หวนคืนชะตาแค้น – ตอนที่ 98 การปฏิเสธของคุณชายซิ่วถิง (2)

หวนคืนชะตาแค้น

สีหน้าของมู่ชิงอีแข็งทื่อ กัดฟันเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา คำพูดไร้สาระสามารถหลีกเลี่ยงได้

หรงจิ่นไม่ได้สนใจท่าทางของนางและเอ่ยขึ้นอย่างเคร่งขรึม สถานการณ์ในตอนนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน เวลานั้นเจ้าปล่อยให้พี่ใหญ่ของเจ้าฆ่ามู่หรงอานเพื่อแก้แค้นด้วยมือของตัวเองแต่ปมในใจของพี่ใหญ่ไม่แน่ว่าจะสามารถแก้ไขได้ เจ้าควรรอให้พี่ใหญ่ของเจ้าได้ไตร่ตรองคิดหาหนทางแก้ไขมันด้วยตัวเอง ชิงชิงเฉลียวฉลาดขนาดนี้ หากอยากที่จะฆ่ามู่หรงอานอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด

สีหน้าของมู่ชิงอีเย็นชาและเคร่งขรึม

นางไม่เคยไตร่ตรองถึงประเด็นที่หรงจิ่นกล่าวมาเลย ในใจคิดมาเสมอว่าตราบใดที่คนที่ทำร้ายพี่ใหญ่ของนางถูกฆ่า ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบลง แต่ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นมากมายและเวลาก็ผ่านไปเนิ่นนานเช่นนี้ พี่ใหญ่จะไม่มีปมในใจแม้สักนิดเลยหรือ การฆ่ามู่หรงอานสามารถจะทำให้พี่ใหญ่ปล่อยวางได้จริงหรือ ฆ่ามู่หรงอานไปเช่นนี้ก็ค่อนข้างจะง่ายดายเกินไป เกรงว่าแม้พี่ใหญ่จะทำเป็นไม่สนใจแต่ปมในใจของพี่ใหญ่นั้นคงยากต่อการเยียวยา หรือไม่ก็รู้สึกว่าความเกลียดชังในใจนั้นยังไม่ได้ระบายออกมา

เมื่อเห็นท่าทางที่ครุ่นคิดของมู่ชิงอี หรงจิ่นก็รู้ว่านางยอมรับเหตุผลของตนแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจ

ท่าทางเดือดดาลของชิงชิงนั้นน่ากลัวนัก…แต่ว่าชิงชิงถูกพูดโน้มน้าวใจได้ง่ายขนาดนี้…กู้ซิ่วถิงสำหรับนางแล้วคงมีความสำคัญอย่างมาก

เรียนคุณหนู เลี่ยอ๋องแห่งแคว้นเป่ยฮั่นเสด็จมาเจ้าค่ะ อิ๋งเอ๋อร์กระซิบขึ้นที่นอกประตู

หรงจิ่นลุกขึ้นยืนทันทีพลางเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า เกอซูฮั่น เขามาทำอะไร หรือเขายังไม่เลิกคิดอะไรกับชิงชิงอย่างนั้นหรือ

มู่ชิงอีกลอกตาขึ้นพลางเอ่ยถามว่า องค์ชายเก้าคงไม่ประสงค์ที่จะไปต้อนรับเลี่ยอ๋องกับหม่อมฉันหรอกกระมัง

หรงจิ่นหรี่ตาลงอย่างโศกเศร้าเสียใจ ข้ารู้ว่าเกอซูฮั่นมา แต่ชิงชิงจำเป็นต้องรีบไล่ข้าออกไปหรือ เอาเถิด ข้าไม่รบกวนแล้ว แต่…ชิงชิงอย่าได้ยอมไปกับเกอซูฮั่นเชียวล่ะ มิฉะนั้น…ข้าจะกำจัดเขาทิ้ง!

ได้ยินมาว่า เลี่ยอ๋องแห่งเป่ยฮั่นเป็นยอดฝีมือหนึ่งในห้าของใต้หล้า องค์ชายเก้าก็พยายามเข้านะเพคะ มู่ชิงอีกล่าวอย่างเฉยเมย

หรงจิ่นพ่นลมหายใจและจากไปด้วยความโกรธ

ไม่นานหลังจากนั้น เกอซูฮั่นก็เดินเข้ามาพร้อมกับมู่ฉังหมิง เมื่อมู่ชิงอีเห็นสะใภ้ซุนกับมู่อวิ๋นหรงและคนอื่นๆ ที่กำลังติดตามมู่ฉังหมิงมาก็ก้มหน้าทันทีและพูดจาอย่างไม่เกรงใจว่า ท่านพ่อพาผู้อื่นมาหัวเราะเยาะชิงอีหรือเจ้าคะ

ในใจของมู่ฉังหมิงเดิมทีก็เจ็บช้ำอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่กล้าปฏิบัติไม่ดีกับมู่ชิงอีต่อหน้าเกอซูฮั่น จึงยิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย อีเอ๋อร์… ก่อนที่มู่ฉังหมิงจะได้พูดสิ่งใด มู่อวิ๋นหรงก็อดไม่ได้ชิงพูดขึ้นมาก่อน น้องหญิงสี่ พวกเรามาเยี่ยมเยียนเจ้าอย่างหวังดี แต่เจ้าพูดเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร

มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยท่าทางที่แฝงด้วยความเย้ยหยัน เลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยว่า มาเยี่ยมข้า? หากมีเวลาไม่สู้พี่หญิงสามไปเยี่ยมเยียนหนิงอ๋องจะไม่ดีกว่าหรือ แม้ใบหน้าของน้องหญิงสี่จะไม่ได้ดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้เน่าเปื่อยแต่อย่างใด แต่หนิงอ๋อง… จะตายเมื่อใดก็ไม่รู้

แม้ว่ามู่ชิงอีจะพูดไม่จบแต่ทุกคนก็สามารถเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ได้ สีหน้าของมู่อวิ๋นหรงพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียว ถึงแม้ว่าท่านพ่อจะไม่ได้พูดอะไรแต่มู่อวิ๋นหรงก็เข้าใจว่าอาการบาดเจ็บของหนิงอ๋องครั้งนี้สาหัสกว่าครั้งที่แล้ว แม้จะไม่มีอันตรายถึงชีวิตแต่ก็เกรงว่างานอภิเษกสมรสที่เลื่อนไปแล้วครั้งหนึ่งจะไม่ได้จัดตามกำหนด สองสามวันมานี้ในเมืองหลวงมีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่ว ไม่ได้มีเพียงเรื่องที่เกี่ยวกับพระชายากงและหนิงอ๋องเท่านั้นแต่ยังเกี่ยวกับนางด้วย มีผู้คนไม่น้อยเลยที่แอบหัวเราะเยาะนางเพราะเดิมทีฐานะของนางเป็นพระชายาไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ไม่ง่ายเลยที่นางจะแย่งตำแหน่งพระชายามาจากน้องสาวของตน ก่อนงานอภิเษกสมรสคู่หมั้นได้รับบาดเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งบางคนถึงกับบอกว่านางนำโชคร้ายมาให้ หากหนิงอ๋องมีอันเป็นไปจริงๆ เกรงว่านางคงต้องแบกรับข้อกล่าวหานี้ไว้เป็นแน่

เกอซูฮั่นขมวดคิ้วและมองไปยังมู่ชิงอีที่กำลังจับผ้าคลุมหน้าอยู่ ถึงแม้ว่าผ้าคลุมหน้าที่ถูกคลุมไว้จะหนาแต่เขาก็ยังมองเห็นรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดภายใต้ผ้าคลุมได้อย่างเลือนราง

แต่…เด็กคนนี้ปกติค่อนข้างจะมีชีวิตชีวา?

เกอซูฮั่นเลิกคิ้วแย้มยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น คุณหนูสี่พูดได้ถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าหนิงอ๋องยังสลบไสลไม่ได้สติ หากอีกหนึ่งเดือนยังไม่ฟื้น เกรงว่า…

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของมู่อวิ๋นหรงก็พลันซีดเผือด เอนตัวพิงร่างของสะใภ้ซุนด้วยความสั่นเทา ท่านแม่…ท่านแม่…

สะใภ้ซุนรีบพยุงบุตรสาวของตนพลางกระซิบเสียงเบาอย่างอ่อนโยน ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว หนิงอ๋องเป็นคนดีฟ้าย่อมคุ้มครอง จะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน เกอซูฮั่นครางต่ำและเอ่ยอย่างเฉยเมย เป็นคนดีฟ้าคุ้มครองแต่ก็ต้านทานดาวโชคร้ายไม่ได้

เลี่ยอ๋อง ทรงระมัดระวังคำพูดด้วยพ่ะย่ะค่ะ มู่ฉังหมิงขมวดคิ้วกล่าวเสียงเข้ม

เกอซูฮั่นไม่สนใจความไร้มรรยาทของมู่ฉังหมิง เขาเลิกคิ้วขึ้นเอ่ยอย่างยิ้มๆ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิดพูดขึ้นมาเอง เมื่อเช้าตอนที่ข้าออกมา โรงน้ำชาทุกแห่งในเมืองหลวงต่างก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้ ท่านโหว…ใบหน้าของคุณหนูสี่มีบาดแผลแต่ท่านกลับพาหญิงสาวที่สวยหยาดเยิ้มที่ร่างกายปวกเปียกอ่อนแอมา ท่านต้องการเยาะเย้ยคุณหนูสี่จริงๆ หรือต้องการที่จะมอบปัญหาที่ยากจะเข้าใจได้ให้กับนาง?

คนอย่างเกอซูฮั่นมักทำให้ผู้คนรู้สึกถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็นไม่ว่าเขาจะยิ้มหรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับบุตรสาวของตน สะใภ้ซุนจึงไม่สนใจกลัวสิ่งใดและพูดอย่างโกรธเคืองว่า ท่านหมายความว่าอย่างไร หรงเอ๋อร์ของพวกเราไม่ได้มีปัญหาอันใด! ลือกันว่านางนำโชคร้ายมาให้ก็แย่พออยู่แล้ว หากเพิ่มอาการป่วยเข้าไปอีกในชีวิตนี้มู่อวิ๋นหรงคงจะไม่มีโอกาสใดๆ อีกแล้ว

สะใภ้ซุนแตกต่างจากมู่อวิ๋นหรงที่ทุ่มเทความรักให้กับมู่หรงอานอย่างหน้ามืดตามัว ซึ่งนางให้ความสำคัญกับความเป็นจริงมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก หากหนิงอ๋องใช้การไม่ได้แล้วจริงๆ นางก็ย่อมคิดวางแผนสำหรับอนาคตของบุตรสาวเอาไว้

เกอซูฮั่นกอดอกอย่างเหนือกว่าและจ้องไปยังสะใภ้ซุนพลางกล่าวอย่างเฉยเมยว่า ไม่ได้ป่วย? แต่ร่างกายอ่อนแอเดินโซซัดโซเซยืนไม่มั่นคงพฤติกรรมน่าเอือมระอาเช่นนี้ ข้าได้ยินมาว่าหญิงสาวในห้องหอของแคว้นหวานั้นสุภาพอ่อนโยนงดงามเพียบพร้อม หรือว่าการอบรมเลี้ยงดูบุตรสาวของอนุภรรยาจะต่างกับการอบรมเลี้ยงดูบุตรสาวของภรรยาเอกอย่างนั้นหรือ แต่ว่าคุณหนูอีกสองคนของจวนซู่เฉิงโหวข้าก็ไม่เห็นว่าจะมีพฤติกรรมอันน่าเอือมระอาเช่นนี้เลย ซึ่งหมายความว่า มู่อวิ๋นหรงนั้น แม้แต่บุตรีของอนุภรรยาจากบ้านสายรองอย่างมู่สุ่ยเหลียนและมู่อวี่เฟย นางก็ยังสู้ไม่ได้

ในความเป็นจริงแล้ว มู่อวิ๋นหรงจะแสดงความอ่อนแอของตนเป็นครั้งคราวแค่เฉพาะต่อหน้ามู่หรงอาน กระนั้น แม้ว่าธรรมเนียมของแคว้นหวาจะไม่เปิดกว้างมากนักแต่ความต้องการต่อหญิงสาวก็คือความอ่อนโยนงดงามเพียบพร้อม หญิงสาวประเภทที่อ่อนแอและยึดติดกับชายหนุ่มมักจะไม่เป็นที่นิยม เพียงแต่มู่อวิ๋นหรงได้รับความกระทบกระเทือนค่อนข้างมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา คราวนี้ต่อหน้ามู่ฉังหมิงนางจึงต้องทำตัวกระเง้ากระงอดเหมือนคนที่กล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อให้มู่ฉังหมิงนั้นเข้าข้างนางและตำหนิมู่ชิงอี แต่นางกลับลืมไปว่าที่ข้างๆ ยังมีเกอซูฮั่นซึ่งเห็นได้ชัดว่าอยู่ข้างมู่ชิงอี เมื่อนางถูกเกอซูฮั่นดูถูกอย่างไร้ความปราณี สีหน้าของนางจึงประเดี๋ยวก็เขียวประเดี๋ยวก็ขาว

เมื่อเห็นท่าทางที่น่าสมเพชของมู่อวิ๋นหรง สีหน้าของมู่ฉังหมิงก็อดไม่ได้ที่จะมีความอึมครึมขึ้นและเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่เขาจะชื่นชอบเกอซูฮั่นผู้ที่ไม่เคยไว้หน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ใช่ราชทูตธรรมดาๆ แต่เป็นถึงเลี่ยอ๋องที่มีอำนาจมากที่สุดแห่งเป่ยฮั่น อาจกล่าวได้ว่าความคิดเห็นใดๆ ของเกอซูฮั่นล้วนสามารถส่งผลโดยตรงต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบันของเป่ยฮั่นอย่างเกอซูเจี้ยนได้

เลี่ยอ๋อง โปรดระมัดระวังคำพูดด้วยพ่ะย่ะค่ะ มู่ฉังหมิงกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน

เกอซูฮั่นไหนเลยจะฟังคำเตือนของผู้อื่น เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นก็ทำเพียงพ่นลมหายใจและเมินเฉยต่อมู่อวิ๋นหรงและสะใภ้ซุนที่กำลังเดือดดาล มองมู่ชิงอีแล้วเอ่ยว่า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าได้ยินมาว่าใบหน้าของเจ้าถูกคนทำให้เสียโฉม?

ตอนต่อไป

หวนคืนชะตาแค้น

หวนคืนชะตาแค้น

Status: Ongoing
ความงาม…ไหวพริบ… ล้วนเป็นหมากในเกมกระดานของนาง เพื่อช่วยเหลือพี่ชายและกอบกู้ตระกูล แม้หัวใจนางก็พร้อมยอมแลก!ในเมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่…ความแค้นและความเกลียดชังเอย…แม้ตายเก้าครั้งก็ยากจะลืมเลือน…ความยุติธรรมหมดไป…เหตุใดแคว้นยังไม่สูญสิ้น? ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกันจากหญิงสาวผู้เพียบพร้อมด้วยรูปโฉมและยศฐากลับร่วงหล่นสู่โคลนตมเพราะแผนร้ายของคนใกล้ตัวบ้านแตกสาแหรกขาด เสียทั้งเพื่อนสนิทและคู่หมั้นไปในคราวเดียวในงานประมูลคืนแรกของตน หญิงสาวฝังคมมีดลงบนร่างศัตรูและเผาร่างในกองเพลิงเมื่อฟื้นตื่นมาอีกครั้งนางกลับกลายเป็น มู่ชิงอี ญาติผู้น้องผู้อ่อนแอไปเสียแล้วเมื่อได้มีชีวิตกลับมาอีกครั้งนางจะทวงทุกสิ่งที่เคยเป็นของตนคืนมาคืนความยุติธรรมให้ตระกูลกู้ด้วยสองมือของนางเอง!“ตั้งแต่นี้ต่อไป ข้าคือมู่ชิงอีและคือกู้อวิ๋นเกอด้วยเช่นกัน ความอยุติธรรมทั้งหลายข้าจะคืนมันกลับไปทั้งหมด!”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท