บทที่ 114 ฉันสบายดี
บทที่ 114 ฉันสบายดี
แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนซูโย่วอี๋เป็นอย่างมาก
[ฉันอยากจะหัวเราะ พวกคุณรุมต่อว่าโย่วโย่วของเรา คุณก็ช่วยเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฮิลเบิร์ตก่อนได้ไหม]
[ใช่แล้ว พวกนักเลงคีย์บอร์ด คุณรู้ไหมว่าฮิลเบิร์ตคืออะไร?]
[เธอจะสามารถเข้าฮิลเบิร์ตได้ก็เพราะความสามารถ]
[โย่วโย่วของฉันยังไม่ได้เซ็นสัญญาเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์สักหน่อย!]
[ฮิลเบิร์ตนั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน หากคุณอยากรู้ก็ไปดูในโพสต์ของฉันได้เลย]
จากกระแสข่าวนี้ ไม่เพียงชื่อของซูโย่วอี๋ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนเท่านั้น แต่ฮิลเบิร์ตยังปรากฏตัวต่อสายตาของสาธารณชนอีกด้วย
อาคารสำนักงานเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์
ฮันเจ๋อหยางที่เพิ่งเสร็จสิ้นการถ่ายทำโฆษณาเครื่องประดับ กำลังกลับไปที่บริษัทพร้อมกับ สุ่ยเวย
ด้านเหอชิ่นยืนอยู่ที่ประตูท่าทางไม่สบายใจเล็กน้อยพลางโทรหาสุ่ยเวยแต่กลับถูกตัดสาย และเธอตอบกลับมาด้วยข้อความว่า เธอจะถึงบริษัทในอีก 10 นาที เหอชิ่นจึงรีบไปรอที่ประตู
เมื่อเห็นพวกเขามาถึง เธอรีบต้อนรับพวกเขาทันทีและพูดว่า “พี่เวย สวัสดีค่ะ”
สุ่ยเวยขมวดคิ้วและพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมดูเครียด ๆ”
“ตอนนี้ซูโย่วอี๋อยู่ในหมวดค้นหายอดนิยม เพราะบ่ายวันนี้เธอไปที่สำนักงานฮิลเบิร์ต และถูกถ่ายภาพได้โดยนักข่าว สื่อบอกว่าเธอจับปลาสองมือ และชาวเน็ตก็กำลังโต้เถียงกันอยู่”
แม้ว่าจะสับสน แต่คำพูดของหญิงสาวก็ตอบข้อสงสัยได้ทั้งหมด
ด้านฮันเจ๋อหยางที่ดูเหนื่อยจึงพูดว่า “บริษัทส่งศิลปินใหม่มาให้คุณดูแลหรือเปล่า?”
สุ่ยเวยพยักหน้าและพูดว่า “คุณลู่เรียกฉันไปคุยเป็นการส่วนตัว ฉันจึงปฏิเสธไม่ได้”
และลู่เฉินยังได้บอกกับเธออีกว่า ถ้าเธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรให้ซูโย่วอี๋ได้ให้ติดต่อเขาโดยตรง
“ฉันจะจัดการเรื่องนี้ก่อน คุณฮันคงเหนื่อยกับงาน คุณควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ”
ฮันเจ๋อหยางหันไปด้านข้างเพื่อหลีกทางให้สุ่ยเวย และทวนชื่อที่เขาเพิ่งได้ยินซ้ำ “ซูโย่วอี๋?”
……
สุ่ยเวยที่อยู่ในลิฟต์ ได้วิเคราะห์การค้นหายอดนิยมทั้งผลตอบรับที่ดีและเสียของซูโย่วอี๋
เหอชิ่นมองหน้าสุ่ยเวยแล้วพูดว่า “พี่เวย พี่ต้องการจัดการเรื่องนี้หรือเปล่า? มีชาวเน็ตมากกว่าครึ่งเลยนะที่ต่อว่าเธอ”
แต่เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์รู้ข้อตกลงในสัญญาอย่างชัดเจนว่าซูโย่วอี๋สามารถบอกเลิกสัญญาได้ทุกเมื่อหากเธอต้องการ
ไม่ต้องพูดถึงฮิลเบิร์ต เธอสามารถไปที่ไหนก็ได้ที่เธออยากไป
สุ่ยเวยปิดโทรศัพท์ “ไม่จำเป็น”
เธอกดลิฟต์ชั้นที่ 47 แล้วพูดว่า “ฉันจะไปรายงานคุณลู่ เธอไปก่อนเลย”
เหอชิ่นชะงักไปชั่วขณะ แต่เมื่อมองดูความเฉยเมยของสุ่ยเวย เธอจึงไม่พูดอะไร
จากมุมมองของเหอชิ่น การมองหาคนที่มีประสิทธิภาพนั้นยากมาก เธอไม่ต้องการให้ซูโย่วอี๋พังทลายเร็วเกินไป
ตำแหน่งของสุ่ยเวยในเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์นั้นไม่ได้ต่ำ ดังนั้นเธอจึงไปที่สำนักงานของประธานลู่ ซึ่งเลขาฯ ของเขาก็รีบเข้าไปแจ้งทันที
ลู่เฉินไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง “เรื่องซูโย่วอี๋หรือเปล่า?”
ท่านประธานรู้ได้โดยไม่ต้องใช้เวลาคิด สุ่ยเวยรู้ทันทีว่าเธอมาช้าเกินไป
“ใช่ แต่ดูเหมือนไม่จำเป็นอีกแล้ว”
ลู่เฉินลงนามในเอกสาร วางปากกาลงแล้วพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับมองหญิงสาวตรงหน้า “ฝ่ายติดตามความคิดเห็นของประชาชนได้รายงานสถานการณ์ให้ผมทราบแล้ว”
ตอนนี้เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ไม่มีข้อบ่งชี้ใด ๆ มันพิสูจน์ได้แล้วว่าแนวคิดของลู่เฉินเหมือนกับสุ่ยเวย คือพวกเขายังไม่สามารถจัดการอะไรได้ในตอนนี้
น้ำเสียงของเขาเบาแต่กดดัน “บอกผมสิคุณคิดยังไง”
“คุณสามารถใช้โอกาสนี้สร้างกระแสให้ซูโย่วอี๋ได้ อย่าปล่อยให้การประชาสัมพันธ์แบบฟรี ๆ เสียเปล่า”
มันสุดยอดมาก
“เมื่อความคิดเห็นสาธารณะเดือดถึงจุดสูงสุด บริษัทจะต้องออกมาชี้แจงแทนซูโย่วอี๋ และพิสูจน์ว่าการเข้าร่วมสอบคัดเลือกที่ฮิลเบิร์ตของเธอเป็นผลมาจากข้อตกลงร่วมกัน”
ลู่เฉินพูดขึ้น
“เวลาที่เหมาะสมที่สุดคือการแถลงข่าวในวันศุกร์”
สุ่ยเวยพูดติดตลกว่า “เป็นการดีที่สุด ถ้าคุณอธิบายด้วยตนเอง”
ในประโยคนี้ สุ่ยเวยไม่แน่ใจว่าลู่เฉินจะทำหรือไม่ ซึ่งเธอกำลังทดสอบความรู้สึกของเจ้านายที่มีต่อซูโย่วอี๋ต่างหาก
ในไม่ช้า ลู่เฉินก็ตอบออกไปทันทีว่า “ตกลง คุณจัดการได้เลย”
ได้ยินอย่างนั้น เธอก็หยุดชะงักไป
“รายงานฉบับแรกจะเริ่มเผยแพร่เมื่อเวลา 17:43 น. และการสนทนาออนไลน์เริ่มตั้งแต่เวลา 18:00 น. – 19:00 น. ตอนนี้…”
ลู่เฉินมองดูนาฬิกาของเขาและพูดว่า “นี่ 11:30 น. พอดี””
เวลาผ่านไปกว่าสามชั่วโมงครึ่ง
“สุ่ยเวย อย่าลืมสิว่าซูโย่วอี๋เป็นคนในความรับผิดชอบของคุณด้วย”
หัวใจของสุ่ยเวยถูกบีบรัด เธอจัดการเรื่องของซูโย่วอี๋ช้าเกินไป!
ก่อนหน้านี้ เธอยังดูถูกซูโย่วอี๋อยู่เลย แต่ตอนนี้เธอกลับไม่กล้า
“ฉันเข้าใจค่ะ”
สุ่ยเวยออกจากสำนักงานของท่านประธาน แต่แทนที่จะกลับบ้าน เธอไปที่ห้องทำงานของเหอชิ่น
“ในอนาคต เรื่องที่เกี่ยวข้องกับซูโย่วอี๋ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต้องรายงานฉันทันที ได้ยินไหม”
ใบหน้าของเธอเย็นชามาก
เหอชิ่นเห็นอย่างนั้นก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว “ได้ค่ะ พี่เวย”
เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ฉันก็รายงานไปแล้วนี่”
แต่เธอกล้าแค่นั้น ไม่กล้าพูดออกมาเสียงดัง “พี่เวย ประธานลู่ได้พูดอะไรหรือเปล่า?”
ดวงตาของสุ่ยเวยเย็นชาและเฉียบคม “อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงขอให้เธอเป็นผู้ช่วยของซูโย่วอี๋?”
เหอชิ่นไม่เข้าใจ
“ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเลือกคนผิด”
เขตหัวซี
ก่อนที่ซูโย่วอี๋จะมีเวลาล้างจานหลังจากทานอาหารเสร็จ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเป็นจำนวนมาก
เมื่อมีสายแรกเข้ามา ซูโย่วอี๋รู้สึกประหลาดใจมากที่ได้ยินเกี่ยวกับการค้นหายอดนิยม
พอวางสาย เธอก็เข้าอินเทอร์เน็ตทันที หลังจากอ่านจุดเริ่มต้นของข่าวนี้แล้ว เธอก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์อีกครั้ง
ในท้ายที่สุด ซูโย่วอี๋ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากสมาชิกในทีม
เมื่อเฉินซีซีโทรหาซูโย่วอี๋ เธอก็ตั้งสติได้แล้ว
“เกี่ยวกับฮิลเบิร์ตหรือเปล่า?”
เฉินซีซีรู้สึกประหลาดใจ [พี่สาว พี่รู้ทุกอย่างแล้วใช่ไหม?]
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็พูดกับตัวเองว่า [ใช่แล้ว ตอนนี้พี่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทของพี่ลู่จะต้องมีใครสักคนที่ต้องการเล่นงานพี่แน่ ๆ แต่ทำไมถึงไม่มีการแถลงข่าวเลยล่ะ]
ซูโย่วอี๋ก็ไม่รู้เหมือนกัน
[พี่คะ ความคิดเห็นพวกนั้น ถ้าไม่อยากเห็นก็ปิดไปเถอะ ไม่ต้องไปดู]
พอซูโย่วอี๋ได้ยินก็อดยิ้มไม่ได้ เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะอ่านความคิดเห็นของชาวเน็ตด้วยซ้ำ!
เธอแทบไม่ว่างรับโทรศัพท์เลยด้วย
“ฉันสบายดี ไม่ต้องกังวล แล้วเรื่องฉูรั่วฮวนล่ะเป็นไงบ้าง”
[ฟังจากพ่อพูด วันพิจารณาคดีมีกำหนดในอีกสองสัปดาห์ แต่หลักฐานทุกอย่างมีข้อสรุปหมดแล้ว เธอน่าจะถูกตัดสินจำคุกสามปีหรือมากกว่านั้น]
ซูโย่วอี๋เงียบไปครู่หนึ่ง เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะออกจากคุก และกลับเข้าสู่วงการบันเทิงได้อีกครั้ง
สมควรแล้ว…
[พี่สาว ฉันส่งของขวัญให้พี่เพื่อแสดงความยินดีที่พี่เซ็นสัญญากับเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ไปแล้ว พรุ่งนี้น่าจะถึง อย่าลืมเซ็นรับด้วยนะ]
แต่ซูโย่วอี๋ไม่สนใจ [อืม ขอบคุณมาก]
เธอวางสายโทรศัพท์และเข้าเวยป๋อเพื่ออ่านความคิดเห็นต่อทันที
บัญชีของเธอ ‘ซูโย่วอี๋’ มีเพียงโพสต์เดียวซึ่งเป็นรูปถ่ายของเธอและเฉินซีซี
เดิมทีโพสต์เวยป๋อนี้มีความคิดเห็นเพียง 30,000 ความคิดเห็น แต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นเป็น 100,000 แล้ว บางคนเข้ามาด่าเธอ บางคนเข้ามาปลอบโยนและให้กำลังใจ
ซูโย่วอี๋คิดอยู่ครู่หนึ่งและโพสต์รูปถ่ายของตัวเองพร้อมคำบรรยายว่า ‘ฉันสบายดี ขอบคุณที่เป็นห่วง’