บทที่ 29 สนใจเด็กฝึกคนหนึ่งอยู่
บทที่ 29 สนใจเด็กฝึกคนหนึ่งอยู่
เมื่อทั้งสองเดินออกจากห้องสตรีม ก็พบว่าไม่มีใครออกมาจากห้องสตรีมสักคน เฉินซีซีจึงถามขึ้นอย่างสับสน “พี่สาว มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
ซูโย่วอี๋ดูนาฬิกา นี่ก็เกือบจะ 21.00 น. แล้ว “ไม่มีปัญหาหรอก ไปกันเถอะ พวกเขาอาจกลับกันหมดแล้วก็ได้”
เธอต้องรีบกลับไปที่หอพักและออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักอีกสองชั่วโมงที่เหลือให้เสร็จ
เวลากำลังจะหมด…
หลังจากกลับมาที่หอพัก เธอมองไปที่เฉินซีซีด้วยรอยยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “เริ่มกันเลย”
“เริ่มอะไรคะ”
“จัดเตียงไง ฉันไม่รู้ว่าเมื่อคืนเธอหลับไปได้ยังไง”
เด็กสาวที่บอบบางนอนในสภาพเตียงแบบนั้นได้ยังไง?
เฉินซีซีหน้ามุ่ย “ก็ได้ค่ะ”
เธอหยิบผ้าปูที่นอนและปลอกผ้านวมออกมาอย่างไม่เต็มใจ แล้วนั่งลงข้าง ๆ
เฉินซีซีสวมผ้าปูที่นอนที่มุมหนึ่งและก็อีกมุมหนึ่งในตำแหน่งที่ตรงกัน จากนั้นเธอปีนขึ้นไปบนเตียงเพื่อรีดผ้าให้เรียบ แต่ยังมีผ้าอีกหลายผืนรอเธออยู่
เด็กสาวลุกจากเตียงและดึงผ้าปูที่นอนไปใส่อีกมุม แต่เมื่อเธอดึงอีกด้าน ผ้าปูที่นอนที่ใส่ไปแล้วในมุมอื่นก็หลุดออก เด็กสาวชะงักค้างแล้วมองอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งทำให้ซูโย่วอี๋เจ็บปวดหัวใจมาก
“ลงมา ฉันจะทำให้ดู เธอคอยดูให้ดีนะ”
เฉินซีซีพยักหน้าอย่างหดหู่ “ค่ะ”
เธอหยิบผ้าปูที่นอนขึ้นมาและสะบัดสองสามครั้ง แล้วกางมันลงบนเตียง เธอปรับตำแหน่งของผ้าปูเล็กน้อยและใส่มันลงไปที่มุมทั้งสี่ ก็ได้เป็นผ้าปูที่นอนเรียบอย่างกับโรงแรมห้าดาว ไม่มีแม้แต่รอยยับ
เฉินซีซีอ้าปากกว้าง “พี่สาว พี่สุดยอดมาก”
“ไม่ใช่ว่าฉันสุดยอด แต่เป็นเธอต่างหากที่ไม่มีความสามารถ เอาล่ะ ถึงตาเธอแล้ว” ซูโย่วอี๋พูดอย่างไม่ไว้หน้า
จากนั้น เฉินซีซีก็สลัดผ้านวมออกแล้วจัดใหม่ เพียงสองหรือสามครั้งเธอก็ทำให้มันดูดีขึ้น
แม้ว่าจะไม่ดูดีเท่าซูโย่วอี๋ แต่อย่างน้อยก็มีการพัฒนา
[รางวัลระบบ: ขอแสดงความยินดีกับซู่จู่ที่สอนเฉินซีซีจัดเตียงสำเร็จ ได้รับรางวัลเป็นการ์ดคัดลอกทักษะ]
เฉินซีซีมองซูโย่วอี๋อย่างรอคอยคำชม “พอใช้ได้ไหมคะ พี่สาว”
ซูโย่วอี๋พูดอย่างอารมณ์ดี “เอาล่ะ เธอทำได้ดีมาก ไปพักผ่อนเถอะ ฉันมีเรื่องต้องจัดการก่อน”
ในที่สุดเฉินซีซีก็มีเวลาอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มโปรดแล้ว
ในอาคารหอพักที่เงียบสงัดและไร้การเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครกลับมาที่หอพักเลยนอกจากเธอและเฉินซีซี
แสงจันทร์สาดส่อง เธอเดินไปตามไหล่เขาเพียงลำพัง แต่มีไฟถนนส่องสว่างเป็นครั้งคราวดังนั้นเธอจึงไม่กลัว
ในไม่ช้าเธอก็มาถึงในป่า ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เธอทำหลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เธอจะออกกำลังกายสองชั่วโมงที่เหลือในป่าทุกวัน
หลังจากเดินวนไปวนมาสองสามรอบ เธอก็เลือกที่นั่งเหมาะ ๆ และนั่งไขว่ห้าง และจิตวิญญาณของเธอก็เข้าไปในพื้นที่ของระบบ ในตอนแรกเธอไม่มีเวลาตรวจสอบการ์ดคัดลอกทักษะที่เธอเพิ่งได้รับ แต่ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว
[การ์ดคัดลอกทักษะ]
[คุณสามารถคัดลอกทักษะของผู้อื่นได้ 100% แต่การ์ดใบนี้ไม่สามารถใช้เปล่า ๆ ได้ คุณต้องคัดลอกแบบตัวต่อตัวเท่านั้น]
[สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ: การคัดลอกทักษะเป็นการสุ่ม และอาจไม่สามารถคัดลอกทักษะที่คุณต้องการได้]
ซูโย่วอี๋ทำหน้าแปลกใจ อันที่จริง ฟังก์ชันนี้คล้ายกับการจับสลาก แต่การ์ดทักษะถูกกำกับไว้เพื่อค้นหาคนที่จะดึงทักษะออกมา
การประเมินบทเพลงในครั้งนี้ ปัญหาที่เธอพบคือการร้องแรปและการเต้น ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ เธอทำได้ไม่ดี
แต่เธอมีการ์ดเพียงใบเดียวและไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะได้รับทักษะที่เธอต้องการ
หากมีการ์ดเพียงใบเดียว โอกาสที่จะไม่ได้ทักษะที่ต้องการก็มากขึ้น
ในขณะนี้ ระบบก็ส่งเสียงเตือนทันที
[แจ้งเตือนความชอบ: ความชอบของเฉินซีซีสำหรับคุณคือ +2 และความชอบในปัจจุบันคือ 90 ขอแสดงความยินดีกับซู่จู่ที่ทำภารกิจเก็บแฟนคลับสำเร็จ ได้รับรางวัลเป็นการ์ดคัดลอกทักษะ]
‘อะไรนะ?’
ไม่ทันได้ตั้งตัว
ทำไมเฉินซีซีถึงชอบเธอมากขึ้น? เพราะสอนเธอทำงานบ้าน?
การ์ดคัดลอกทักษะปรากฏขึ้นในพื้นที่รายการทันที มันเป็นสีดำล้วนมีลวดลายสีทอง ทำให้ดูมีระดับมาก
เฉินซีซีเป็นแฟนคลับของเธอ เธอตัดสินใจทำอาหารมื้อใหญ่ให้เฉินซีซีหลังจากสอบร้องเพลงธีมรายการเสร็จ
หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้วเธอก็เข้าไปในพื้นที่ฮอโลแกรมทันทีและเริ่มออกกำลังกาย
ณ ห้องหนังสือ บ้านพักบนยอดเขา
‘22 วันปั้นดาว’ หัวหน้าผู้กำกับของการถ่ายทำวาไรตี้ จ้าวเว่ยเฉิง กำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานพร้อมกับกองเอกสารในมือ
“ประธานลู่การวิเคราะห์ข้อมูลของการถ่ายทำวันแรกเสร็จสิ้นแล้ว นี่ครับ”
ลู่เฉินหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านทีละแผ่น เขาอ่านรายงานการวิเคราะห์ทั้งหมดเสร็จภายในเวลาไม่ถึงสองนาที แล้วใช้นิ้วเคาะโต๊ะโดยไม่รู้ตัว เขาพูดว่า “บอกความคิดเห็นของคุณมาหน่อยสิ”
จ้าวเว่ยเฉิงเป็นผู้ผลิตรายการวาไรตี้มือฉมัง ผู้คุ้นเคยกับจิตวิทยาของผู้ชมและเชี่ยวชาญในการสร้างรายการวาไรตี้สุดร้อนแรงที่ดึงดูดความสนใจผู้คน การมีเขาอยู่ถือได้ว่าเป็นการรับประกันเรตติ้งรายการ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบว่า “ปัจจุบัน หมายเลข 24 อวี๋ชิงจ้าว เป็นที่นิยมมากที่สุด เธอเคยเป็นเด็กฝึกของฉีเล่ยเอนเทอร์เทนเมนต์ และความสามารถของเธอก็สูงมาก เธอมีกลุ่มแฟนตัวยง และในห้องสตรีมคืนนี้ เธอมีจำนวนผู้ชมสูงสุดและเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีผู้ชมเกือบล้านคน”
อืม… เธอเปรียบได้กับดาราดังคนหนึ่ง
“ทำไมฉีเล่ยเอนเทอร์เทนเมนต์ไม่เซ็นสัญญากับเธอ” เขาถามพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น
ศิลปินที่โดดเด่นเช่นนี้เทียบเท่ากับ ต้นเงินต้นทองของบริษัท ไม่มีเหตุผลใดที่ ฉีเล่ยฉีเล่ยเอนเทอร์เทนเมนต์จะไม่สนับสนุนเธอ
จ้าวเว่ยเฉิงรายงานตามความเป็นจริงว่า “เห็นว่าในตอนนั้นเดบิวต์ได้เพียงคนเดียว และผู้เข้าชิงอีกคนคือ…ฮันเอินจี”
พอได้ยินอย่างนั้นก็ชัดเจนแล้ว
หากใครสักคนอยากจะเดบิวต์ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคอนเน็กชัน ภูมิหลัง และโชคด้วย
ซึ่งเธอก็โชคร้ายที่ได้พบกับฮันเอินจี
“แล้วคนอื่นล่ะ?”
“ความสามารถของทั้งห้าคนในคลาส A นั้นดีมาก ฉูรั่วฮวนเป็นคนที่โดดเด่น เช่นเดียวกับอวี๋ชิงจ้าว เธอเก่งรอบด้าน แต่เมื่อเทียบกันด้วยรูปลักษณ์แล้วเธอดูอ่อนกว่าเล็กน้อย”
“ในคลาส B เฉินซีซีก็เก่ง เธอยังเด็กและเป็นคนที่พัฒนาต่อได้ และยังมีสไตล์ที่โดดเด่น ซูโย่วอี๋เองก็ร้องเพลงเก่ง ส่วนหลินเจี้ยนก็เป็นคนตรงไปตรงมาและน่าสนใจ”
ซูโย่วอี๋ไม่เพียงแต่ร้องเพลงเก่งอย่างที่จ้าวเว่ยเฉิงพูดเท่านั้น หากแต่เขาจงใจทำให้หมายเลข 23 ดูจืดจางลง และทำเหมือนว่าเธอไม่สำคัญ แต่กลับให้ความสนใจไปที่เฉินซีซีเป็นพิเศษ
ดวงตาของเขาหรี่ลง
จากนั้น ตามการจัดอันดับ รายการจัดอันดับจากการโหวต และข้อมูลอื่น ๆ จ้าวเว่ยเฉิงก็ได้วิเคราะห์ทีละรายการ “ในขั้นตอนการถ่ายทำต่อไป ผมขอแนะนำให้เน้นไปที่สิบอันดับแรก เพื่อเพิ่มความประทับใจของผู้ชม และเพิ่มความภักดีของแฟน ๆ”
แสงในห้องเป็นสีขาวนวล ราวกับเป็นความเย็นในฤดูร้อน
ลู่เฉินไม่ตอบสนองต่อคำแนะนำของจ้าวเว่ยเฉิงแต่อย่างใด
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เฉินก็พูดขึ้นช้า ๆ ว่า “ให้โอกาสคนที่อยู่อันดับต่ำ ๆ ให้มากขึ้น นี่แค่วันที่สองของการถ่ายทำ ยังมีตัวแปรมากเกินไป อย่าปล่อยให้ตัวตนทุกคนถูกลบเร็วไปนัก”
“คุณไม่จำเป็นต้องโฟกัสมากถึงสิบ คุณสามารถจำกัดให้เหลือห้า แต่คนคนนั้นต้องสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ด้วยตัวเอง”
จ้าวเว่ยเฉิงพยักหน้าและพูดว่า “ตกลงครับ งั้นผมขอตัวก่อน”
“แล้วผมก็สนใจเด็กฝึกคนหนึ่งอยู่ด้วย”
จ้าวเว่ยเฉิงหยุดชะงัก “ใครครับ”
“หมายเลข 23 ซูโย่วอี๋”