ตอนที่629 จุดจบของสงคราม
ตอนที่629 จุดจบของสงคราม
“นายท่าน! หงอวี๋กับข้าพบตัวฉีหมิงเยว่แล้ว!”
เสี่ยวฮั่วสื่อจิตส่งหาเซียถงผ่านห้วงแห่งความคิดของนาง ในเวลาเดียวกันยังสั่งให้เซี่ยหลู่เฟิงที่ยังคงประเคนกำปั้นกระหน่ำซัดใบหน้าของไป๋หลี่เย่อย่างบ้าคลั่งหยุดมือ! สภาพของไป๋หลี่เย่ในขณะนี้แทบจะดูไม่ได้แล้ว เบ้าหน้าแตกยับแทบไม่เหลือเค้าโครงหน้าเก่า!
“เซียถง!”
สุ้มเสียงของไป๋หลี่อวี๋อิงแผดสนั่นจากเบื้องหลังทางไกล
ไป๋หลี่อวี๋อิงสวมเสื้อคลุมสีเทา กระโดดลงมาจากหลังม้า เมื่อทอดสายตามองไป๋หลี่เย่ที่โดนทุบตีจนเบ้าหน้าแตกไม่เหลือทรงเดิม นางกลับหาได้รู้สึกสงสารใดๆ และทันใดนั้น จู่ๆนางก็ยื่นมือขึ้นกระชากผิวหน้าของตัวเอง อึดใจนั้นผิวหนังลอกออกมาเป็นแผ่น นางฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปรากฏว่านั่นคือหน้ากากหนังมนุษย์ โดยที่ใบหน้าที่แท้จริงของไป๋หลี่อวี๋อิงถูกเก็บซ่อนอยู่ภายใต้เจ้าสิ่งนี้อีกทีหนึ่ง
และทันทีที่เซียถงได้ยลโฉมใบหน้าที่แท้จริงของไป๋หลี่อวี๋อิงในปัจจุบัน ดวงตาของนางพลันเบิกกว้างประหลาดใจยิ่งยวด
แววความตกใจปนเหลือเชื่อฉายสว่างวาบอยู่ในดวงตาคู่นั้นของเซียถง สำหรับไป๋หลี่อวี๋อิงที่ไม่ได้พบเจอกันตลอดปีเต็ม วันนี้เมื่อได้โคจรมาเจอกันอีกครั้ง นางแทบจำอีกฝ่ายไม่ได้! หากจำไม่ผิด อายุของไป๋หลี่อวี๋อิงน้อยกว่านางแค่สองสามปีเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน เส้นผมทั้งหัวของนางกลับกลายเป็นสีขาวหงอกโพลน ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ปราดตาแรกที่พบเห็น เซียถงนึกว่าหญิงชราอายุประมาณห้าสิบปี!
น้ำเสียงของไป๋หลี่อวี๋อิงแหบแห้งแต่นิ่งสงบเสมือนคนที่ผ่านโลกมาแล้วมากมาย ในระหว่างหนึ่งปีที่ผ่านมา มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่กับนาง? แล้วไฉนองค์หญิงใหญ่ผู้สูงศักดิ์และงดงามถึงกลายสภาพมาเป็นเช่นนี้ได้?
“เซียถง! ไม่คิดเลยว่าพวกเรายังมีโอกาสได้เจอกันเป็นครั้งสุดท้าย!”
“นายท่าน…”
สุ้มเสียงของเสี่ยวฮั่วดังก้องไกลมาจากฟากฝั่งหนึ่ง และเมื่อหันศีรษะแช่มมองก็พบเรือโดยสารลำหนึ่งกำลังแล่นธารน้ำแข็งทลายมาทางนี้โดยมีฉีหมิงเยว่อยู่ด้วย และเมื่อเห็นว่าฉีหมิงเยว่ยังคงปลอดภัยดี ทั้งเซี่ยหลู่เฟิงและเซียถงต่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
เสี่ยวฮั่วยังกล่าวต่อกับเซียถงผ่านห้วงความคิดอีกว่า
“นายท่าน ข้าเอาหัวเป็นประกัน แม่นางฉีแค่อยู่ในสภาวะร่างกายอ่อนแอเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เพียงแต่…”
พูดมาถึงตรงนี้ เสี่ยวฮั่วก็เลื่อนสายตาจับจ้องไปทางไป๋หลี่อวี๋อิง
“เสี่ยวฮั่ว ไฉนนางถึงมีสภาพเป็นเช่นนี้ได้?”
ท่ามกลางห้วงความคิด เซียถงเอ่ยถามเสี่ยวฮั่วต่อ
เสี่ยวฮั่วได้แต่ส่ายหัวด้วยความสงสาร กล่าวว่า
“นางเหนื่อยล้าไปเสียหมดทั้งกายใจ ฟังว่า ตลอดแรมปีที่ผ่านมา ไป๋หลี่เย่จับนางไปขังอยู่ในห้อง และยังบังคับให้นางหลอมกลั่นโอสถและยาพิษให้ทุกวัน!”
หากเป็นเช่นนั้นจริง นี่ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนไป๋หลี่อวี๋อิงถึงหาได้สนใจไป๋หลี่เย่ในเวลานี้เลยว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง
ไป๋หลี่อวี๋อิงค่อยๆปริปากเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกผิดว่า
“เซียถง ข้าขอโทษ แต่เริ่มเดิมที ข้าตั้งใจจะลักพาตัวฉีหมิงเยว่มาเพื่อใช้เป็นข้อต่อรองกับพี่ชายของเจ้า แต่หลังจากตรวจพบได้ว่า นางกำลังตั้งครรภ์ ข้าจึงตระหนักได้ทันที สิ่งนี้กลับไม่ถูกต้องแล้ว จึงตัดสินใจมิได้วางยาพิษใส่นาง เพราะกลัวจะกระทบไปถึงเด็กในท้อง เซียถง หากพินิจถึงความทุกข์ทรมานตลอดปีกว่าที่ข้าถูกขังอยู่ในห้องหลอมโอสถ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลับจะนอน เรื่องความแค้นอาฆาตระหว่างเราสองกลับเป็นกลายเรื่องตลกไปเลย! เอาล่ะ ตอนนี้ข้าก็ได้ส่งมอบฉีหมิงเยว่คืนแก่เจ้าอย่างปลอดภัยแล้ว!”
กล่าววาจานี้จบ ไป๋หลี่อวี๋อิงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอกเกินจะบรรยาย เสมือนกับความทุกข์ระทมในช่วงปีที่ผ่านมา มันได้ถูกปลดเปลื้องไปพร้อมกับลมหายใจนี้เช่นกัน
ตลอดปีกว่าที่ผ่านมา นางมีชีวิตอยู่บนบรรทัดฐานความเชื่อเรื่องที่ต้องฆ่าเซียถง แต่ต่อมา เมื่อนางเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและต้องการพักผ่อน ทว่ากลับถูกผู้ที่เป็นพี่ชายแท้ๆอย่างไป๋หลี่เย่ ล่ามโซ่บังคับให้หลอมกลั่นโอสถและยาพิษให้ตลอดทั้งวันทั้งคืนเป็นอยู่แบบนี้ทุกวัน! จนกระทั่งตัวนางเองยังลืมไปแล้วว่า เซียถงเป็นใคร!
มาในวันนี้ เมื่อได้เห็นเซียถงอีกครั้ง กลับเป็นไป๋หลี่อวี๋อิงที่รู้สึกดีใจจนตื้นตันเสมือนได้พบเจอสหายเก่า คงมีแต่ศัตรูที่เคยอาฆาตแค้นกันก่อนเท่านั้นที่ยังจดจำนางได้ คงมีแต่เซียถงเท่านั้นที่เข้าใจตัวนางมากที่สุด!
จู่ๆไป๋หลี่อวี๋อิงในสภาพแก่ชราก็เดินตรงไปหาเซียถง พร้อมยื่นมือที่สั่นเทาคล้ายกิ่งไม้แห้งที่กำลังโรยราขึ้นมา
“เซียถง จับมือกันหน่อยได้ไหม? เจ้าคือคนเดียวในผืนพิภพแห่งนี้ที่เป็นดั่งหลักฐานของการมีชีวิตอยู่ข้า”
เซียถงจับมือของไป๋หลี่อวี๋อิงไว้อย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน นางรู้สึกได้ชัดเจนมากว่า ฝ่ามือของอีกฝ่ายทั้งแห้งและหยาบกร้านมาก เนื้อหนังยังแตกเป็นริ้วหย่อนยาน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด กลับสัมผัสได้ถึงกระแสความอบอุ่นที่ส่งจากใจสู่ใจ
“ไม่รู้สิ… หากเราลองเปลี่ยนเป็นสถานที่อื่น ช่วงเวลาอื่น หรือกระทั่งตัวตนอื่นที่มิใช่แบบนี้ บางที..เราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้รึเปล่านะ?”
ไป๋หลี่อวี๋อิงส่งยิ้มที่แสนจริงใจและอบอุ่นให้แก่เซียถง แต่ทันใดนั้น จู่ๆก็มีธารเลือดสายหนึ่งไหลซิบออกมาจากมุมปากของนาง
ร่างที่ทั้งแก่ชราและเปราะบางของไป๋หลี่อวี๋อิงทรุดฮวบลงกับพื้นโดยตรง แต่พริบตานั้น เซียถงยังเอื้อมมือไปประคองไว้ได้ทัน!
“อวี๋อิง!!”
นางรีบจับชีพจรโดยไว ก่อนจะต้องตกใจเมื่อพบว่า นางถูกวางยาพิษ!
“เสี่ยวฮั่ว! นี่เกิดอะไรขึ้น!?”
“นายท่าน นางกินยาพิษฆ่าตัวตาย!”
เสี่ยวฮั่วเคยต้องการใช้พลังจิตวิญญาณของตนเพื่อช่วยขับพิษในร่างกายของนางออกแล้ว แต่ในเวลานั้น ไป๋หลี่อวี๋อิงกลับปฏิเสธ สายตาของนางเริ่มเลือนรางเต็มที ลืมตาอิดโรยขึ้นมาเห็นว่า ตนเองกำลังอยู่ในอ้อมแขนของเซียถง นางเองก็ระบายยิ้มด้วยความโล่งใจออกมา มองไปที่เซียถงพร้อมกุมมืออีกฝ่ายแน่น
“เซียถง ข้าอยากเจอเขาเหลือเกิน ข้าอยากเจอชิงเยวี่ยเหลือเกิน! ครั้นหนึ่ง ข้าเคยคิดว่า หากแช่แข็งร่างศพของเขาเอาไว้ บางทีอาจมีวิธีช่วยเหลือแบบเดียวกับหยุนซี แต่เมื่อได้รู้ว่า…”
เมื่อได้รู้ว่าไป๋หลี่เย่สั่งเผาร่างของชิงเยวี่ยทิ้งไปนานแล้ว ความจริงนี้ได้ทำให้ไป๋หลี่อวี๋อิงรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง และนับตั้งแต่วันนั้น สภาพร่างกายของนางก็เริ่มทรุดหนัก!
นอกจากจะต้องถูกบังคับใหญ่หลอมกลั่นโอสถและยาพิษแล้ว ไป๋หลี่อวี๋อิงยังถูกบังคับให้เสพยาหลอนประสาที่มีความเข้มข้นสูง เพื่อกล่อมให้นางหลงลืมความโศกเศร้าทั้งหมดไป จะได้มีสมาธิสำหรับการหลอมกลั่นโอสถคุณภาพสูง!
แต่หากรู้ไม่ว่า ความอาฆาตแค้นของหญิงสาวที่ได้สูญเสียคนรักไปมันเหนือกว่าฤทธิ์ยาหลอนประสาทพวกนี้มาก ตลอดที่ผ่านมา ไป๋หลี่อวี๋อิงแสร้งทำเป็นหลงลืมความโศกเศร้าทั้งหมดไป และเริ่มหลอมกลั่นโอสถของไป๋หลี่เย่ต่อไปโดยแอบผสมยาพิษลงไปทีละเล็กละน้อย ซึ่งยาพิษชนิดดังกล่าวคือ พิษเชื่อมวิญญาณ กล่าวคือ ตราบใดที่ไป๋หลี่อวี๋อิงสิ้นใจตายเมื่อใด ไป๋หลี่เย่เองก็ไม่มีทางรอดเช่นกัน!
ไป๋หลี่เย่ที่เพิ่งจะมาทราบเรื่องราวทั้งหมด เขาก็โกรธแค้นอาฆาตจนดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และทันใดนั้น จู่ๆเขาก็รู้สึกปวดบิดบริเวณช่องท้องอย่างรุนแรง ก้อนนี้ที่ไร้ขาดีดดิ้นกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความทรมานอย่างสุดพรรณนาไม่ เสี้ยวอึดใจนั้น ไป๋หลี่เย่ก็หยิบกระบี่ขึ้นมา หวังจะเขวี้ยงใส่ไป๋หลี่อวี๋อิงดับลมหายใจของนางไปเสีย แต่พริบตานั้น กลับถูกเซี่ยหลู่เฟิงที่หวดแข้งเต็มแรง เตาะเจ้าตัวกลิ้งกระเด็นออกไปราวกับลูกหนัง
ร่างของไป๋หลี่เย่ที่ตอนนี้เปรียบเสมือนก้อนเนื้อพิการเหลือแขนเพียงข้างเดียว ปลิวกระเด็นไปทางหนึ่ง พริบตานั้น พลันถูกท่อนไม้ปลายแหลมที่ปักอยู่บนพื้นแถวนั้นเสียบทะลุร่างเสียงดังสวบ เขายังมิได้สิ้นใจตายในทันที ก้อนเนื้อชิ้นนั้นห้อยต่องแต่งคาท่อนไม้ ดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมานอยู่กว่าสิบนาที ก่อนที่ท้ายสุดจะสิ้นใจตายอย่างอนาถ!
ไป๋หลี่อวี๋อิงเฝ้าดูการตายอย่างทรมานของไป๋หลี่เย่ ทันใดนั้นก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังสนั่นออกมา และปลดเปลื้องลมหายใจสุดท้ายทิ้งไปพร้อมกับรอยยิ้มประดับประดาบนใบหน้าของนาง!
โศกนาฏกรรมการตายของสองพี่น้องไป๋หลี่ ช่างเป็นจุดจบที่ขื่นขมจนผู้คนทั้งหลายยังต้องถอนหายใจ!
ในเวลาเดียวกัน ไป๋หลี่หานกับเย่หลีเทียนกำลังสัประยุทธ์โรมรันกันอย่างดุเดือด ระดับพลังลมปราณของแต่ละฝ่ายล้วนฟื้นคืนสู่จุดสูงสุดแล้ว! ขอบเขตจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์! กระแสลมปราณปริมาณมหาศาลสีขาวข้นคลักสาดปะทะใส่กันอย่างมืดฟ้ามัวดิน ศึกต่อสู้นี้ต่างไม่มีใครยอมใครได้!
แต่ทันใดนั้นเอง โม่ซวนก็รีบควบม้ามาจากทางไกล รีบกล่าวรายงานกับเซียถง น้ำเสียงร้อนใจกระวนกระวายยิ่งยวด
“นายหญิง แย่แล้ว! กองทัพจากจักรวรรดิซีฉิน หน่านเฟิง เป่ยฮั่นและเมืองอื่นๆกำลังผนึกกำลังเคลื่อนทัพมาทางนี้แล้วขอรับ เกรงว่าพวกมันจะชุบมือเปิบ อาศัยโอกาสนี้ทำลายพวกเราทั้งหมด!”
เมื่อเหล่าจักรพรรดิจากดินแดนต่างๆเห็นว่า ทั้งสามจักรวรรดิใหญ่กำลังทำศึกห้ำหั่นฆ่ากันเอง โอกาสทองเช่นนี้แล้ว มีหรือที่พวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จะปล่อยให้หลุดลอยผ่านไป!