บทที่ 157 ดูเหมือนว่าคุณเปลี่ยนไปมากเลย
บทที่ 157 ดูเหมือนว่าคุณเปลี่ยนไปมากเลย
จากนั้นทีมงานเริ่มเรียกกลุ่มสุดท้ายมาออดิชั่น แต่ทันใดนั้นเสียงของสวีโหมวดังขึ้นผ่านไมโครโฟน “การออดิชั่นบทฮั่วเสวียนจบลงแล้ว ฉันมีคนที่เลือกเอาไว้ในใจแล้ว”
ศิลปินทุกคนต่างหยุดนิ่ง หลังจากนั้นก็พากันหันมามองที่ซูโย่วอี๋
ซูโย่วอี๋หันหน้ากลับไปก็สบเข้ากับสายตากระตือรือร้นของสวีโหมว
เสิ้งเซี่ยรู้ได้ทันทีว่าความเป็นไปได้ที่จะเป็นเธอนั้นน้อยมาก แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ดี
ถ้าเกิดเป็นเธอขึ้นมาล่ะ
ศิลปินส่วนใหญ่รู้สึกได้เลยว่าตัวเองไม่ถูกเลือกแน่นอน จึงอยู่เงียบ ๆ แต่ก็ยังมีอารมณ์พูดเล่นกับสวีโหมว “ผู้กำกับสวี คุณพูดออกมาเถอะ ตกลงคือใคร?”
“ใช่ พวกเรายืนมาครึ่งค่อนวันแล้ว ทั้งขี่ม้า ทั้งแสดง เหนื่อยมากพอแล้ว”
“รีบบอกผลให้พวกเรารู้ด้วย พวกเราจะได้รีบกลับบ้านไปพักผ่อน ฮ่าฮ่า”
สวีโหมวยิ้มขึ้น “ไม่ใช่ว่าพวกคุณเดาออกกันหมดแล้วเหรอ?”
“ฮั่วเสวียนในหนังสือเป็นชายในดวงใจของเหล่าสตรีที่อยู่ชายแดน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นนักแสดงที่พวกเราเลือกก็คือคนที่พวกคุณชื่นชอบ เมื่อครู่นี้ไม่ใช่ว่ามีคนมากมายอยากเป็นภรรยาของเธอหรอกเหรอ?”
เหล่าศิลปินพากันหัวเราะ
สวีโหมวพูดอย่างอารมณ์ดี “ซูโย่วอี๋ ยินดีด้วย บทฮั่วเสวียนเป็นของคุณแล้ว”
“ฉันเป็นตัวแทนทีมงานละครรักในฝัน ยินดีต้อนรับคุณเข้าร่วมทีม”
ซูโย่วอี๋ทำท่าทางเหมือนกับท่านอาจารย์ไป่หลี่โดยการเอามือไพล่หลัง “ผู้กำกับสวี ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ”
เหล่าศิลปินมีเสียงที่ไม่ลงรอยเกิดขึ้น เช่นเหล่าผู้คนที่เตรียมตัวมาอย่างยากลำบาก แต่แค่โอกาสในการออดิชั่นกลับไม่มี
สวีโหมวเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจและไม่ค่อยชอบอธิบายอะไร แต่เขากลับชื่นชอบซูโย่วอี๋มาก และไม่ต้องการให้ใครตำหนิซูโย่วอี๋จึงได้หยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูดต่ออีกสองสามประโยค
“พวกคุณอาจจะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม แต่ผมสามารถบอกพวกคุณได้เลยว่าซูโย่วอี๋คือฮั่วเสวียนในใจของผม ในเมื่อมีเพชรเม็ดงามอยู่ตรงหน้า ต่อให้พวกคุณได้แสดงแล้วก็คงไม่มีโอกาส ผมแค่ทำให้พวกเราไม่ต้องเสียเวลา”
“หากมีใครไม่พอใจ สามารถพูดขึ้นมาได้ตอนนี้เลย ผมจะให้โอกาสออดิชั่นกับคุณ เพียงแต่ว่าผมไม่อยากได้ยินใครพูดนินทาลับหลัง”
เหล่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์เมื่อครู่ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
ด้วยตำแหน่งของสวีโหมว หากต้องการบีบบังคับพวกเธอจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
อีกทั้งพวกเธอก็รู้จักตัวเองดี คงไม่กล้าเปรียบเทียบกับซูโย่วอี๋หรอก
เหล่าศิลปินค่อย ๆ พากันออกไปจากลานขี่ม้า ส่วนเหมยเหมยรีบเข้ามากางร่มให้ซูโย่วอี๋และส่งกระติกน้ำให้เธอ
“พี่ซู เหนื่อยมากไหม ดื่มน้ำหน่อยนะคะ”
ซูโย่วอี๋รับน้ำมาดื่มไปกว่าครึ่งกระติก “ขอบคุณ”
เป็นครั้งแรกที่หน้าของสุ่ยเวยมีรอยยิ้มชื่นชม “คุณทำได้ดีมาก”
ดีเกินความคาดหมายของเธอไปมาก
ก่อนที่จะมาที่นี่ เดิมทีสุ่ยเวยไม่ได้หวังอะไร และคิดไม่ถึงว่าซูโย่วอี๋จะทำให้เธอตะลึงมากขนาดนี้
“ก่อนหน้านี้ฉันตัดสินคุณไปก่อนแล้ว คิดว่าคุณอยากแสดงละครเล่น ๆ ฉันขอโทษด้วย”
ซูโย่วอี๋มีความสุขมาก นี่ถือว่าเธอได้รับการยอมรับจากสุ่ยเวยหรือเปล่านะ?
“พี่เวย ฉันกับคุณแล้วก็เหมยเหมยพึ่งรู้จักกัน แต่สัญญาว่าต่อไปมันจะต้องดีมากขึ้นไปอีก”
สุ่ยเวยพยักหน้าและพาซูโย่วอี๋เข้าไปหาผู้กำกับสวี
สวีโหมวติดบุหรี่มาก เขาทิ้งบุหรี่ตอนที่ซูโย่วอี๋ออดิชั่นเสร็จไปได้ไม่กี่นาที ตอนนี้เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดอีกแล้ว
“สุ่ยเวย สายตาของคุณดีมากจริง ๆ ซูโย่วอี๋ต้องดังแน่นอน”
“ต้องให้คุณช่วยแนะนำแนวทางการทำงานแล้วค่ะ แม้ว่าซูโย่วอี๋ออดิชั่นได้ไม่เลว แต่เธอก็ไม่เคยถ่ายละครมาก่อน มีอีกหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ เรื่องพวกนี้ต้องรบกวนให้คุณค่อย ๆ สอนเธอ”
สวีโหมวสะบัดเถ้าบุหรี่ทิ้ง “สำหรับคนที่มีศักยภาพ ฉันต้องใจเย็นอยู่แล้ว”
พูดจบเขามองไปยังซูโย่วอี๋ “คุณเรียนขี่ม้ามานานแค่ไหนแล้ว?”
นานแค่ไหน?
ถ้านับตามโลกของความจริง ก็คือ… ห้าวัน?
ซูโย่วอี๋ไม่กล้าพูดแบบนั้น ถึงพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ “เรียนมาประมาณสี่เดือนแล้วค่ะ ฉันชอบขี่ม้ามาก ปกติฉันก็อยู่แต่ในสนามขี่ม้าทุกวัน”
สวีโหมวพยักหน้า “การเรียนรู้อะไรสักอย่างควรจะมีความพากเพียรอย่างนี้แหละ คุณรู้มั้ยว่าทำไมผมถึงเลือกคุณ?”
ซูโย่วอี๋คิดแล้วคิดอีก “เพราะฉันขี่ม้าได้ดี?”
“ไม่ใช่” สวีโหมวยิ้มและส่ายหัว “ก่อนหน้าคุณ ผมเล็งเสิ้งเซี่ยเอาไว้ เพราะมีเพียงเธอที่แสดงความรู้สึกของการเป็นฮั่วเสวียนออกมาได้ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนที่คุณออกมา ผมไม่รู้สึกว่าคุณกำลังแสดงละคร ผมรู้สึกว่าคุณคือฮั่วเสวียนจริง ๆ”
คำวิจารณ์อย่างนี้ช่างดูสูงส่ง!
สุ่ยเวยพูดอย่างสุภาพ “ชมมากเกินไปแล้วค่ะ”
สวีโหมวไม่ได้พูดอะไรอีก ในสายตาของเขา การแสดงของซูโย่วอี๋ไม่ได้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น ท่าทางบางอย่างของเธออาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่นั่นคือปัญหาของฮั่วเสวียน ไม่ใช่ปัญหาของซูโย่วอี๋
นี่มันเกินความคาดหวังไปมากพอสมควร
และคงแก้ไขอะไรไม่ได้
แต่การแสดงเป็นความสามารถส่วนบุคคล ไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนได้ในหลาย ๆ ครั้ง และไม่จำเป็นที่จะต้องเจาะลึกลงไป
สวีโหมวเรียกมันว่าความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัดของการแสดง!
การออดิชั่นจบลง ซูโย่วอี๋และคนอื่น ๆ กลับไปทางเดิม เตรียมตัวขึ้นรถเพื่อกลับไปยังเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ และในตอนนี้ ซูโย่วอี๋อยากเล่าการออดิชั่นวันนี้ให้ลู่เฉินและซูหยินฟังมากที่สุด
ระหว่างทาง เหมยเหมยกำลังบรรยายถึงท่าทางของซูโย่วอี๋ตอนที่ออดิชั่น
พอเดินไปครึ่งทาง สุ่ยเวยหยุดฝีเท้าลง “ประธานลู่”
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นจากใต้ร่มของตัวเอง เธอพบกับลู่เฉินในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงขายาวสีดำ ลักษณะเหมือนนักธุรกิจดูดี
คิ้วและดวงตาที่คุ้นเคยสะท้อนเข้ามาในตาของเธอ ทันใดนั้นซูโย่วอี๋รู้สึกคิดถึงลู่เฉินเป็นอย่างมาก
และคนคนนี้ก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ!
ในสายตาของคนอื่น พวกเขาไม่ได้เจอกันหนึ่งสัปดาห์เต็ม ๆ แต่ในความเป็นจริงตามช่วงเวลาของซูโย่วอี๋ เธอกับลู่เฉินไม่ได้เจอกันนานถึงสี่เดือน
ลู่เฉินมองลึกเข้าไปในดวงตาของซูโย่วอี๋ ก่อนจะพูดขึ้น “พวกคุณไปก่อนได้เลย ผมไปส่งเธอเอง”
สุ่ยเวยรีบพาเหมยเหมยเดินออกไปในทันที
เมื่อไม่มีคนนอกแล้ว ดวงตาคู่นั้นของลู่เฉินจับจ้องไปบนใบหน้าของซูโย่วอี๋อย่างเอาแต่ใจ มองอยู่อย่างนั้นจนเธอรู้สึกเขินอาย ชายหนุ่มจึงพูดขึ้น “ได้บทฮั่วเสวียนแล้วเหรอ?”
“อืม ผู้อำนวยการสวีเลือกเองเลย ฉันทำให้คุณได้หน้าด้วยนะ ลู่เฉิน”
ลู่เฉินโอบเธอเข้ามากอดและค่อย ๆ กอดแน่นขึ้น จนกระทั่งซูโย่วอี๋เริ่มหายใจไม่ออก “ลู่เฉิน ฉันหายใจไม่ออก”
ลู่เฉินลูบไล้บนใบหน้าของเธอก่อนที่จะผ่อนแรงลงและพูดขึ้น “งั้นผมจะให้รางวัลคุณเอง?”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของซูโย่วอี๋แดงขึ้น “ไม่ต้อง”
เธอไม่ใช่พวกที่ชอบแสดงความรักในที่สาธารณะ
ลู่เฉินกอดเธอเงียบ ๆ สัมผัสได้ถึงลมหายใจของคนในอ้อมแขน “คุณขี่ม้าเก่งมากเลย”
ท่าทางสง่างามตอนที่อยู่บนหลังม้าอย่างเป็นธรรมชาตินั่น!
ทั้งความมั่นใจในตัวเองแบบนั้น!
ซูโย่วอี๋อยู่บนหลังม้า ทั้งร่างกายของเธอพุ่งพล่านไปด้วยแสงของความมั่นใจในตัวเอง
“คุณเห็นด้วยเหรอ?”
ลู่เฉินม้วนปอยผมข้างหูของเธอเล่น “อืม ไม่เจอกันไม่กี่วัน ดูเหมือนว่าคุณเปลี่ยนไปมากเลย”
ซูโย่วอี๋หยุดนิ่ง “งั้นเหรอ?”
“อาจเป็นเพราะว่าฉันกำลังสวมบทบาทเป็นฮั่วเสวียน คุณถึงรู้สึกว่าไม่เหมือนกับฉันในตอนปกติ”
หากแต่น้ำเสียงของลู่เฉินยืนยันอย่างมั่นใจ “ไม่ใช่ นั่นคือตัวคนของคุณ”
แล้วเธอไม่เหมือนเดิมตรงไหน?
ซูโย่วอี๋ไม่ค่อยเข้าใจ ตัวเธอเองไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงแบบนั้น
สุนัขจิ้งจอกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง [ซู่จู่ เป็นไปได้ไหมว่าคุณพยายามจะเป็นฮั่วเสวียน เลยส่งอิทธิพลให้บุคลิกของคุณเปลี่ยนไป]
อย่างนั้นหรอกเหรอ?