หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 84 ชะตากรรมของจูหมิงเยียน (2)

หวนคืนชะตาแค้น

สถานที่ที่จูหมิงเยียนถูกทิ้งไว้อยู่ไม่ไกลจากเรือนของมู่หรงอวี้มากนัก แต่ในยามนี้นางไม่กล้าที่จะหนีไปหาพระสวามีเพื่อขอความช่วยเหลือ บนร่างของนางสวมเพียงอาภรณ์ซับในที่เปิดเผยผิวพรรณของนางที่เต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ ไม่ต้องกล่าวถึงผมเผ้าอันยุ่งเหยิงและใบหน้าอันแดงก่ำ สภาพเช่นนี้จะทำให้ผู้คนยังคิดว่านางเป็นพระชายาผู้สูงศักดิ์ของจวนอ๋องได้อย่างไรกัน และในยามนี้ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนว่านางยังไม่แม้แต่จะได้ล้างตัวหลังจากที่ถูกผู้อื่นรุมทึ้ง ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ชายหนุ่มธรรมดาๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้พบเห็น แต่บรรดาหญิงสาวที่พบเห็นนั้นหน้าแดงแล้วรีบเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองมาอีก

มีผู้คนมากมายที่มารวมตัวกันรอบๆ ตัวนาง มีดวงตาที่ดูชั่วร้ายกวาดมองนางบ้างเป็นครั้งคราว หากเป็นผู้อื่นเกรงว่าในยามนี้คงต้องมีคนเข้าไปลูบไล้สัมผัสแล้ว แต่เนื่องจากใบหน้าอันงดงามที่เลื่องชื่อ ผู้คนส่วนใหญ่ในตอนนี้จึงรู้ว่าสาวหญิงสาวผู้นี้เป็นพระชายาขององค์ชายหก กงอ๋อง และยังเป็นบุตรีคนโปรดของจูเปี้ยน ผิงหนานจวิ้นอ๋อง

ออกไป! ออกไปจากข้านะ! จูหมิงเยียนกรีดร้องตะโกน ถอยห่างจากผู้คนที่ล้อมรอบอยู่อย่างหวาดกลัว ทว่าสภาพนางในเวลานี้นั้นชวนให้ตกตะลึงเกินไป บางคนถึงกับสงสัยว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาซึ่งกำลังล้มลุกคลุกคลานอยู่จะใช่พระชายากงตัวจริงหรือไม่ พระชายากงผู้สง่างาม นางจะมาปรากฏตัวในอาภรณ์น้อยชิ้นในที่แห่งนี้ได้อย่างไร

จูหมิงเยียนกอดตัวเองอยู่ใต้ต้นไม้อย่างขวัญผวา ได้แต่ส่งเสียงคร่ำครวญออกมา

นางไม่คิดว่ากู้หลิวอวิ๋นจะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่ได้ถูกทรมาน แต่จูหมิงเยียนย่อมไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่านางจะถูกโยนทิ้งไว้ในที่แห่งนี้ในยามนี้ น่าเสียดายที่นางตื่นตระหนกและทำสิ่งใดไม่ถูกตั้งแต่ต้นจนถึงเวลานี้ เมื่อมองดูตัวเองที่แต่งตัวเช่นนี้ ถูกโยนทิ้งไว้เช่นนี้ ซ้ำยังเต็มไปด้วยรอยช้ำอันน่าสงสัยบนร่างกาย นางทำได้เพียงจ้องมองคนที่มุงดูตัวเองอย่างขวัญผวาเท่านั้น ในขณะนี้จูหมิงเยียนเข้าใจแล้วว่ากู้หลิวอวิ๋นไม่ได้ต้องการสังหารนาง เพียงแต่ต้องการทำลายนาง หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาต้องการทำลายมู่หรงอวี้

ฮือๆ…ท่านอ๋อง…

เป็นอย่างไรบ้าง น้ำเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากข้างนอก ฝูงชนแหวกแยกออกจากกันเป็นทาง มีชายหนุ่มหญิงสาวหลายคนในอาภรณ์หรูหราเดินเข้ามา หญิงสาวคนหนึ่งมองไปที่จูหมิงเยียนผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้แล้วจึงร้องอุทานออกมาว่า นี่ใช่น้องหญิงหกหรือไม่

บุคคลที่ทำให้ฝูงชนเกิดความโกลาหล แท้ที่แล้วคือพระชายากงเช่นนั้นหรือ

บรรดาผู้ที่มาใหม่คือองค์หญิงองค์ชายของฮ่องเต้แคว้นหวา นับตั้งแต่องค์ชายใหญ่อย่างฝูอ๋องและพระชายา ไปจนถึงองค์ชายห้าอย่างชิ่งอ๋องและพระชายาแล้ว ยังรวมถึงองค์ชายเจ็ด มู่หรงจ้าว ที่ยังไม่ได้อภิเษกสมรส และพระชายาขององค์ชายสี่ มู่หรงเสียที่เป็นผู้ที่จดจำจูหมิงเยียนได้แล้วเอ่ยปากทักออกมา เดิมทีพระชายาจื้อนั้นไม่ค่อยจะถูกกับจูหมิงเยียนเท่าใดนัก ในขณะนั้นเองได้มีเสียงอุทานอย่างดูถูกดูแคลนดังขึ้นมา จูหมิงเยียนจึงก้มหน้าลงอีกครั้ง นางไม่ต้องการสบตากับผู้ใด

ในท้ายที่สุดแล้ว พระชายาฝูซึ่งมีน้ำใจอยู่บ้าง ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายไปกันเถิด

ฝูงชนที่เฝ้ามองต่างแยกย้ายกันไปทีละคน ก่อนหน้านี้ไม่อาจยืนยันตัวตนของพระชายากงได้อย่างชัดเจน ทว่าในยามนี้พระชายาจื้อได้ระบุตัวคนของนางเรียบร้อยแล้ว หากพวกเขายังต้องการดูเรื่องตื่นเต้นนี้อีก เกรงว่าจะเป็นการยั่วยุจวนกงอ๋องจนเกินไป ทว่า…เรื่องราวที่ผ่านไปในวันนี้ เกรงว่าในเดือนนี้คงไม่อาจหลีกหนีการนินทาไปได้ สายตาของฝูงชนที่จากไปล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอัศจรรย์ใจทั้งสิ้น

น้องหญิงหก เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พระชายาฝูมองไปที่พระสวามีของนางก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ฝูอ๋องกระแอมเล็กน้อยแล้วกล่าวกับพี่น้องคนอื่นๆ ว่า พวกเราไปกันก่อนเถิด ปล่อยให้พวกนางอยู่ที่นี่กันก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับมู่หรงอวี้แต่กลับทำให้รู้สึกสุขใจขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเมื่อชายกลุ่มใหญ่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ผิดปกติของพระชายาของพี่ชายหรือน้องชายเช่นนี้ คนทั้งหมดย่อมรู้สึกอึดอัดไม่สะดวกใจอยู่บ้าง

มู่หรงซีชำเลืองมองจูหมิงเยียนอย่างครุ่นคิดแล้วพยักหน้า กล่าวอย่างสงบว่า พี่ใหญ่กล่าวถูกต้อง ดูเหมือนว่าจะมีโรงน้ำชาอยู่ข้างหน้า พวกเราไปนั่งที่นั่นกันเถิด เมื่อพี่ชายทั้งสองเอ่ยปากแล้ว องค์ชายองค์อื่นๆ ก็ย่อมไม่ต่อต้าน นอกจากนี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องการเห็นมู่หรงอวี้อับอาย ทว่าย่อมไม่ได้ต้องการฉีกหน้ามู่หรงอวี้ต่อหน้าอยู่แล้ว

เมื่อองค์ชายจากไป พระชายาผิงก็นำอาภรณ์ชั้นนอกที่บ่าวด้านหลังถอดออกแล้วนำมาสวมให้จูหมิงเยียน บรรยากาศยามนี้พึ่งเข้าสู่ฤดูร้อน บรรดาพระชายาจึงไม่ได้นำอาภรณ์ชั้นนอกหรือสิ่งที่คล้ายๆ กันติดตัวมาด้วย บรรดาพระชายาเหล่านี้จะไม่มีวันถอดอาภรณ์ของตนให้จูหมิงเยียนแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงจำต้องสวมใส่อาภรณ์ของบ่าวหญิงไปก่อนชั่วคราว

พระชายาฝูมองดูรูปลักษณ์ที่ยุ่งเหยิงของจูหมิงเยียน ดวงตาของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ารูปลักษณ์เช่นนี้ของจูหมิงเยียนนั้นต้องผ่านค่ำคืนดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิมา แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาล้วนทราบดีว่ามู่หรงอวี้ได้เข้าร่วมพิธีวันคล้ายวันพระราชสมภพของโอรสสวรรค์บนเรือมังกรมา แต่จูหมิงเยียนซึ่งเป็นพระชายากลับไม่ปรากฏตัว ด้วยเหตุนี้มู่หรงอวี้จึงไม่ใช่ผู้ที่ทิ้งร่องรอยอันคลุมเครือเหล่านี้ไว้บนร่างกายนางได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นมู่หรงอวี้จริงๆ พระชายาของเขาจะมาปรากฏตัวในที่แห่งนี้ได้เช่นไร

หลังจากที่พยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้ สีหน้าของพระชายาคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไป พระชายาคนอื่นๆ จึงขยับออกห่างจากจูหมิงเยียนอย่างกะทันหัน พระชายาฝูจึงเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาว่า น้องหญิงหก เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเจ้า

ข้า…ข้าไม่รู้! จูหมิงเยียนไม่สามารถกล่าวสิ่งใดได้ นางทำได้เพียงยึดอาภรณ์ของตัวเองแน่นแล้วสะอื้นไห้ออกมา เพียงเห็นนางร้องไห้เช่นนี้พระชายาหลายคนก็ได้สร้างเรื่องราวขึ้นมาในใจของพวกนางทันที ตัวอย่างเช่นการเผชิญหน้ากับโจรราคะ การไปหลับนอนกับผู้อื่น เป็นต้น เมื่อเห็นว่าเรื่องหนึ่งตื่นเต้นกว่าอีกเรื่องหนึ่ง ลองเปรียบเทียบดูแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าจริงเสียยิ่งกว่าจริง

ในยามนี้ใบหน้าของพระชายาจื้อนั้นแสดงถึงการดูถูกเหยียดหยามโดยตรง น้องหญิงหก เจ้า…เจ้าจะเอาหน้าของน้องหกและพระสนมอวิ๋นเฟยไปไว้ที่ใด

เจ้า… ตั้งแต่วัยเยาว์เป็นต้นมา จูหมิงเยียนไม่เคยโกรธเท่านี้มาก่อนเลย แต่ในสถานการณ์เช่นนี้นางก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้อยู่ดี

พระชายาจื้อเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยว่า ข้าทำไมหรือ ไม่ต้องพูดถึงเพียงแค่น้องหกและพระสนมอวิ๋นเฟยเลย แม้แต่หน้าตาของบรรดาพระชายาเช่นพวกเราก็สูญเสียด้วยเช่นกัน น้องหญิงหกนี่ช่างเป็นคนที่กล้าหาญเสียจริง หลังจากนี้ไปผู้คนในเมืองหลวงแห่งนี้คงจะสนุกปากกันทีเดียว

พระชายาผิงถอนหายใจ กล่าวขึ้นบ้าง หยุดได้แล้ว ไม่ต้องกล่าวอันใดอีก น้องหกกำลังมาแล้ว ทุกคนมองย้อนกลับไป ก็เห็นมู่หรงอวี้ที่สวมอาภรณ์ลวดลายมังกรเงินเดินเข้ามาทางนี้อย่างเร่งรีบ มู่หรงอวี้ยกมือขึ้นเพื่อหยุดองครักษ์ที่ติดตามมาด้วยให้อยู่ห่างไปสิบกว่าก้าว แล้วจึงเดินเข้ามาเพียงผู้เดียว หมิงเยียน

ท่านพี่… ดวงตาของจูหมิงเยียนแดงก่ำ นางแทบจะรอไม่ไหวที่จะรีบวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนของมู่หรงอวี้แล้วร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น มู่หรงอวี้ชำเลืองมองอาภรณ์ของจูหมิงเยียน เขาจึงพบร่องรอยอันน่าสงสัยซึ่งอาภรณ์ไม่สามารถปิดบังไว้ได้ ดวงตาของเขาจมลึกลง ก่อนจะกล่าวกับพระชายาที่อยู่ด้านข้างว่า น้องหกขอขอบพระทัยพวกท่าน พระชายาฝูถอนหายใจแล้วกล่าวตอบว่า ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด น้องหกมาแล้วก็ดี เจ้าส่งน้องหญิงกลับจวนก่อนเถิด พี่ใหญ่ของเจ้ายังรออยู่ข้างหน้า เช่นนั้นพวกเราจะไปกันก่อน

มู่หรงอวี้พยักหน้ารับด้วยความเคารพแล้วเอ่ยว่า น้องชายมิส่ง เดินกลับปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ

บรรดาพระชายาพยักหน้ารับแล้วหมุนตัวหันหลังเดินจากไป พระชายาจื้อที่กำลังเดินอยู่รั้งท้ายได้มองย้อนกลับไปที่จูหมิงเยียนและมู่หรงอวี้ แล้วป้องปากกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า น้องหกควรรีบพานางกลับไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเถิด นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ… พระชายาจื้อส่ายศีรษะแล้วเดินตามหลังผู้อื่นไป

ตอนต่อไป

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท