บทที่ 132 ไม่กลับแล้ว
บทที่ 132 ไม่กลับแล้ว
ดูเหมือนว่าฮัวจิงจะไม่ได้สนใจท่าทีของเธอเลยสักนิด และยังคงพูดต่อ “ทำไมคุณซูถึงได้รับบาดเจ็บล่ะครับ?”
ซูโย่วอี๋อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้ตั้งใจถามขึ้น
ในเมื่อสามารถจำได้ว่านี้เธอคือใคร แสดงว่าเขาค่อนข้างสนใจในเรื่องของเธอประมาณหนึ่ง เรื่องที่เธอถูกรุมที่หน้าหมู่บ้านกลายเป็นการค้นหายอดนิยมไปแล้ว เธอจึงไม่เชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะไม่รู้
น้ำเสียงของซูโย่วอี๋เย็นชา “ถูกคนตีค่ะ”
“คุณซู คุณดูไม่ค่อยชอบผมเลยนะครับ” ดวงตาของฮัวจิงที่ซ่อนอยู่ภายใต้เส้นผมที่สยายออกเปล่งประกายแวววาว “ถ้าจำไม่ผิด วันนี้ควรจะเป็นวันแรกที่เราพบกัน”
“หรือว่า คุณเคยรู้จักผมผ่านจากคำพูดของคนอื่น?”
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจที่ฝ่ายชายพูดหมายความว่าอะไร เธอจะรู้จักเขาผ่านจากคำพูดของใครได้?
“ไม่นี่คะ คุณฮัว คุณคิดมากไปแล้ว ฉันไม่ค่อยสบายขอตัวกลับไปพักก่อนนะคะ”
ครั้งนี้ฮัวจิงไม่ได้ขวางเธอไว้ “ครับ ขอโทษจริง ๆ ที่รบกวนเวลาของคุณ”
ซูโย่วอี๋แอบกลอกตาอยู่ในใจ ดูท่าทางของเขาไม่เห็นเหมือนคนที่อยากจะขอโทษเลย
เมื่อกลับมาถึงห้องคนไข้ เธอก็รู้สึกกระวนกระวาย เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อถามลู่เฉินว่าตกลงเขาจะมาโรงพยาบาลหรือเปล่า แต่ก็กลัวว่าจะรบกวนการทำงานของเขา สุดท้ายเลยไม่ได้ถามไป
ส่วนสุนัขจิ้งจอกไม่เข้าใจในความลำบากใจของซู่จู่จึงถามขึ้น [อยากถามก็ถาม คบกันแล้วจะเกรงใจทำไม]
ซูโย่วอี๋ไม่มีอะไรจะพูดและเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง “การฝึกฝนในวันนี้ยังไม่เสร็จ ฉันไปฝึกสักพักดีกว่า”
ยังไงซะการฝึกฝนก็คือการฝึกท่ายืน ไม่มีผลกระทบอะไรกับการบาดเจ็บของร่างกายอยู่แล้ว
เวลาที่ฝึกฝนเสร็จก็คือสี่ทุ่มกว่า ซูโย่วอี๋ยืนจนเหงื่อออกท่วมตัว พอดีกับที่พยาบาลเข้ามาตรวจห้องคนไข้
พยาบาลที่มาตรวจดูบาดแผลและเห็นว่าเธอเหงื่อออกท่วมตัว ก็ถามอย่างสงสัย “คุณไปวิ่งมาเหรอคะ? ทำไมเหงื่อออกเยอะจัง”
ซูโย่วอี๋ทำได้เพียงยิ้ม ๆ “เพิ่งออกไปเดินเล่นมาค่ะ ฉันเป็นคนขี้ร้อน”
จากนั้นพยาบาลก็ช่วยเธอทำแผลจนเสร็จ “พยายามอย่าให้เหงื่อออกนะคะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่บาดแผล”
เมื่อนึกถึงผู้ชายที่บังเอิญเจอคนนั้น ซูโย่วอี๋ถามขึ้น “คุณรู้จักฮัวจิงคนนั้นไหมคะ?”
“แน่นอนค่ะ นั่นคือผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเราค่ะ”
ผู้อำนวยการอายุน้อยขนาดนี้เลยเหรอ?
“ให้พูดก็คือธุรกิจของครอบครัว แต่คุณอย่าดูถูกผู้อำนวยการฮัวนะคะ เพราะโรงพยาบาลเป๋าไป่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาจึงสามารถเติบโตได้ถึงขนาดนี้ และสามารถรักษาตำแหน่งผู้ที่มีอิทธิพลทางการแพทย์ในประเทศได้ ด้วยความสามารถมากมาย และความเป็นมิตรกับลูกน้อง ไม่ว่าใครในโรงพยาบาลต่างก็ชอบเขาค่ะ”
ซูโย่วอี๋หวนนึกถึงรูปลักษณ์ของผู้ชายคนเมื่อกี้ คงยากที่คนทั่วไปจะไม่ชอบ
ทันใดนั้น ลู่เฉินที่เดินเข้ามาได้ยินเสียงที่ดูตื่นเต้นของพยาบาล “คุยอะไรกันดูมีความสุขเชียว”
พยาบาลชำเลืองมองซูโย่วอี๋อย่างมีไหวพริบ ใบหน้าที่แสดงออกว่าฉันจะช่วยคุณเก็บเป็นความลับ “ไม่มีอะไรค่ะ ในเมื่อประธานลู่มาแล้ว งั้นฉันไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของคุณสองคนแล้วค่ะ”
ซูโย่วอี๋ไม่คาดคิดว่าเขาจะมาตอนนี้ สายตาของเธอจับจ้องไปยังเขา “ธุระเสร็จแล้วเหรอคะ?”
ลู่เฉินนั่งลงข้าง ๆ เตียงคนไข้ของเธอ “อืม”
เพื่อที่จะสามารถมาอยู่กับเธอได้ไวขึ้น ลู่เฉินรีบเร่งจัดการงานต่าง ๆ จนเสร็จ ทำให้ในตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย
“ครั้งต่อไปถ้าเหนื่อยก็แค่บอกฉันก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาหาฉันหรอก”
ลู่เฉินยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากของเธอ “ผมไหว”
สัมผัสใต้มือชื้น ๆ และลู่เฉินสังเกตเห็นอีกว่าใบหน้าของซูโย่วอี๋ดูแดง ๆ เสื้อผ้าบนร่างกายก็ชื้นไปด้วยเหงื่อ
เขาขมวดคิ้ว “แบบนี้จะเป็นหวัดได้นะ”
พูดจบลู่เฉินก็ไปหาพยาบาลแล้วถือชุดคนไข้สะอาด ๆ มา “เปลี่ยนซะ”
ส่วนซูโย่วอี๋ที่ได้กลิ่นบนร่างกายก็อยากจะอาบน้ำ แต่เพราะว่าร่างกายมีบาดแผลทำให้อาบน้ำไม่ได้ มากสุดก็ทำได้แค่เอาผ้าขนหนูมาเช็ดตัว
แต่เพราะลู่เฉินอยู่ เธอจึงไม่อาจพูดขึ้นได้ ทำได้แค่พยักหน้า “ดี งั้น… ผมไปข้างนอกสักครู่”
ลู่เฉินมองเธอโดยไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ
ซูโย่วอี๋จึงใช้โอกาสนี้กดปุ่มตรงหัวเตียงเพื่อเรียกพยาบาล
“รบกวนส่งคนมาช่วยฉันเช็ดตัวหน่อยค่ะ”
พยาบาลที่เพิ่งมาตรวจเมื่อครู่นี้เข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากเข้ามาแล้วเธอพูดกับซูโย่วอี๋ด้วยเสียงเบาๆ “ทำไมคะ ทะเลาะกันเหรอ?”
เมื่อกี้ ตอนที่เธอเข้ามาเธอเห็นลู่เฉินยืนอยู่ที่หน้าประตู แต่เขากลับไม่ได้เข้ามา
พูดไปแล้ว เป็นแฟนกัน เรื่องเช็ดตัวแค่นี้ไม่ใช่ให้แฟนทำจะเหมาะสมกว่าเหรอ?
ซูโย่วอี๋รู้สึกเขินอาย “ไม่ใช่ค่ะ ตอนนี้เขาอยู่ข้างนอกไหม?”
“อยู่ค่ะ เขายังมองฉันอยู่เลยตอนเข้ามา”
ใบหน้าของซูโย่วอี๋ร้อนขึ้น คนฉลาดอย่างลู่เฉินคงจะเดาได้ว่าเธอจะเรียกพยาบาลมาทำอะไร จึงไม่ได้ตามเข้ามาด้วย
พยาบาลนำน้ำมาช่วยเช็ดตัวให้เธออย่างระมัดระวังและเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเสร็จ “มีเรื่องอะไรเรียกฉันนะคะ”
หลังจากรอให้พยาบาลออกไปสักครู่ ลู่เฉินก็เข้ามาอีกครั้ง สีหน้าของชายหนุ่มเป็นปกติราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แค่ถามเธอว่าต้องการดื่มน้ำไหม
ซูโย่วอี๋ส่ายหน้า “คุณถือหรือเปล่าที่เมื่อกี้นี้ฉัน…”
ลู่เฉินมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าตอนนี้คุณยังไม่ยอมรับผมทั้งหมด ผมรอได้”
เขาดึงมือของเธอก่อนที่จะลูบมันอย่างแผ่วเบา มือของซูโย่วอี๋ไม่ได้บอบบางไปเสียทีเดียว ลูบไปแล้วก็พอมีส่วนที่ด้านอยู่แสดงให้เห็นว่าเธอทำงานหนักมาไม่น้อย
“โย่วอี๋ หลังจากนี้ไปคุณมองหน้าที่การงานของคุณยังไงบ้าง?”
หืม?
ซูโย่วอี๋มองลู่เฉินอย่างไม่เข้าใจ “คุณถามในฐานะแฟนหรือถามในฐานะเจ้านายคะ?”
ลู่เฉินยกมุมปากขึ้น “ก็ทั้งหมด ลองพูดมาสิ”
“ฉันยังอยากเป็นศิลปินต่อไป แม้ว่าจะยังไม่ได้เริ่มต้นอาชีพศิลปินอย่างเป็นทางการก็ต้องเจอเรื่องราวมากมาย แต่ฉันชอบอาชีพนี้มากจริง ๆ”
“หรือคุณไม่ชอบที่จะมีแฟนเป็นศิลปิน?”
มือของลู่เฉินหยุดชะงัก “ไม่มีทาง คุณชอบอะไรก็ทำไปเถอะ ผมไม่บังคับคุณหรอก”
“รอให้คุณหายดี ก็ให้สุ่ยเวยช่วยคุณเรื่องงาน คุณสามารถพูดความคิดหลาย ๆ อย่างกับเธอได้ ชอบทำอะไรไม่ชอบทำอะไร เธอจะดูแลคุณเอง”
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว “นี่คือสิทธิพิเศษของการเป็นแฟนของคุณหรือเปล่า?”
น้ำเสียงของลู่เฉินดูเอาอกเอาใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการมอบสิทธิพิเศษให้คุณ ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกทุกคนหรอก”
ซูโย่วอี๋ยังไม่รู้เรื่องที่ลู่เฉินป่าวประกาศลงไปในเวยป๋อ เลยถามอย่างงง ๆ “อะไรนะ?”
“ไม่มีอะไร อ้อ อีกอย่าง ที่ที่คุณอาศัยอยู่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว บริษัทจัดที่พักให้คุณแล้ว พรุ่งนี้ตอนกลับบ้านก็เก็บของจำเป็นที่ต้องใช้ และย้ายไปบ้านใหม่”
“นี่คือบริษัทจัดการแล้วหรือคุณจัดการให้ฉันแล้ว?”
ซูโย่วอี๋ไม่อยากให้เป็นเพราะว่าตัวเองเป็นแฟนของลู่เฉินแล้วเรื่องทุกอย่างจะถูกจัดการให้เป็นพิเศษ เพราะแบบนั้นอาจทำให้คนอื่นอิจฉาได้ง่าย ๆ
“ศิลปินในบริษัทก็มีสิทธิพิเศษแบบนี้”
ซูโย่วอี๋คิดแล้วก็รู้สึกลำบาก “จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องย้ายหรอกค่ะ วันนี้คนพวกนั้นถูกจับไปสถานีตำรวจหมดแล้วนี่”
ลู่เฉินยืนยันคำเดิม “ต้องย้าย”
“ผมไม่อยากให้คุณอาศัยอยู่ในที่ที่ผู้ชายคนอื่นสามารถไปหาได้”
ซูโย่วอี๋เต็มใจขึ้นมาในทันที “ตกลงค่ะ ฉันจะย้าย”
ไม่นานเธอก็เห็นว่าตอนนี้เป็นดึกมากแล้ว “คุณกลับไปพักเถอะ”
สายตาของลู่เฉินจ้องมองใบหน้าของซูโย่วอี๋สักพัก “ผมไม่กลับ คืนนี้จะอยู่ที่นี่กับคุณ”
ก่อนที่จะมาที่นี่เขาตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปนอน เพราะยังไงเขาก็เป็นคนรักความสะอาด คงจะหงุดหงิดเล็กน้อยหากต้องนอนเตียงอื่นที่ไม่ใช่เตียงของตัวเอง แต่หลังจากเห็นความไม่เต็มใจของซูโย่วอี๋ จู่ ๆ ก็ทำให้เขารู้สึกไม่อยากกลับไปแล้ว