซียถงจำเป็นจะต้องช่วยเหลือท่านแม่ของนางจากมืออีกฝ่ายโดยเร็วที่สุด ก่อนที่ไป๋หลี่เย่จะหนีไปตั้งหลักและคิดแผนตอบโต้ใดๆได้!
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จำต้องเร่งช่วยเหลือท่านแม่ออกมาแล้ว!
เซียถงเปิดศึกต่อสู้ไม่รู้จบกับกองทหารตงหลี่ แต่นางกลับไม่รู้เลยว่า ในเวลาเดียวกัน ก็มีขุมกำลังนักฆ่ากลุ่มหนึ่งที่กำลังซ่องสุมอยู่ในเงามืด กระจายตัวรอบสมรภูมิที่นางกำลังสู้รบอยู่ เหล่านี้คือทหารซุ่มโจมตีเป็นกองสนับสนุนแนวหลังที่ตละเตรียมเอาไว้!
บนหลังคาสูง ซึ่งเป็นจุดที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่เซียถงเปิดฉากสัประยุทธ์จนเกินไป มีมือธนูชั้นยอดอยู่เรียงรายกำลังง้างเกาทัณฑ์ เล็งคมศรเหล็กสีเงินสาดระยับไปยังนางเพื่อต้องการจะลอบสังหารทิ้งเสีย แต่ก่อนที่จะได้ปล่อยสายเอ็นยิงออกไป กลับถูกชายชุดคลุมดำปริศนาล้างบางฆ่าทิ้งก่อนทันที
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในบริเวณคลี่คลายลงแล้ว ชายชุดคลุมดำปริศนาจึงปรี่เร่งทะยานกลับไปที่โรงน้ำชาใกล้เคียง
เถ้าแก่โรงน้ำชาและเสี่ยวเอ้อร์จำนวนสองสามกำลังนั่งขดตัวสั่นเทาไม่หยุดอยู่ที่มุมห้อง โดยมีชายร่างกำยำใหญ่จ่อใบดาบยักษ์ชิดติดคอหอย ข่มขู่จนพวกเขาไม่กล้าขยับเขยื้อนหรือส่งเสียงร้องใดๆ
ชายชุดคลุมดำปริศนาปรากฏกายขึ้นอีกครั้งแถวตรอกทางเดิน ตรงเข้าไปในโรงน้ำชาและขึ้นชั้นสองมาหาโดยไว
ปรากฏชายหนุ่มในชุดสีครามฟ้ายืนอยู่ เขาผู้นั้นกำลังเฝ้ามองผ่านบานหน้าต่างโรงน้ำชา ทอดสายตาไปยังอีกฟากฝั่งหนึ่งซึ่งที่บริเวณที่เซียถงเปิดฉากโรมรันสัประยุทธ์กับกองทหารของพวกตงหลี่อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน
“นายท่าน นี่เป็นกลุ่มที่สามแล้ว โปรดบัญชาปรารถนาให้ข้าน้อยทำอย่างไรต่อไป?”
ชายชุดคลุมดำปริศนาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง จับประสานสองมือคำนับรายงานต่อชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความเคารพ สักครู่หนึ่งค่อยได้ยินเสียงกล่าวเนิบ เปล่งดังขึ้นอย่างแช่มช้าว่า
“จงคอยเฝ้าระวังต่อไป ห้ามให้พวกมันคนใดลอบสังหารนางได้สำเร็จ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชุดคลุมดำคนนั้นก็พลันขมวดคิ้วสงสัย น้ำเสียงชักดูไม่ค่อยพึงพอใจนัก และเอ่ยถามขึ้นอย่างอดมิได้ว่า
“นายท่าน ขออย่าได้ติเตียนว่า ข้าน้อยนั้นหยาบคาย แต่ฝ่าบาทส่งให้พวกเรามาชิงบัญชาสี่พิภพจากนาง หาใช่ปกป้องนางแล้วเป็นศัตรูกับตงหลี่มิใช่รึ? แล้วที่ต้องคอยช่วยนางต่อสู้อีกแรงเช่นนี้นี่หมายความกระไร?”
ชายหนุ่มในชุดสีครามฟ้าหันกลับมา ปรากฏว่าเป็นชิงเยวี่ยนั่นเอง สีหน้าการแสดงออกของเขายังคงดูสง่างดงาม ประดับเคียงรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น แต่ทันทีที่ชายชุดคลุมดำเห็น กลับอดสะดุ้งตกใจมิได้ ไยรอยยิ้มที่ไร้พิษสงถึงได้ดูน่ากลัวขนาดนี้กัน?
แววตาเยียบเย็นฉายวาบในดวงตาของชิงเยวี่ย ส่องสะท้อนออกมาต่อหน้าชายชุดคลุมดำ เขายิ้มและกล่าวว่า
“เรื่องบัญชาสี่พิภพเป็นบัญชาของเสด็จพ่อ แต่ตอนนี้เจ้าอยู่ใต้อาณัติข้า หรือเป็นไปได้ไหมว่า เจ้าคิดจะกบฎไม่เชื่อฟังองค์รัชทายาทผู้นี้?”
ชิงเยวี่ยมักมีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอไม่ว่ากับใครก็ตาม ถึงเขาจะมีศักดิ์เป็นถึง บุตรบุญธรรมขององค์จักรพรรดิซีฉิน แต่กลับไม่มีสักครั้ง ที่เขาจะหยิบใช้สถานะศักดิ์นี้ขึ้นอวดอ้างสร้างประโยชน์ แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น…
ย้อนกลับไปตอนนั้น ก่อนที่จะออกเดินทางสู่หุบเขาคุนหลุน องค์จักรพรรดิซีฉินได้เรียกชิงเยวี่ยเข้าไปปรึกษาหารือด้วยเป็นการส่วนตัว โดยที่ว่าจะยินยอมให้เขาออกเดินทางและติดตามไปพร้อมกับเซียถง แต่ต้องคอยติดต่อรายงานสถานการณ์กลับมาทุกครั้ง
และเมื่อได้รู้ว่า องค์จักรพรรดิตงหลี่ในตอนนี้กำลังจับตัวท่านแม่ของเซียถงเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองแลกเปลี่ยนกับบัญชาสี่พิภพ องค์จักรพรรดิซีฉินจึงมีบัญชาเด็ดขาด ส่งกองทัพเข้าไปบุกเมืองหลี่เฉินและแย่งชิงบัญชาสี่พิภพกลับมาทันที แต่ชิงเยวี่ยที่ได้ทราบข่าวดังนั้น จึงเร่งห้ามปรามตัดตอน นำเพียงกำลังส่วนหนึ่งลอบเข้ามาในนี้และให้แอบช่วยเหลือเซียถงอย่างลับๆแทน
“มะ-มิกล้า!”
ชายชุดคลุมดำผู้นั้นดูไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งจากองค์รัชทายาทโดยตรง เขาจึงทำได้เพียงสะบัดศีรษะหันหนีและจากออกไปด้วยความหงุดหงิด
คล้อยหลังที่อีกฝ่ายจากไป ก็มีหญิงสาวอีกหนึ่งนางที่กำลังนั่งจิบชาอยู่แถวโต๊ะริมหน้าต่างข้างเคียง สายตาคู่สวยกำลังทอดมองผ่านหน้าต่างบานนั้นออกไปเช่นกัน สักครู่หนึ่ง นางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดไม่พอใจ เจือผสมแววหึงหวงอยู่หนึ่งส่วนว่า
“ช่วยเหลือกันถึงปานนั้น ทั้งที่นางเป็นหญิงมีชายอื่นอยู่แล้ว?”
ชิงเยวี่ยชำเลืองสายตาหาไป๋หลี่อวี๋อิง พลางระบายยิ้มบางปนขมขื่นกล่าวว่า
“ข้ารู้!”
“การที่เจ้าแอบช่วยเหลือเช่นนี้มีหรือนางจะรู้? แล้วถึงจะรู้ก็หาใช่ว่าจะขอบคุณ!”
“แล้วเยี่ยงไร?”
ไป๋หลี่อวี๋อิงได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็มืดครึมลงหลายส่วน ดวงตาเริ่มเห่อร้องแดงก่ำ นางค่อยๆหันไปจ้องหน้าชิงเยวี่ย กล่าวว่า
“ทำไมล่ะ?”
ชิงเยวี่ยเดินไปนั่งข้างไป๋หลี่อวี๋อิง รินชาให้ตนเองหนึ่งจอก มือเรียวสวยของบุรุษยกชาขึ้นกระดกในคำเดียว เขาให้คำตอบบอกกล่าวไปว่า
“เพราะข้ารักนาง และความรักที่มีต่อนางจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ชั่วชีวิตนี้กลับไม่ขออื่นใด หวังเพียงว่าจะมีชีวิตที่ดีปลอดภัยจากสิ่งร้ายๆเป็นพอ”
“เจ้านี่มันโง่จริงๆ! ตราบเท่าที่เข้ามาในเมืองหลี่เฉินแล้ว ใคร่คิดหนีกลับทำได้แค่ฝัน!?”
ไป๋หลี่อวี๋อิงเองก็ทราบดี ถึงแม้ชิงเยวี่ยจะมีผู้ใต้บัญชาคอยกระทำการช่วยเหลือให้อย่างลับๆ แต่เขาเองก็ควรได้เห็นกองทหารของตงหลี่ที่ประจำการณ์อยู่ที่นี่แล้วเช่นกัน ว่ามันจำนวนมหาศาลปานใด! และหากยังไม่รีบหนีไปเสียตอนนี้ ชิงเยวี่ยจะไม่มีทางหนีจากที่นี่ออกไปได้อย่างปลอดภัยอีกแล้ว! แล้วไฉนถึงยังไม่รีบหนีไป? มีผู้ใต้บัญชาคอยช่วยเหลืออยู่ทั้งคน สามารถหลีหนีเสียแต่ตอนนี้ได้ไม่ยากเย็น! ทำไมกัน? ทำไมเขาก็ยังตัดสินใจที่จะอยู่ช่วยเหลือเซียถงต่อไปโดยไม่มีลังเล?
ทำไมทุกคนต้องทำเพื่อเซียถงขนาดนี้? ไป๋หลี่อวี๋อิงไม่เห็นจะเข้าใจอะไรสักอย่างเลย!
ชิงเยวี่ยระบายยิ้มหวานส่งให้ราวกับสายลมพัดโชยอ่อนท่ามกลางฤดูใบไม้ผลิก็มิปาน
“เจ้าไม่เข้าใจหรอก เพราะตัวเจ้าไม่เคยรักใครจริงๆ สักวันที่เจ้าได้ค้นพบรักแท้ เวลานั้นจะเข้าใจทุกสิ่งอย่างที่ข้าทำลงไป”
ไม่เข้าใจเพราะไม่เคยรักใคร? ข้าน่ะรึไม่เคยรักผู้ใดด้วยใจจริงเลย?
ไป๋หลี่อวี๋อิงสบตาจับจ้องชิงเยวี่ยที่อยู่ใกล้ชิดไม่คลายอ่อน ภายใต้แสงเทียนสีเหลืองอ่อน มิยักรู้เลยว่าแท้จริงแล้ว เขาจะมีหน้าตาหล่อเหลาถึงปานนี้ เสมือนกับรอยยิ้มที่อบอุ่นนั้น มันค่อยๆหลอมละลายหัวใจดวงนี้ของนางทีละเล็กละน้อย เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่นางรู้สึกสับสนและยุ่งเหยิงไปหมด มีระลอกคลื่นอารมณ์ผันผวนมากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้ผสมปนเปเข้ามาในจิตใจ ทั้งยังมีความเกลียดชังต่อเซียถงอยู่ในนั้น
ห่างจากเมืองหลี่เฉินประมาณร้อยหลี่ ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ารีบมาทางนี้เช่นกัน!
ภายใต้หน้ากากสีดำขลับของไป๋หลี่หาน แววตาของเขาดูวิตกเป็นกังวลอย่างมาก เขาทราบดี เพื่อช่วยเหลือชีวิตของฮูหยินหลี่ เซียถงจะต้องมอบบัญชาสี่พิภพแก่องค์จักรพรรดิตงหลี่แน่นอน อย่างไร ตัวเขาในตอนนี้กลับไม่รู้เลยว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์จักรพรรดิตงหลี่นั้นคือสิ่งใดกันแน่? อนึ่งนั้นต้องการบัญชาสี่พิภพแน่นอน และยังรวมไปถึงชีวิตของเซียถงด้วย! เพราะเวลานี้ ข่าวที่เซียถงปรากฏตัวขึ้นในจักรวรรดิตงหลี่ก่อนหน้า ได้รั่วไหลออกมาไปแล้วโดยความจงใจขององค์จักรพรรดิตงหลี่เอง แต่นั่นจะทำไปเพื่ออะไร?