หรงจิ่นลุกขึ้นนั่ง เอ่ยอย่างดูหมิ่น “สมแล้วที่คุณชายเว่ยเป็นผู้ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า ใช้เงินราวกับเศษธุลี อู๋ฉิงของเหล่านี้…คุณชายเว่ยให้เจ้าเป็นรางวัล อีกสักครู่อย่าลืมเอาไปด้วยเล่า”
อู๋ฉิงดีอกดีใจ เอ่ยด้วยเสียงหัวเราะ “ขอบพระทัยท่านอ๋อง ขอบคุณคุณชายเว่ย” ใครบอกว่าองครักษ์ลับไม่รักเงิน เพียงแค่ชอบทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบธรรมก็เท่านั้น หากไม่มีเงินชีวิตก็คงไม่งดงาม แน่นอนว่าสิ่งที่ท่านอ๋องประทานให้เป็นรางวัลสามารถรับไว้ได้ แม้ว่าไข่มุกไม่กี่เม็ดนี้จะไม่ใช่ของชั้นดีเท่าไรแต่ก็เก็บเอาไว้ได้ถึงแปดเก้าปี นี่เป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของท่านอ๋องที่มีต่อพวกเขา
เว่ยอู๋จี้ไม่กล่าวอะไรและไม่ได้ถือสาเอาความเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้กับหรงจิ่น
อีกด้านหนึ่ง มู่หรงอวี้ที่อยู่ในห้องคุมขังกลับรู้สึกแปลกใจ เพียงแค่ขยับมือโปรยไข่มุกก็สามารถมองออกได้ว่าวรยุทธของเว่ยอู๋จี้นั้นเยี่ยมยอด แต่ดูเหมือนว่าในโลกนี้แทบจะไม่มีใครรู้เรื่องนี้
เว่ยอู๋จี้พยักหน้าให้มู่หรงอวี้ด้วยรอยยิ้ม “กงอ๋อง ไม่ได้พบกันนาน”
มู่หรงอวี้จ้องมองเขาอย่างระแวดระวัง “คุณชายเว่ยมาที่นี่คงไม่ได้มาเพื่อถามสารทุกข์สุกดิบข้าหรอกกระมัง”
เว่ยอู๋จี้เลิกคิ้ว “กงอ๋องปฏิบัติต่อผู้ช่วยชีวิตท่านเช่นนี้หรือ”
“ผู้ช่วยชีวิต?” มู่หรงอวี้สับสนเล็กน้อย ความสัมพันธ์ของเขากับเว่ยอู๋จี้ไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก เขาได้รับการช่วยเหลือจากเว่ยอู๋จี้ตอนไหน
เว่ยอู๋จี้ก้มหน้าพลางกล่าวเตือนว่า “กงอ๋องช่างขี้ลืมเสียจริง แคว้นหวา วังหลวง”
มู่หรงอวี้ตกตะลึง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ “เจ้า…เจ้าคือคนชุดดำที่พาคนบุกเข้าวัง เจ้าคือ…ผู้นำหันเสวี่ยโหลว!” แน่นอนว่ามู่หรงอวี้รู้ว่าคนที่ช่วยชีวิตเขาคือผู้นำหันเสวี่ยโหลว เพียงแต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเหตุใดผู้นำหันเสี่ยโหลวจึงได้มาช่วยเขาด้วยตัวเองจึงคิดว่าเป็นคำขอของหรงเหยี่ยน แต่ตอนนี้พอคิดดูแล้ว...หรงเหยี่ยนไม่รู้ตัวตนของเว่ยอู๋จี้ด้วยซ้ำ เกรงว่าคงจะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากเว่ยอู๋จี้ได้
เว่ยอู๋จี้ยิ้มเอ่ยเสียงเบา “จะว่าไปแล้ว ตอนที่คุ้มกันส่งกงอ๋องมาแคว้นเย่ว์นั้นเสียเวลาทำเรื่องต่างๆ ไปมาก แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว...ก็นับว่าคุ้มค่า ความจริงแล้วที่ข้ามาที่นี่เป็นเพราะมีคนต้องการพบกงอ๋อง”
มู่หรงอวี้มองคนชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหลังเว่ยอู๋จี้ กล่าวอย่างลังเล “นาง…เป็นใคร”
คนชุดดำยกมือขึ้น ถอดหมวกคลุมศีรษะเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามและอ่อนโยน “คำนับเจ้าสำนัก”
“หลิงซู!” มู่หรงอวี้พลันรู้สึกหน้ามืด จนเกือบจะล้มลงกับพื้น
หลิงซูยังคงอ่อนโยนและนอบน้อมเหมือนเคย ใบหน้าที่มองมาที่มู่หรงอวี้ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูถ่อมตนและเป็นมิตร ดั่งฉายาในยุทธภพที่บอกว่านางเป็นมืออันบริสุทธิ์ของพระแม่กวนอิมในใต้หล้า แต่มู่หรงอวี้กลับรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย
“ทำ…ทำไม” มู่หรงอวี้ถามขึ้นอย่างยากลำบากไม่น้อย
หลิงซูถอนหายใจด้วยความทอดถอนใจเอ่ย “เจ้าสำนัก ข้าสมควรตาย ขอเจ้าสำนักโปรดอภัยให้ข้าด้วย”
“ทำไมถึงทรยศข้า!” มู่หรงอวี้ถามเสียงแข็ง หลิงซูส่ายหน้า ยิ้มเอ่ย “ทรยศ? หลิงซูทรยศเจ้าสำนักมั่ว ทรยศเย่าหวังกู่ แต่กลับไม่เคยทรยศท่านที่เป็นเจ้าสำนัก”
“…” มู่หรงอวี้ไม่เข้าใจ
มู่ชิงอีที่อยู่ข้างๆ ยิ้มพลางเอ่ยเสียงเรียบว่า “เพราะตั้งแต่เริ่มแรกอานซุ่นจวิ้นอ๋องเป็นเพียงหมากตัวเดียวที่อยู่ในมือผู้อาวุโสหลิงซูใช่หรือไม่”
หลิงซูยิ้มหวาน มองมู่ชิงอีเอ่ย “คุณชายกู้ฉลาดหลักแหลมสมคำร่ำลือจริงๆ เกรงว่าคุณชายกู้จะมองออกตั้งนานแล้วกระมัง”
มู่ชิงอีไม่ได้ปฏิเสธ กล่าวเพียงว่า “ข้าแค่สงสัยเล็กน้อย ในเมื่อผู้อาวุโสหลิงซูไม่ได้สนใจเรื่องเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าสำนักคนก่อนจริงๆ เหตุใดจึงพยายามอย่างมากเพื่อขับไล่เจ้าสำนักมั่ว”
หลิงซูถอนหายใจ “เจ้าสำนักมั่ว…แม้ว่าจะไม่ชอบคนในเย่าหวังกู่ และไม่ชอบการวางกลอุบาย แต่หากพูดตามความจริงแล้ว…หลิงซูไม่กล้าทำล่วงเกินต่อหน้าเขา เช่นนี้…เพื่อทำในสิ่งที่หลิงซูวางแผนไว้จึงทำได้เพียงทำผิดต่อเจ้าสำนักมั่ว แต่โชคดีที่เจ้าสำนักมั่วไม่ได้สนใจสิ่งภายนอกเหล่านี้”
มู่ชิงอีพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที คนอย่างมั่วเวิ่นฉิงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ราวกับว่าไม่สามารถทนต่อสิ่งสกปรกได้แม้แต่นิดเดียว คนทั่วไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็จะถูกสายตาเย็นชาคู่นั้นมองจนอดรู้สึกตื่นตระหนกไม่ได้ ไหนเลยจะกล้ามีความคิดไม่ดี แต่หลิงซูกลับรู้จักมั่วเวิ่นฉิงเป็นอย่างดี แทนที่จะวางแผนอย่างหวาดระแวงภายใต้อำนาจของเขา ไม่สู้เปลี่ยนเจ้าสำนักเสียเลย ขอเพียงแค่มีเหตุผลที่สมเหตุสมผล มั่วเวิ่นฉิงก็จะไม่เข้าไปยุ่งมากเกินไป และมู่หรงอวี้ก็เป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมากพอดี
มู่หรงอวี้สีหน้ามืดครึ้ม ตอนนี้เขาพึ่งเข้าใจว่าถูกผู้หญิงคนหนึ่งหลอกใช้มาตั้งแต่ต้นจนจบ
“ต่ำช้า! ข้าทำผิดต่อเจ้าที่ใด เจ้าถึงได้กล้าวางแผนเช่นนี้กับข้า!” มู่หรงอวี้เอ่ยเสียงกร้าว
หลิงซูส่ายหน้าเบาๆ “เจ้าสำนักไม่ได้ทำผิดต่อข้า เพียงแต่…ใครใช้ให้คุณชายต้องการเย่าหวังกู่และท่านก็ดันเป็นสายเลือดของเจ้าสำนักรุ่นก่อน เจ้าสำนัก ท่านวางใจได้ แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เจ้าสำนักเป็นคนสั่ง แต่ฝ่าบาทจะต้องเห็นแก่ที่เจ้าสำนักเป็นองค์ชายแคว้นหวา ไม่ได้เติบโตมาจากเย่าหวังกู่ ใจรักในบ้านเกิดจึงหลอกใช้เย่าหวังกู่ และเย่าหวังกู่…เต็มใจที่จะมอบยาอายุวัฒนะทั้งหมดเพื่อเป็นการขออภัยจากคนในเย่าหวังกู่”
สรุปได้ว่า มู่หรงอวี้ต้องแบกรับข้อหาวางยาพิษจวงอ๋องคนเดียว
หลิงซูหันไปมองเว่ยอู๋จี้ ดวงตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนของสตรีที่ปฏิบัติต่อคนที่รักเท่านั้น ดูเหมือนว่าเว่ยอู๋จี้จะไม่สนใจ เพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆ มองดูฉากนี้ด้วยรอยยิ้ม
มู่ชิงอีมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เท้าแขนพลางถอนหายใจ ที่แท้เรื่องก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากเพียงแค่หลิงซูมีความปรารถนาต่อเว่ยอู๋จี้เพียงฝ่ายเดียว สามารถพิสูจน์ได้ว่าเว่ยอู๋จี้กับหลิงซูคงจะรู้จักกันมานานแล้ว ซ้ำความสัมพันธ์ก็ไม่ธรรมดาเลย ตอนนี้หลิงซูเปิดเผยตัวตนว่าเป็นคนของเว่ยอู๋จี้ เมื่อนึกถึงท่าทีของนางที่มีต่อเชียนหลิงก่อนหน้านี้ นั่นไม่ใช่ความอิจฉาธรรมดาทั่วไป แต่เหมือนสตรีเรือนหลังที่แก่งแย่งชิงความโปรดปรานกันอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของมู่ชิงอีที่กำลังสำรวจตัวเอง เว่ยอู๋จี้ก็หันกลับมายิ้มอย่างสบายๆ “จู่ๆ คุณชายกู้ก็รู้สึกว่าข้ารูปร่างงดงามไร้ที่ติขึ้นมาอย่างนั้นหรือ”
มู่ชิงอียิ้มพลางเอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้ารู้สึกมาเสมอว่าคุณชายเว่ยรูปร่างงดงามไร้ที่ติ”
เว่ยอู่จี้เหลือบมองหรงจิ่น ท่าทางเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ…”
ฉึก! มีบางอย่างลอยผ่านใบหน้าอันหล่อเหลาของเว่ยอู๋จี้ไป ตะเกียงน้ำมันที่อยู่ด้านหลังหล่นลงบนพื้น หรงจิ่นที่เดิมทีหลับตาพักผ่อนอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น สายตาเฉยเมยราวกับสายน้ำเย็นไร้คลื่นในฤดูใบไม้ร่วงก็มิปาน
เว่ยอู๋จี้ยิ้มเหยเก ส่ายหน้าแล้วไม่หันไปมองมู่ชิงอีกับหรงจิ่นอีก
อีกด้านหนึ่ง หลิงซูยังคงพูดคุยกับมู่หรงอวี้ “เจ้าสำนักหลังจากที่ตวนอ๋องรู้ว่าท่านทำงานผิดพลาดก็โกรธเป็นอย่างมาก จะว่าไปแล้วการคุ้มกันของที่ว่าการเฟิ่งเทียนนั้นแข็งแกร่งมาก ได้ยินว่าตวนอ๋องได้ส่งนักฆ่ามาหลายกลุ่มแล้ว ปรากฏว่าแม้แต่หน้าประตูก็บุกเข้ามาไม่ได้ แต่ตอนนี้เจ้าสำนักไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะตวนอ๋องได้ยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจคนอื่นแล้ว จับคนที่วางยาจวงอ๋องได้แล้ว ก็คือ…คนสนิทข้างกายของเจ้าสำนักนั่นเอง”
มู่หรงอวี้หน้าซีดเผือด ในที่สุดเขาก็รู้ว่าสถานการณ์จริงๆ มีแนวโน้มไปทางไหน ไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้อีกแล้ว ต่างจากตอนที่อยู่แคว้นหวา ตอนนี้เขาไม่มีค่าที่จะให้ผู้อื่นหลอกด้วยซ้ำ นอกเสียจาก…กล่าวโทษตวนอ๋อง แต่ถึงกระนั้นการวางยาพิษองค์ชายก็ทำให้เขายากที่จะหนีพ้นจากความตายได้