Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว – บทที่ 25 ยืมคนสอนแรป

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 25 ยืมคนสอนแรป

บทที่ 25 ยืมคนสอนแรป

ทั้งสองนั่งลงในที่นั่งของตัวเองในวินาทีสุดท้ายก่อนเริ่มถ่ายทอดสด

ฮันเอินจีกำลังพูดคุยกับผู้เข้าแข่งขันตามสคริปต์ แต่เมื่อเธอเห็นซูโย่วอี๋จูงมือเฉินซีซีวิ่งเข้ามาในสตูดิโอ รอบยิ้มของเธอก็หายไปทันที

“ทุกคนคะ ภารกิจแรกในการประเมินของคุณคือการประเมินเพลงธีม นี่คือเพลงธีมที่ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยเหล่าอาจารย์ เชิญฟังได้เลยค่ะ”

‘วัยรุ่นท้าฝัน’ เริ่มฉายบนจอ ขับร้องโดยจงลี่และแจ็ค แต่งโดยซือเฉิน และออกแบบท่าเต้นโดยฮันเอินจี

เป็นเพลงที่ดุดัน การเต้นก็ทรงพลัง เนื้อร้องเสียงแหลมสูง แต่จากมุมมองของซูโย่วอี๋ การใส่ท่อนแรปลงไปกลางเพลงถือเป็นเรื่องยากมาก เป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับคนที่ไม่เคยร้องแรปมาก่อนอย่างเธอ

“การประเมินนี้เป็นการแข่งขันส่วนบุคคล เป็นการประเมินที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการร้อง การเต้น และการแรป การฝึกจะใช้เวลาสามวัน หลังจากสามวันในสตูดิโอนี้แล้ว เราจะให้คะแนนการฝึกของคุณ โปรดทราบว่าไม่มีดนตรีประกอบ”

“ความสมบูรณ์ของการเต้นเป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุด”

ซูโย่วอี๋ที่ร้องเพลงได้เพียงอย่างเดียว ไม่มีข้อได้เปรียบใด ๆ ในการประเมินนี้

“ผลของการประเมินนี้จะกำหนดตำแหน่งของคุณบนเวทีและความยาวของแอร์ไทม์ระหว่างการถ่ายทำเพลงธีม สำหรับเพลงธีมมีความยาวทั้งหมดห้านาที คนที่ได้อันดับหนึ่งจะมีสิทธิ์พิเศษในการได้แอร์ไทม์ในวิดีโอหนึ่งนาที และที่เหลือจะลดลงตามลำดับ ยี่สิบคนแรกในการจัดอันดับจะร่วมร้องเพลงธีมนี้ ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่เหลือสามารถแสดงบนเวทีได้ในฐานะนักเต้นสำรองเท่านั้น ไม่สามารถร่วมร้องเพลงได้”

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ยี่สิบอันดับแรกจะถูกเรียกว่า ‘กลุ่มแอร์ไทม์’ ซึ่งพวกเขาจะเป็นตัวหลักในวิดีโอเพลงธีม

“ในขณะเดียวกัน หลังจากการประเมินครั้งแรกแล้ว เราจะแบ่งเกรดอีกครั้ง ตอนนี้พวกคุณสามารถแยกย้ายไปตามคลาสได้เลยค่ะ”

บรรยากาศตึงเครียดอยู่ครู่หนึ่ง

[เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดได้รวมเป็นหนึ่งแล้ว]

[แบบนี้ดูยุติธรรมกว่า]

[ผู้นำในการสับเปลี่ยนอันดับ]

[พี่สาวผู้ทรงอำนาจ โจวชงชง]

[คลาส E สู้ ๆ พลิกชะตาให้ได้]

เฉินซีซีหิวมากจนหน้าซีดเซียว “พี่สาว ฉันไม่มีแรงจะฝึกแล้ว ทำไมพี่ไม่ไปกินข้าวกับฉันที่โรงอาหารล่ะ”

จู่ ๆ พี่ตากล้องพูดขึ้นว่า “ตอนนี้โรงอาหารปิดแล้ว”

[ฮ่า ๆ กระต่ายขาวตัวน้อยน่าสงสารจัง ไม่มีเวลากินข้าวเช้าเหรอ]

[มาที่บ้านป้าของฉันสิ แล้วฉันจะจัดงานเลี้ยงให้เธอเอง]

[ฉันยินดีทำสัญญาทำมื้อเช้าให้เธอตลอดชีวิต]

[พี่ตากล้อง ซื้ออาหารเช้าให้เธอเดี๋ยวนี้]

ยังมีอาหารและไข่เหลืออยู่ในหอพัก ซูโย่วอี๋สามารถกลับไปทำอาหารให้เฉินซีซีได้ แต่เธอคิดว่าเด็กคนนี้จะเคยตัวเกินไป เธอต้องจัดการปัญหาเรื่องการนอนหลับของเฉินซีซีให้ได้เสียก่อน ดังนั้นเธอจึงเย็นชาและไม่สนใจเธอ

จงลี่ได้เริ่มสอนที่ห้องฝึกอบรมของคลาส B

ตามที่ฮันเอินจีกล่าว ทีมงานไม่ได้บังคับพวกเธอ และการจะเข้าฝึกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ดังนั้นไม่ว่าทุกคนจะมาถึงหรือไม่ก็ตาม ผู้สอนจะเริ่มชั้นเรียนเมื่อพวกเขามาถึง

แต่ว่า… จงลี่ไม่ควรสอนอยู่คลาส A เหรอ

ซูโย่วอี๋พาเฉินซีซีไปนั่งลงที่หลังห้อง การสอนของจงลี่เข้มงวดมากแม้ว่าพื้นฐานเด็กฝึกในคลาส B จะดีอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังสอนพวกเธอทีละประโยคและอธิบายประเด็นหลักและความยากของการร้องเพลง

ซึ่งเข้าใจง่ายมาก

“ไม่ต้องพูดมากแล้ว ลุกขึ้นมาร้องทีละคนเลย”

หลังจากที่จงลี่พูดแล้ว สาว ๆ ก็มองไปที่ซูโย่วอี๋ เพราะความโปรดปรานของจงลี่ที่มีต่อซูโย่วอี๋นั้นชัดเจนสำหรับทุกคน

จงลี่ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นคุณเริ่มเป็นคนแรก”

เฉินซีซีมองพี่สาวอย่างให้กำลังใจ

การแสดงออกของซูโย่วอี๋แปลกมาก ๆ สำหรับคนที่ดูอยู่

ตอนที่เธอร้องเพลง ‘พัวพัน’ ก่อนหน้านี้ เธอก็แค่ดูเนื้อเพลงและร้องเพลงทันที

และในตอนนี้ เธอลุกขึ้นยืนและจำเนื้อเพลงที่เธอได้ฟังในสตูดิโอได้ทันที และปากของเธอก็ร้องได้เร็วกว่าสมอง

น้ำเสียงที่ไร้ที่ติ

การควบคุมจังหวะ การควบคุมลมหายใจ และการเชื่อมต่อเสียงสูงต่ำเป็นธรรมชาติมาก

เจ็ดสาวที่เหลือมองไปที่ซูโย่วอี๋ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูสัตว์ประหลาด เพลงนี้เป็นเพลงธีมรายการที่ผู้สอนทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อการคัดเลือกศิลปิน มันยังไม่เคยเปิดตัวมาก่อน หรือก็คือซูโย่วอี๋ฟังมันเพียงครั้งเดียวก็แสดงมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

[ว้าว]

[การร้องเพลงของซูโย่วอี๋นั้นยอดเยี่ยมมาก]

[เธอเพิ่งได้ฟังมันเมื่อกี้ มันยากมากเลยนะ ขนาดฉันยังร้องเพลงที่ฟังมาสี่ปีไม่ได้เลย]

[ฉันชอบเสียงแบบนี้ มันดูหรูหรามาก]

ซูโย่วอี๋ร้องเพลงจนกระทั่งถึงท่อนแรป เมื่อถึงท่อนแรปเธอดูเหมือนเด็กที่อ่านตำราเรียนภาษาจีน ซูโย่วอี๋มองจงลี่ด้วยความไม่มั่นใจ ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

การแสดงของซูโย่วอี๋เกินความคาดหมายของจงลี่มาก

ส่วนเฉินซีซียกนิ้วโป้งขึ้น

หลังจากนั้นทุกคนก็ร้องเพลง แต่ส่วนใหญ่ไม่สามารถร้องได้ทั้งหมด จงลี่ก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการร้องเพลงของทุกคนเป็นรายบุคคล

หลังจากการสอน จงลี่ก็ออกไปจากห้องฝึก เวลาที่เหลือก็เป็นช่วงเเวลาว่างของทุกคน อาจารย์มาแค่ช่วงเช้าเพื่อสอนและให้คำแนะนำ เป็นเวลาสองชั่วโมง

ตอนนี้ไม่มีอาจารย์อยู่ ทำให้สาว ๆ คุยกันแบบสบาย ๆ

“ซูโย่วอี๋ เธอเป็นมนุษย์หรือเปล่า ความสามารถของคุณฆ่าพวกเราได้เลยนะ”

“เธอคงต้องเรียนร้องเพลงมาตั้งแต่เกิดแน่”

ซูโย่วอี๋ที่สืบทอดมรดกของหลินลี่ ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอน่าจะเรียนร้องเพลงตั้งแต่เมื่อร้อยปีที่แล้ว

“โห ยากจัง”

“ใครสามารถแรปได้บ้างไหม?”

หลังจากสอบถามทั้งแปดคน แต่ไม่มีใครสามารถแรปได้!

เธอจึงเรียนรู้การแรปจากคนในชั้นเรียนไม่ได้

เฉินซีซีก็แรปไม่ได้เช่นกัน เธอทำเพียงแค่นั่งขัดสมาธิบนพื้น มือของเธอวางไว้ที่หน้าผาก “ทำไมเราไม่ให้พวกเขายืมพี่สาวของฉันไปสอนร้องเพลง แล้วให้พวกเขามาสอนแรปพวกเราล่ะ”

ส่วนเด็กสาวอีกหกคนตาเป็นประกายและพูดว่า “เป็นความคิดที่ดี”

ซูโย่วอี๋ไม่แม้แต่จะถามจงลี่เกี่ยวกับการร้องเพลงของเธอ ซึ่งหมายความว่าทักษะของเธอนั้นสูงมากจริง ๆ

ซูโย่วอี๋รีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ ๆ ฉันทำได้แค่ร้องเพลง สอนใครไม่ได้หรอก”

หลินเจี้ยนที่อยู่ห้องตรงข้ามโบกมือให้เธอ “เธอก็ถ่อมตัวเกินไป เราควรขอให้ใครสักคนสอนการแรปให้เรานะ”

จากการแสดงรอบแรก มีผู้แข่งขันสามคนที่เก่งเรื่องการแรปมาก สองคนจากคลาส A และอีกหนึ่งคนจากคลาส C

หลังจากการหารือ พวกเขาได้ข้อสรุปว่าคนจากคลาส A นั้นแข็งแกร่งเกินไป โดยเฉพาะอวี๋ชิงจ้าว การแรปและการร้องเพลงของเธอเก่งมาก แต่เธอคงไม่อยากสอนใคร

สำหรับฉูรั่วฮวน ทุกคนรู้ดีว่าเธอมีปัญหากับซูโย่วอี๋ ก็ถูกตัดออกไปเช่นกัน

“งั้นไปคลาส C กันเถอะ”

หลินเจี้ยนเข้ากับคนง่าย และคุ้นเคยกับทุกคน เธออาสาจะไปหาคนจากคลาส C “ถ้าเธอรับปาก ฉันจะให้เธอมาสอนแรปพวกเราในตอนบ่ายนะ”

เธอรีบไปทันที

อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาอาหาร เฉินซีซีจึงหันไปพูดกับซูโย่วอี๋ว่า “พี่สาว เราไปกินข้าวกันตอนนี้ได้ไหม ฉันหิวจนเวียนหัวแล้ว”

ซูโย่วอี๋วางเนื้อเพลงลงและมองไปที่ทีมงาน “เรากินตอนนี้ได้ไหม”

ทีมงานตอบอย่างมั่นใจ “ไม่ได้”

“มีของว่างอยู่ในหอพัก ทำไมไม่กลับไปกินก่อนล่ะ”

เฉินซีซีมองเธออย่างไม่สบอารมณ์และพูดว่า “ไม่ ฉันแค่อยากกินข้าวตอนนี้ ฉันไม่อยากกินอย่างอื่นแล้ว”

นี่ไม่ใช่การบังคับให้เธอทำอาหารหรอกเหรอ?

เธอยืนขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ไปกันเถอะ ฉันจะทำอาหารให้เธอเอง”

เฉินซีซีกอดต้นขาของซูโย่วอี๋ด้วยดวงตาเป็นประกาย

“จริงเหรอคะ พี่ใจดีจังเลย”

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

Status: Ongoing
ซูโย๋วอี่เพิ่งถูกสามีที่เป็นทั้งชีวิตนอกใจ แต่แล้วกลับมีระบบสุดยอดเทพธิดาปรากฏขึ้นตรงหน้า แถมบอกอีกว่าเธอจะต้องกลายเป็นดาราสุดฮอตได้แน่!‘ซูโย๋วอี่’ สาวอ้วนหนักกว่าแปดสิบแปดกิโลกรัม ถูกสามีที่เป็นทั้งชีวิตนอกใจ แต่เมื่อเธออับจนหนทางกลับมีระบบสุดยอดเทพธิดาปรากฎขึ้นตรงหน้า แถมบอกว่าเธอต้องสวยขึ้นแล้วกลับไปแก้แค้นสามีที่กล้านอกใจ ด้วยเส้นทางสู่ดาราสุดฮอตเบอร์ต้นของประเทศ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท