ตอนที่583 แหกตาดูให้จงดี (1)
ตอนที่583 แหกตาดูให้จงดี (1)
กองทัพสัตว์อสูรเข้าบดขยี้เหล่าทหารตงหลี่ทั้งหมดโดยสิ้น ประดุจทหารศักดิ์สิทธิ์จุติลงจากฟากฟ้าเดินกำลังจู่โจม จะมีก็เพียงสุ้มเสียงกรีดร้องคร่ำครวญของเหล่ามนุษย์โหยหวนนับไม่ถ้วนที่แผดดัง ทั้งแขนทั้งขาของบรรดาทหารตงหลี่ต่างถูกเหล่าสัตว์กระหายฉีกกระชาก กัดแทะศีรษะลูกตาเล่นโดยโหดเหี้ยม
พริบตาเดียวเท่านั้น สถานการณ์ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปเสียหมด!
ทางด้านไป๋หลี่เย่หนีรอดออกไปได้พร้อมกับเหล่าองครักษ์คนสนิทจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกกว่าสามหมื่นกลายมาเป็นเหยื่อภายใต้คมเขี้ยวของสัตว์อสูรที่หิวกระหาย!
การมาถึงของเซียถงคราวนี้สามารถช่วยกู้สถานการณ์ให้แก่ฝ่ายไป๋หลี่หานที่เข้าตาจนได้ทันที แต่นี่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่มหาศาลที่ขนาดเซียถงเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน…
พายุนองเลือดหอบใหญ่ได้พ้นผ่านไป ทิ้งทวนแค่เพียงกองศพของเหล่าทหารตงหลี่นับแสนอยู่เบื้องหลังบนหุบเขาหิมะโลหิตสีแดงฉาน!
เซียถงกวาดสายตาจับจ้องไปยังกองซากศพอันไม่สมประกอบเหล่านั้นที่โดนกองทัพสัตว์อสูรกัดกิน เห็นแบบนั้นนางพลันตกใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ยามที่สัตว์อสูรได้กัดกินเนื้อมนุษย์และลิ้มรสเลือดสด พวกมันจะกลายมาเป็นเดรัจฉานที่ไม่สามารถควบคุมได้เลย และนั้นทำให้ปริมาณพลังวิญญาณที่นางต้องใช้จ่ายออกไปต้องเพิ่มพูนเป็นทวี ส่งผลให้ระหว่างนั้นเกิดช่องโหว่ มีทหารตงหลี่จำนวนเล็กน้อยฉวยโอกาสดังกล่าวหนีตายรอดออกไป แต่อย่างไร โดยส่วนใหญ่เกือบแสนชีวิตล้วนเผชิญพบจุดจบบนเนินเขาลูกนี้!
โศกนาฏกรรมนองเลือดครั้งใหญ่นี้ได้สลักฝังลึกอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจเซียถงเป็นที่เรียบร้อย ยามได้เห็นกองศพสภาพสยดสยองเหล่านี้เกลื่อนกลาดไปทั่วเนินเขา นางกลับรู้สึกใจคอไม่ดีเลยจริงๆ นี่หาใช่เพราะว่านางกลัวการที่จะฆ่าใคร แต่เพราะคราวนี้เป็นโศกนาฏกรรมสังหารหมู่เกือบแสนชีวิต ต่อให้เซียถงจะมีใจคอโหดเหี้ยมปานใด แต่จำนวนคนตายที่มหาศาลขนาดนี้เป็นใครย่อมต้องรู้สึกสะท้อนใจเช่นกัน!
และสิ่งนี้ยังทำให้เซียถงอดเป็นกังวลมิได้ หากสักครู่นี้นางไม่มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมากพอสำหรับควบคุมพวกมันให้อยู่กับร่องกับรอยได้ตลอดเวลา บางทีไป๋หลี่หานกับคนอื่นๆเองคงโดนเดรัจฉานการหายเหล่านี้เขมือบกินไปแล้วเช่นกัน!
สภาพร่างกายของเซียถงยามนี้อ่อนกำลังลงมาก เสมือนกายเนื้อที่กลวงและเบาคล้ายจะถูกสายลมพัดปลิวไปได้ตลอดเวลา ทั้งนี้สีหน้ายังออกซีดเล็กน้อย นางถอนหายใจเฮือกยาว พลางถอดถอนตราผนึกที่ใช้พันธนาการภายในห้วงจิตสำนึกของสัตว์อสูรเหล่านี้ทั้งหมด
นางชำเลืองมองไปทางเสี่ยวฮั่วอย่างอ่อนแรงทีหนึ่ง เมื่อได้เห็นสีหน้าซีดขาวของนาง เสี่ยวฮั่วพึงตระหนักทราบทันที เซียถงกำลังหมายความอย่างไร และมันได้พยักหน้าตอบพลัน
ทันทีทันใด กิเลนศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดปากแยกคมเขี้ยวขึ้นกว้างไพศาล และแผดเสียงคำรามส่งร้องสนั่นชัดเจน ทำให้บรรดาสรรพสัตว์ทั้งทวลยอมจำนนและคุกเข่าลงต่อหน้าเซียถงแต่โดยดี
และในเวลานั้นเอง ตราผนึกวงแหวนสีขาวสว่างก็บินจากห้วงจิตสำนึกของเหล่าสัตว์อสูรทั้งหลาย และค่อยๆสูญสลายหายไป…
หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง สัตว์อสูรทุกตนก็เริ่มขยับเขยื้อนร่างกายอีกครั้ง และเมื่อกิเลนศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงคำรามปิดท้ายเสมือนสัญญาณแยกย้าย พวกมันทุกตนต่างเปล่งเสียงคำรามขานตอบ ก่อนจะโค้งศีรษะทำความเคารพอีกครั้งจากไป กระจายตัวกลับเข้าสู่ผืนป่าหิมะและถิ่นที่อยู่
ไป๋หลี่หานและคนอื่นๆได้รับการช่วยเหลือและกอบกู้สถานการณ์กลับมาได้สำเร็จ ส่วนทางด้านเซียถง หลังจากสกระทำการสลายฝูงสัตว์อสูรไปโดยสิ้นแล้ว นางจึงเดินย้อนกลับไปหาไป๋หลี่หานทันทีเพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บ
ไป๋หลี่หานบาดเจ็บสาหัสขั้นรุนแรงจนแทบประคองสติไม่ไหวแล้ว พอเห็นใบหน้าสีขาวซีดเผือดของเขา เซียถงพลันรู้สึกใจสั่นเกินต้านทาน เกิดอาการตื่นตระหนกโดยมิทันรู้ตัว ทั้งยังมีความรู้สึกกลัวอย่างหาเหตุผลมิได้ที่ซ่อนแฝงอยู่เบื้องลึก
นางกลัวเหลือเกิน…กลัวว่าไป๋หลี่หานจะจากนางไปทั้งแบบนี้
อย่างไรเสียทันทีที่เซียถงกำลังเดินเข้าไปใกล้ โม่หยานกลับตรงเข้าขวาง พร้อมชูกระบี่เล่มยาวขึ้นลุจ่อใส่หน้า
“ทำบ้าอะไรของเจ้า?!”
เซียถงเปล่งเสียงตะคอกใส่
“เจ้าเลิกเสแสร้งได้แล้ว! หากมิใช่เพราะเจ้า มีหรือที่นายท่านของพวกเราจะต้องมาเผชิญกับความลำบากปานนี้!”
ยามที่ได้เผชิญหน้ากับสายตาของเหล่าคณะขุนนางอี้เฉิงที่มุ่งมองมาทางนี้ด้วยความจงเกลียดจงชัง ผนวกกับคำกล่าวของโม่หยาน เซียถงใบหน้าพลันซีดลงอีกครั้ง
นางรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก มิสามารถแม้แต่จะโต้เถียงใดๆกลับไปได้!
เหม่อมองไปทางไป๋หลี่หานที่นอนสลบไสล เซียถงรีบหยิบโอสถปราณสวรรค์ระดับเก้าขั้นสูงสุดเม็ดหนึ่งขึ้นมาโดยไว
“เขาอาการสาหัสมาก ข้ามีโอสถรักษาชีวิตเขาได้!”
เซียถงกล่าวไปพลาง หยิบยื่นโอสถส่งให้อย่างรวดเร็ว
สีหน้าการแสดงออกของโม่หยานยังคงรักษาความเย็นชาไม่แปรเปลี่ยน และไม่มีทีท่าจะอนุญาตให้เซียถงเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย และยิ่งได้เห็นโอสถเม็ดกลมที่นางยื่นมาให้บนฝ่ามือ เขาก็พลันบันดาลโทสะรุนแรง สะบัดหลังมือตบโอสถเม็ดนั้นที่เซียถงยื่นให้จนปลิวกระแทกพื้นโดยตรง
โอสถเม็ดนั้นแตกละเอียดเป็นเสี่ยงเล็กเสี่ยงน้อย น้ำยาเหลวที่ถูกกักเก็บในนั้นละลายซึมซาบสู่ผิวดินในพริบตา
แทบจะในเวลาเดียว เซียถงหันขวับสบตามองโม่หยานด้วยความโกรธเกรี้ยว ตะคอกเสียงดังใส่ว่า
“เจ้าทำบ้าอะไร! นั่นเป็นโอสถปราณสวรรค์ระดับเก้าขั้นสูงสุด! มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตไป๋หลี่หานได้! การที่เจ้าทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการฆ่านายท่านตัวเองทางอ้อม! ช่างโง่เง่าเสียจริง!”
หลิวซูเองก็ทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน มันพึงทราบดี ลำพังแค่จะควบคุมกองทัพสัตว์อสูรทนับหมื่นก็สิ้นเปลืองพลังวิญญาณจะแย่แล้ว ทั้งยังส่งผลเสียต่อระบบร่างกายภายในของนางจนได้รับบาดเจ็บหนัก แต่นี่ยังต้องมารับมือกับบรรดาคนงี่เง่ารอบกายไป๋หลี่หานเอง ต่อให้เป็นตัวหลิวซูเอง ตัวมันก็คงหัวใจแหลกสลายไม่ต่าง
หลิวซูชักจะมีน้ำโห จึงยกบาทาขึ้นถีบกลางยอดอกของโม่หยานอย่างแรง ส่งร่างอีกฝ่ายปลิวกระเด็นร่วงลงกับพื้นทันที และชี้หน้าด่ากราดขึ้นว่า
“สงสารแทนเจ้าไป๋หลี่หาน! ที่มีลูกน้องโง่บัดซบเฉกเช่นพวกเจ้า!! หากไม่ใช่เพราะเซียถงที่ตัดสินใจย้อนกลับมาช่วยเหลือ มีหรือที่เศษเดนชีวิตของพวกเจ้าจะรอดตายจากภายใต้กองทหารตงหลี่นับแสนมาได้!? แหกตาแล้วทอดมองดู! กองศพทั่วเนินเขาแห่งนี้ ถ้าไม่ได้เซียถงช่วยไว้ ศพพวกนั้นย่อมเป็นพวกเจ้า!!”
โดนบาทาของหลัวซูถีบเข้าไป โม่หยานถึงกับกระอักพ่นเลือดสดออกมาคำโต แต่ก็ยังกัดฟันกล่าวด้วยความเคียดแค้นว่า
“เจ้าโกหกนายท่านของเรา เจ้าล้อเล่นกับความภักดีของเรา! เจ้าทรยศอี้เฉิงของพวกเรา!! เซียถง นับจากนี้พวกเราจะไม่เชื่อทุกคำพูดที่หลุดออกมาจากปากเจ้าอีกแล้ว!!”
“ข้า เซียถง ขอสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ข้าหาใช่ผู้ทรยศ!”
“หาใช่ผู้ทรยศงั้นรึ? หึหึ แล้วเหตุไฉนองค์จักรพรรดินีเหลิ่งถึงได้สิ้นพระชนม์ลงล่ะ? แล้วไป๋หลี่เย่มันรู้เรื่องเส้นทางฐานที่มั่นลับแห่งนี้ได้เยี่ยงไร? ตอบมาสิ!!”
ขุนนางนายหนึ่งลุกขึ้นเผชิญหน้ากับเซียถงด้วยความโกรธ
“ทั่วทั้งทวีปเทียนหลางแห่งนี้ไม่มีใครู้มิทราบ เรื่องที่ครั้งหนึ่ง เจ้ายอมสละชีวิตเพื่อช่วยไป๋หลี่เย่เอาไว้ แต่พอมาตอนนี้ เจ้ากลับเลือกที่จะอภิเษกสมรสกับท่านราชาหมาป่าสวรรค์ของเราแทน ไม่ว่าจะมองยังไงก็มีพิรุธอยู่เต็มไปหมด! นี่เจ้าคิดว่าพวกเราตาบอดหรืออย่างไร?”
“ไอ้พวกสวะอวดดี! โง่! โง่! โง่บัดซบ! มีสมองคิดได้แค่นี้แล้วขึ้นเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่กันได้ยังไง!? หากเซียถงมีเจตนาคิดร้ายกับพวกเจ้าจริงๆ แล้วนางจะนำทัพสัตว์อสูรมาช่วยกำราบทหารตงหลี่นับแสนของไป๋หลี่เย่ให้เหนื่อยเปล่าเพื่ออันใด? ตอบข้ามาสิ!?”
หลิวซูยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ยังกล่าวต่ออีกว่า
“แล้วตอนนี้ ทั้งที่นายท่านของพวกเจ้าบาดเจ็บหนักเจียนตายอยู่แล้ว แต่ยังตัดสินใจเลือกทำอะไรโง่ๆอย่างการขัดขวางการรักษา หากหลังจากนี้สถานการณ์ทุกอย่างเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม พวกเจ้าจงพึงจำจดเอาไว้ ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกเจ้า!!”
ทันทีที่คำกราดเหล่านี้แผดดังออกมา โม่หยานก็เริ่มปั้นหน้าลังเลขึ้นมา
“ฮิ ฮิ ฮิ…”
แต่ในขณะนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงหญิงสาวกระหยิ่มคิกคักดังขึ้นใสแจ๋ว ราวกับเสียงระฆังเงินตีกังวานท่ามกลางหุบเขา
เสียงหัวเราะเช่นนี้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ใครฟังย่อมรู้สึกผิดแปลกพิกล จนทุกคนต่างต้องเหลียวมองไปยังต้นเสียงอย่างอดมิได้
แลเห็นเป็นใครบางคนที่ปรากฏตัวขึ้นบนเนินเขาสูง!
นางเป็นหญิงสาวในชุดพิธีอภิเษกสีแดงเพลิง ช่วงกระโปรงเปิดกว้างทอดยาวเป็นสายหนึ่ง และกำลังควบม้าอาชามุ่งหน้าเข้ามาทางนี้
เนื่องด้วยชุดอภิเษกนี้มาพร้อมผ้าคลุมปิดบังใบหน้าเอาไว้ สายตาของทุกคนที่จับจ้องมองมาจึงเต็มไปด้วยความสงสัยปนประหลาดใจหนึ่งส่วน