บทที่ 100 ดังระดับประเทศและไปถึงระดับโลกเลย
บทที่ 100 ดังระดับประเทศและไปถึงระดับโลกเลย
“แม่คะ หนูเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของแม่ ถ้าแม่ไม่ขอความช่วยเหลือจากลุง แม่อยากเห็นหนูตาย เหมือนตอนนั้นที่แม่ทำให้คุณยายตายงั้นเหรอ และตอนนี้แม่ยังต้องการบังคับหนูให้ต้องติดคุก แล้วคนอื่นจะว่าอย่างไร? เคยคิดถึงหนูบ้างไหม ถ้าหนูติดคุกอนาคตหนูจะเป็นยังไง?”
ฉูรั่วฮวนมองไปยังคุณนายฉูด้วยดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
คุณนายฉูตกตะลึง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสาวของตนจะกล้าพูดอะไรแบบนั้น
เธอทำอะไรผิดไปถึงต้องถูกลงโทษมาตลอดหลายปี สามีของเธอก็นอกใจ และลูกของเธอก็ยังมาอกตัญญูอีก นี่อยากให้เธอตายไปหรือยังไง?
เธอจะได้มีความสุขเหมือนคนอื่นสักทีเมื่อตายไปสินะ
หญิงสาวเป็นคนขี้ขลาดมาทั้งชีวิต และครั้งเดียวที่เธอกล้าหาญคือตอนที่แต่งงานกับคนขี้ขลาดอย่างฉูเหวินต่ง
ดวงตาของคุณนายฉูหม่นแสง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดเสียงแหบแห้งว่า “ตกลง แม่จะขอร้องเขาให้”
ในเขตหัวซี
หลังอาหารเย็น ซูโย่วอี๋และซูหยินนอนบนโซฟาเพื่อพักผ่อน
“ที่รัก ฝีมือการทำอาหารของเธอดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ หลังจากนี้ฉันคงกินข้าวกล่องของทีมงานไม่ได้แล้วแน่เลย”
ซูหยินพูดพร้อมสัมผัสหน้าท้องแบนราบของตัวเอง “พูดเกินไปแล้ว”
ซูโย่วอี๋ไม่ได้ใช้ผงอาหารเลยสักนิด
“หยินหยิน เธอจะกลับไปทำงานเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้ฉันจะพักผ่อนหลังจากถ่ายเสร็จ”
เมื่อเช้านี้ผู้จัดการโทรมาหาเธอ บอกว่าเธอถูกยกเลิกละครโทรทัศน์ 2 เรื่อง ภาพยนตร์ 5 พรีเซนเตอร์และอีกหลายอย่าง
ซึ่งเป็นฝีมือของฮัวจิง
มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะทำอะไรแบบนี้ และตอนนี้มันก็ง่ายที่จะรังแกเธอ
‘คนใจร้าย!’
“ถ้าฉันไม่อยากทำงานในวงการบันเทิงแล้ว เธอจะยังเป็นเพื่อนฉันไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่กลัวความหึงหวงของเธอด้วย ฉันได้สัญญารับรองมูลค่าแปดล้าน แปดล้าน!”
ซูโย่วอี้รู้สึกภูมิใจมากที่ทำให้ซูหยินหัวเราะออกมา “ที่รัก เธอนี่สุดยอดจริง ๆ”
“หยินหยิน ฉันรอที่จะทำงานกับเธอในอนาคตนะ เราจะเป็นคู่พี่น้องสุดสวยของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ ที่จะดังระดับประเทศและไปถึงระดับโลกเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ” ซูหยินพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างจริงใจ
หายากที่พวกเธอสองคนจะมาพูดถึงความฝันในวัยเด็กอย่างนี้
มันทั้งเรียบง่ายและมีความสุข
ทั้งยังไร้กังวล
แต่ทันใดนั้น โทรศัพท์ของซูโย่วอี๋ก็ดังขึ้น มันเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก
เธอรับโทรศัพท์โดยไม่พูดอะไร
ในช่วงเวลานี้เธอได้รับความนิยมอย่างมาก นอกเหนือจากการได้รับการติดต่อจากบริษัทนายหน้าบ่อยครั้ง เธอยังได้รับการติดต่อจากนักธุรกิจทุกประเภท และยังมีแฟน ๆ ที่คลั่งไคล้โทรหา
ซูโย่วอี๋จึงกลัวการรับโทรศัพท์ไม่น้อย
“สวัสดี นี่คือสำนักงานใหญ่ของเมืองปักกิ่ง เราโทรมาแจ้งความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีการวางยาพิษของเฉินซีซี”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้เธอก็รู้สึกโล่งใจ “เป็นยังไงบ้างคะ?”
“โย่วโย… โอ้ ไม่ใช่สิ คุณซู ก่อนหน้านี้ได้มีบุคคลนิรนามส่งแฟลชไดรฟ์มาที่สถานีตำรวจซึ่งมีวิดีโอหลักฐานตอนที่ฉูรั่วฮวนวางยาพิษ และตอนนี้การสอบสวนคดีเสร็จสิ้นลงแล้ว คดีจะปิดได้ก็ต่อเมื่อศาลรับฟ้อง”
นอกจากนี้ยังถือเป็นคำอธิบายสำหรับเฉินซีซี
“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณค่ะ”
ตำรวจไม่ได้วางสาย “ผมโทรมาเพราะเรื่องคดี จากการสืบสวน เราพบคนที่ส่งพัสดุนี้มา เธอเป็นผู้เข้าแข่งขันในรายการวาไรตี้ของคุณด้วย ชื่อหลินเจี้ยน”
“เป็นเธอเองเหรอ?” ซูโย่วอี๋ถามขึ้นอย่างสับสน
“ใช่ คุณคงรู้ว่าต้องทำยังไง เธอสามารถหยุดคดีไม่ให้เกิดขึ้น แต่กลับปล่อยให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่”
จำได้ว่าหลังจากเกิดเรื่องในครั้งนั้นหลินเจี้ยนก็เงียบมาก ซูโย่วอี๋ค่อนข้างมั่นใจว่าหลินเจี้ยนไม่ได้หยุดฉูรั่วฮวนเพียงเพราะเธอต้องการให้มันเกิดขึ้น
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ฉูรั่วฮวนจะถูกลงโทษ!
สาเหตุอาจเป็นเพราะฉูรั่วฮวนเคยใส่ร้ายเธอตอนที่ไปทำจิตอาสาที่บ้านพักคนชรา
แต่เพียงเพื่อแก้แค้น เธอใช้เฉินซีซีเป็นเบี้ยในเกมนี้ โหดร้ายเกินไปแล้ว
ซูโย่วอี๋นิ่งเงียบ “ขอบคุณที่บอกฉัน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจหัวเราะและพูดว่า “คุณซู ตามกฎแล้ว ความคืบหน้าของคดีไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ คุณคงรู้ดี”
อย่าไปบอกใครสินะ…
เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ว่าซูโย่วอี๋และหลินเจี้ยนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นเขาจึงเตือนเธอ
หลังจากวางสาย ซูหยินสังเกตว่าสีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีนัก “มีอะไรงั้นเหรอ?”
“หลินเจี้ยนเห็นฉูรั่วฮวนวางยาพิษแต่ไม่ได้หยุดเธอ”
ซูโย่วอี๋ยังจำได้ดีว่าตอนแรกที่พวกเธออยู่ทีมเดียวกัน หลินเจี้ยนเป็นคนมีชีวิตชีวาและเข้ากับคนง่าย เธอจะวางมือบนไหล่ของซูโย่วอี๋ หยอกล้อเธอด้วยรอยยิ้ม และยังสอนเธอเต้น
แม้ว่าบุคลิกของเธอจะเปลี่ยนไป แต่หลินเจี้ยนก็มักจะชวนเฉินซีซีไปกินอาหารเย็นกับเธอเสมอ
พริบตาเดียว เธอสามารถเสียสละคู่หูที่ครั้งหนึ่งเคยลำบากมาด้วยกัน เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
เธอไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย “เธอทำอะไรอยู่ คิดปรัชญาชีวิตอยู่หรือไง ฉันไม่เคยชอบหลินเจี้ยนเลยเวลาดูรายการนี้”
เธอดีดหน้าผากของเพื่อนสาว “เธอแค่ต้องจำไว้ว่าฉันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของเธอ คนอื่นไม่สำคัญ ตกลงไหม?”
ซูโย่วอี๋ถูจมูกกับเธอแล้วพูดว่า “ฉันรู้แล้ว”
“เธอมีกลิ่นเหล้ากับและควันบุหรี่ติดตัว ไปอาบน้ำเถอะ มันเหม็นมาก”
ซูโย่วอี๋ทำท่าสูดจมูกและทำเป็นเหม็น เธอจึงรีบไปเข้าห้องน้ำ
ซูหยินเอียงศีรษะและยิ้มอย่างอารมณ์ดี “อยากอาบน้ำด้วยกันไหม?”
“ไม่”
เมื่อได้ยินเสียงน้ำดังมาจากห้องน้ำ ซูหยินก็ดูทีวีอย่างสบายใจ
จากนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อมองไปที่โทรศัพท์ของซูโย่วอี๋ ซูหยินก็ตอบปลายสายว่า “สวัสดี”
[ซูหยิน อยู่กับคุณไหม?]
เป็นเสียงของฮัวจิง!
ใบหน้าของซูหยินเย็นชาในทันทีเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นฮัวจิง
[ฮัวจิง ฉันไม่อยากให้เพื่อนฉันรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเรา แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคุณได้หมายเลขโทรศัพท์นี่มาจากไหน แต่อย่ามารบกวนเพื่อนของฉัน]
[งั้นก็บล็อกไปสิ] เสียงของฮัวจิงฟังดูไม่สบอารมณ์ ไม่เคยมีใครกล้าทำเช่นนี้กับเขามาก่อน
[ฉันคิดว่าเราตกลงกันตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว และไม่จำเป็นต้องติดต่อกันอีก]
[อีกอย่าง… คุณฮัว คุณเป็นคนยกเลิกงานทั้งหมดของฉันใช่ไหม]
อีกฝั่งของโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง [รู้ไหม ผมแค่อยากให้คุณยอม]
[อย่าอ้อมค้อม พูดมาตามตรง]
หากยังพูดยืดเยื้อ ซูโย่วอี๋จะอาบน้ำเสร็จก่อน
[มีคนขอให้ผมช่วยในคดีของเฉินซีซี]
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็เข้าใจเหตุผล
ฉูรั่วฮวนเป็นหลานสาวของเขา
แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
[ซูหยิน กลับมาหาผม ผมไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉูรั่วฮวน และผมก็ไม่สนใจด้วยว่าเธอจะเป็นยังไง]
[คุณฮัว มันไม่ใช่เรื่องของฉัน ไม่ว่าคุณจะสนใจฉูรั่วฮวนหรือไม่ก็ตาม]
[ผมคิดว่าคุณจะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเฉินซีซีซะอีก]
[ขอโทษนะ ฉันไม่ได้สนิทกับเธอขนาดนั้น แม่เธอตบหน้าโย่วอี๋ด้วยซ้ำ]
[คุณฮัว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะวางสาย และอย่าโทรหาเธออีก]
[คุณสนใจผู้หญิงที่ชื่อซูโย่วอี๋มากขนาดนั้นเลยเหรอ?]
ซูหยินกำโทรศัพท์แน่น [คุณหมายความว่าไง?]
[มันเป็นแค่คำถาม] ฮัวจิงตอบ
[ฮัวจิง ฉันขอเตือนคุณ อย่ายุ่งกับเธอ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยคุณไปแน่]
[โกรธเหรอ?]