บทที่ 1231 เป็นของเธอคนเก่า
แม้เยี่ยหวันหวั่นจะมั่นใจ แต่กลับไม่ได้มั่นใจโดยไม่รู้จักตัวเองเลยสักนิด ระยะเวลาที่เธอเรียนมวยนั้นมีจำกัด แถมพรสวรรค์ในด้านศิลปะการต่อสู้ที่เธอแสดงออกมาให้เห็นในระหว่างเรียนมวยก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมซักเท่าไหร่…
ยิ่งไปกว่านั้น พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่อง สมรรถภาพทางด้านร่างกายก็เป็นอีกเรื่อง ถึงแม้เธอจะมีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้สูง เรียนรู้ในระยะเวลาสั้นๆ ก็อาจสำเร็จวิชาได้ แต่สมรรถภาพทางด้านร่างกายกลับต้องอาศัยเวลาในการฝึกฝนหลายปี
เหมือนที่พวกเยี่ยมู่ฝานบอก ตอนเธอเมา แค่หมัดเดียวก็สามารถทำให้รถกลายเป็นหลุมลึกได้แล้ว…การจะทำอย่างนั้นได้ต้องอาศัยพละกำลังมหาศาล
เยี่ยหวันหวั่นรู้จักตัวเองดีกว่าใคร ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ถึงแม้จะเคยออกกำลังกายแบบธรรมดามาหลายปี กระทั่งเป็นสิบปี แต่สำหรับคนธรรมดาไม่มีทางทำได้ถึงขั้นทุบแผ่นเหล็กจนยุบด้วยมือเปล่าแน่นอน
ถ้าหากเธอไม่ใช่เยี่ยหวันหวั่น และความจำทั้งหมดถูกซือเยี่ยหานถ่ายโอนเข้ามา ถ้างั้นพละกำลังที่มากจนผิดปกติเวลาเธอเมา กับพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ที่จู่ๆ ก็มีขึ้นมาตอนปกติ ก็น่าจะเป็นของเธอคนเก่าก่อนที่จะถูกลบความจำ
ถ้าเธอไม่ใช่เยี่ยหวันหวั่นจริงๆ งั้นการที่จู่ๆ เธอก็เก่งศิลปะการต่อสู้ขึ้นมาก็จะลงล็อคพอดี ทุกอย่างเป็นของเธอคนเก่า
แต่ทว่าเธอกลับสูญเสียความจำทั้งหมดที่ควรจะเป็นของเธอ แล้วกลายเป็นเยี่ยหวันหวั่นที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอเลย…
ฉัน…เป็นใครกันแน่… เยี่ยหวันหวั่นตัวสั่นเล็กน้อย แววตาสับสน
แกเป็นใครอะไร? เยี่ยมู่ฝานจ้องหน้าเยี่ยหวันหวั่นอย่างประหลาดใจ
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไร เสียงมือถือก็ดังขึ้น
หน้าจอมือถือแสดงชื่อเนี่ยอู๋หมิง
เยี่ยหวันหวั่นรีบรับสายทันที
ฮัลโหล… เสียงของเนี่ยอู๋หมิงดังมาจากปลายสาย
มีอะไรคะ? เยี่ยหวันหวั่นถาม
ฮัลโหล? เธอว่าไงนะ? ที่นี่สัญญาณไม่ค่อยดี…อีกครึ่งชั่วโมง…เจอกันที่ร้านหย่งอัน…
เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ทันพูดอะไรเนี่ยอู๋หมิงก็วางสายไปแล้ว
ร้านหย่งอันที่เนี่ยอู๋หมิงพูดถึง เป็นร้านอาหารมื้อดึกข้างทางที่เยี่ยหวันหวั่นเจอพวกเขาห้าคนครั้งแรก
ใครน่ะ? เยี่ยมู่ฝานถาม
เพื่อนฉันคนหนึ่ง… เยี่ยหวันหวั่นมองเยี่ยมู่ฝาน แล้วบอกว่า เพื่อนฉันนัดออกไปหา ฉันไปนะ
เยี่ยมู่ฝานพยักหน้า แกไปเถอะ ที่บริษัทยังมีเรื่องต้องไปเคลียร์ ฉันไม่ไปกับแก่ละ
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก ความจริงก็ไม่ได้อยากให้ไปแต่แรกแล้วมั๊ย…
……
ณ ร้านอาหารหย่งอัน
เก้าแก่ ขอห้องพิเศษหนึ่งห้อง!
นักพรตใจบริสุทธิ์เดินเอ้อระเหยเข้าไปในร้าน มองหน้าเถ้าแก่ที่ไม่ถือว่าเป็นแปลกหน้า แล้วเอ่ยว่า
หวัดดี
เถ้าแก่เหลือบมองนักพรตใจบริสุทธิ์แวบหนึ่ง
แต่แล้วเถ้าแก่ก็ต้องตะลึงงัน
คนพวกนี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไงเขาก็ยังจำได้ ตอนนั้นพวกเขาคุยโวโอ้อวด แต่พอกินอิ่มดื่มอิ่มแล้วพวกเขากลับไม่มีเงินจ่ายเลยสักแดงเดียว
มีเงินแล้วเหรอ? เถ้าแก่ร้านมองหน้านักพรตใจบริสุทธิ์แล้วถาม
อะไรคือมีเงินแล้วเหรอ พวกฉันเคยขาดเงินเสียที่ไหน? นักพรตใจบริสุทธิ์ล้วงธนบัตรห้าสิบหยวนจำนวนสองใบออกมา แล้วแค่นยิ้มพูดว่า เถ้าแก่ จัดมาตามนี้ได้เลย
พวกนายมากันกี่คน? เถ้าแก่รับเงินไป แล้วถามนักพรตใจบริสุทธิ์
หกคน! นักพรตใจบริสุทธิ์
นักพรตใจบริสุทธิ์พูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง ทิ้งให้เถ้าแก่ยืนจ้องธนบัตรห้าสิบหยวนสองใบในมืออย่างงงๆ
ในห้องพิเศษ พวกนักพรตใจบริสุทธิ์กับอี้จือฮวาพากันนั่งลง
หัวหน้ากับเจ้าติดอ่างล่ะ ทำไมยังไม่เข้ามาอีก? อี้จือฮวาหันไปถามนักพรตใจบริสุทธิ์กับหนุ่มภูเขาน้ำแข็ง
————————————————————————————-
บทที่ 1232 แต่แกมีเงินนี่
หนุ่มภูเขาน้ำแข็งนั่งตากลมอยู่ข้างล่างแอร์ ไม่แม้แต่จะหันมา ไร้ซึ่งความอยากสนทนาพาทีด้วย
ฉันจะไปรู้เหรอ นักพรตใจบริสุทธิ์เม้มปาก หัวหน้าไปจองตั๋วแล้ว…ถ้าเจ้าติดอ่างไม่อยากกลับ ก็ให้เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่นี่แล้วกัน
เพิ่งจะสิ้นประโยค เสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังมากจากข้างนอก ไม่นานเฟิงเสวียนอี้ก็เดินเข้ามา
หัวหน้าล่ะ เฟิงเสวียนอี้ทิ้งตัวลงบนม้านั่ง กวาดตามองพวกอี้จือฮวาขณะที่ในมือถือไอติมแท่งหนึ่ง
ไปจองตั๋ว ยังไม่มาเลย นักพรตหนุ่มเอ่ย
เฟิงเสวียนอี้พยักหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ หึ ครั้งนี้หัวหน้าใจเด็ดจริงๆ…ไม่นึกเลยว่าจะนึกเรื่องจองตั๋วแล้ว…
หนุ่มกรรมกรต่างชาติมองเฟิงเสวียนอี้แล้วหัวเราะคิกคัก นึกแล้วก็ตื่นแต้นเหมือนกันนะ ขามาพวกเรานั่งเรือมา…เกือบจมน้ำตายแหนะ
หัวหน้า…จองตั๋ว…มีเงินเหรอ? เฟิงเสวียนอี้กินไอติมหนึ่งคำ แล้วถามอย่างแปลกใจ
สิ้นเสียงพูดของเฟิงเสวียนอี้ สายตาของพวกอี้จือฮวาก็จับจ้องมาที่เฟิงเสวียนอี้เป็นตาเดียว
หัวหน้าไม่มีเงิน…แต่แกมีเงินนี่…เงินค่าตั๋วใช้เงินเดือนจากตระกูลซือไง… นักพรตใจบริสุทธิ์บอก
แกว่าไงนะ?! เฟิงเสวียนอี้แทบกระเด้งตัวจากม้านั่ง มารดาเอ็งเถอะ นั่นมันเงินเก็บที่เขาแลกมาด้วยหยาดเหงื่อจากการเป็นบอดี้การ์ดในตระกูลซืออย่างยากลำบากมาตั้งนานเชียวนะ!
หัวหน้าหลอกเขาว่าจะเก็บเงินแทนเขาเอง…เพราะยังไงเวลาทำงานเป็นบอดี้การ์ดในตระกูลซือก็ไม่มีเงินให้ใช้เงินอยู่ดี…
ไม่นึกเลย…
เขากลับเอาเงินที่เขาทำงานแลกมาด้วยหยาดเหงื่อไปซื้อตัวจนหมด?!
ใช่สิ เจ้าติดอ่าง แกทำงานเป็นบอดี้การ์ดที่ตระกูลซือได้เงินทั้งหมดเท่าไหร่? หนุ่มกรรมกรต่างชาติถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ตัวขากลับไม่ใช่ถูกๆ แถมยังได้ยินหัวหน้าเคยบอกว่าจะจองเฟิร์สคลาสซะด้วย…
บอดี้การ์ดธรรมดา…ได้เดือนละหมื่นห้า…หัวหน้าบอดี้การ์ดลับ ได้เดือนละห้าหมื่น… เฟิงเสวียนอี้ตอบเสียงอู้อี้
ให้ตาย ห้าหมื่น?! นักพรตใจบริสุทธิ์ตกใจจนแทบกระเด้งตัว เขาต้องตรากระกำลำบากดูดวงดูลายมือให้คนอื่นทุกวัน ไหนจะต้องผึ่งลมหนาวตากแดดร้อน ได้แค่วันละไม่กี่ไคว่[1]ต่อวัน บางครั้งไม่ได้เงินเลยทั้งวันก็ยังมี เดือนหนึ่งธรรมดาก็ได้สักแปดเก้าร้อย ถ้าโชคดีหน่อยก็ได้พันสองพัน…
มารดาเอ็งเถอะ ช่วงที่เฟิงเสวียนอี้เป็นบอดี้การ์ดอยู่ในตระกูลซือ วันๆ เอาแต่คุยโม้ เล่นไพ่ฆ่าเวลา เดือนหนึ่งได้เงินหมื่นห้า พอได้เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดลับ วันๆ เอาแต่นั่งแทะเมล็ดแตงโมอยู่ในห้องทำงาน กลับได้ตั้งเดือนละห้าหมื่น…
แกให้เงินหัวหน้าไปเท่าไหร่? อี้จือฮวาจ้องเฟิงเสวียนอี้แล้วถาม
เงินเดือนทั้งปีของฉันโดนหัวหน้าหลอกไปหมดแล้ว ให้ตายเถอะ! เฟิงเสวียนอี้หยิบสมุดโน้ตขึ้นมาพลิกอ่านอย่างละเอียด ครู่หนึ่งจึงค่อยเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ แล้วมองนักพรตใจบริสุทธิ์กับอี้จือฮวา เงินเดือนของปีนี้…ทั้งหมดสี่แสนไคว่! ให้ตาย ปีนี้ฉันใช้เงินไปแค่ไม่กี่พันไคว่เอง!
แกอย่าคิดถึงเรื่องเงินอีกเลย…จากที่นี่กลับไปจื้อโจวต้องเปลี่ยนเครื่องหลายครั้ง แล้วยังต้องขึ้นเรือสำราญอีก…หัวหน้าจองเฟิร์สคลาสทั้งนั้น เรือสำราญก็จองแบบหรู… นักพรตใจบริสุทธิ์พูดอย่างชอบใจ
……
เฟิงเสวียนอี้สูดหายใจลึกๆ พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ทุบคนพวกนี้ให้ตาย
ที่แท้เงินจากหยาดเหงื่อที่เขาเก็บออมไว้อย่างยากลำบากมาทั้งปีกลับต้องเอามาประเคนให้เจ้าพวกนี้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฟิงเสวียนอี้จุดบุหรี่หนึ่งมวน สีหน้ากลับมาเรียบนิ่งเช่นเดิม เข้าเรื่องสำคัญเถอะ
คำพูดของเฟิงเสวียนอี้ทำให้พวกนักพรตหนุ่มกับอี้จือฮวาชะงักงัน ตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญอะไรอีก
……………………………………………………….
[1] ไคว่ สกุลเงินจีน มีค่าเท่ากับหยวน แต่คำว่า ไคว่ เป็นภาษาปาก