บทที่ 199 พี่ชาย
บทที่ 199 พี่ชาย
คำถามที่ทุกคนมาถามมากที่สุดก็คือ
“เถ้าแก่ ดาราสามคนที่มากินซาลาเปาเมื่อวานนี้นั่งตรงไหน?”
“พวกเขากินอะไรไปบ้าง?”
“ฉันขอแบบที่พวกเขากินทั้งหมดเลย”
เริ่มแรกเถ้าแก่ยังตอบกลับและเล่าเรื่องที่พวกซูโย่วอี๋มากินข้าวให้ลูกค้าฟังอย่างมีความสุข แต่พอหลัง ๆ คนเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาเลยไม่ได้พูดอย่างตื่นเต้นอีกแล้ว
ในที่สุด อาหารเช้าที่ยกมาขายในร้านทั้งหมดก็ถูกขายไปจนหมดแล้ว จนเถ้าแก่ถอนหายใจออกมา
“ขายหมดแล้วครับ พวกคุณค่อยมาใหม่พรุ่งนี้เถอะ”
เขารอจนลูกค้าจากไปจนหมด เขารู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากเก็บกวาด
“อิทธิพลของดาราพวกนี้น่ากลัวจริง ๆ แค่พวกเขามากินข้าวที่ร้านของพวกเรา คนทั้งประเทศก็รู้กันหมดแล้ว”
“ดีออก ไม่งั้นพวกร้านค้าก็คงไม่ชอบโฆษณาแบบนี้หรอก ครั้งนี้พวกเราขายดีทั้งที่ไม่ได้เสียเงินสักนิด”
แต่คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ไม่ได้ตั้งใจมายังร้านซาลาเปาซิงซิงเพียงเท่านั้น เพราะเดินไปอีกนิดก็ถึงโรงแรมที่ทีมละครรักในฝันพักอยู่แล้ว พวกเขาเลยนั่งอยู่นอกประตูรอให้ไอดอลของตัวเองกลับมา
ตั้งแต่ฟ้าสว่างจนถึงตอนค่ำมืด คนที่มารอลดน้อยลงเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็เหลือเพียงประมาณสิบคน
พวกเขาจึงรวมตัวพูดคุยกัน
“พวกเธอ มารอใครเหรอ?”
“คู่จิ้นของฉันน่ะ”
“คู่ไหนล่ะ?”
“ฮั่วเสวียนกับหลี่จื้อ ซูโย่วอี๋กับฮันเจ๋อหยาง ไอหยา พวกเขาหวานกันมากเลยนะ!”
“บังเอิญจัง ฉันก็ด้วย ในที่สุดก็หาเพื่อนได้แล้ว”
เมื่อพวกเขาพูดคุยกันเสร็จก็พากันเข้าร่วมกลุ่มคู่จิ้นซูฮัน แต่ก็มีพวกที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับของคู่จิ้นเช่นกัน คนเหล่านั้นกำลังมองดูกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นอยู่ไม่ไกล
“อ่า นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมของฉันเฉิดฉายคนเดียวก็พอแล้ว เข้าใจไหม? กลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นบ้าบออะไรกัน”
“นั่นสิ โย่วโย่วของฉันคนเดียวก็พอ! ถ้าจะมีคู่จิ้นก็ต้องเป็นประธานลู่สิ”
หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มรวมตัวกันเพื่อพูดคุยถึงไอดอลในดวงใจของตัวเอง
รถพี่เลี้ยงสองสามคันขับมาจากที่ไกล ๆ แฟน ๆ ที่นั่งรอและยืนอยู่ข้างแปลงดอกไม้ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาในทันที
“กลับมากันแล้ว”
ฮันเจ๋อหยางพบเจอกับสถานการณ์ที่มีคนมารอจนคุ้นชินไปแล้ว แต่เพราะเหนื่อยมาทั้งวันก็อยากจะกลับห้องมานอนพัก รถของซูโย่วอี๋อยู่ด้านหน้าของเขา พอเธอลงจากรถก็ถูกแฟนคลับล้อมหน้าล้อมหลังไว้หมดแล้ว
พอคนขับรถขับไปทางโรงจอดรถ ฮันเจ๋อหยางก็ขมวดคิ้ว “หยุดรถ”
เขาเปิดประตูรถและลงไป
“กรี๊ด พี่ชายมาแล้ว!”
เหล่าแฟนคลับวิ่งกรูเข้ามา
ฮันเจ๋อหยางยิ้มน้อย ๆ อย่างสุภาพและพาเหล่าแฟนคลับเดินไปข้าง ๆ ซูโย่วอี๋ ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่ทำให้แฟนคลับค่อย ๆ ออกห่างจากซูโย่วอี๋มากขึ้น
และรักษาระยะห่างไว้ที่ข้างกายเธอ
สายตาของเหล่านักจิ้นเริ่มร้อนผ่าว “ว้าว ต่อให้ฉันตายตอนนี้ก็ยอม ได้เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันด้วยตาของตัวเองแล้ว”
“โอ้แม่เจ้า ฟินจังเลย”
“กริ๊ด ๆ ๆ ๆ”
“โย่วโย่ว พวกคุณทานข้าวเย็นหรือยัง?”
ซูโย่วอี๋มองไปยังคนที่ถามขึ้น “อืม กินมาจากกองถ่ายแล้วค่ะ”
ผู้หญิงคนหนึ่งตำหนิขึ้น “เธอเป็นแฟนคลับปลอมหรือเปล่าเนี่ย โย่วโย่วกับนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมฮันก็ต้องกินข้าวด้วยกันมาแล้ว เรื่องแค่นี้เธอไม่รู้เหรอ”
แต่น้ำเสียงมีเสน่ห์ของฮันเจ๋อหยางพูดขึ้น “ผมตามไปกินเองครับ”
ทำให้เกิดเสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกครั้ง
“พระเจ้า นั่นเป็นไปตามที่ฉันจิ้นเลย”
“คู่จิ้นของฉันต้องเป็นคู่จริงแน่ ๆ”
ใบหน้าของแฟนคลับที่ไม่ได้ชอบจิ้นพลอยอารมณ์เสียจนอดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูด “ทุกคน แม่ครัวคนนั้นเป็นคนที่ลู่เฉินจ้างมา แบบนี้พวกคุณยังจะจิ้นกันอีกเหรอ?”
ถ้าเรื่องของสองคนนี้เป็นเรื่องจริง ก็เท่ากับว่าเธอกำลังนอกใจลู่เฉินต่อหน้าสาธารณชนสิ?
ฮันเจ๋อหยางปลอบขึ้น “ขอบคุณพวกคุณที่ชอบผมกับซูโย่วอี๋นะครับ และยินดีต้อนรับทุก ๆ คนสู่คู่ชิปเปอร์ แต่อย่างไรเสีย ในชีวิตจริง ผมกับเธอเป็นคู่จิ้นแบบพี่น้องกันครับ”
ใบหน้าของแฟนคลับที่ไม่ชอบจิ้นยิ้มขึ้น สายตาที่มองซูโย่วอี๋ก็ดูอ่อนลง
“อีกอย่างนะครับ ประธานลู่เป็นเจ้านายของผม การเข้าไปยุ่งกับคนของเจ้าคงไม่ดีเท่าไหร่มั้งครับ”
หัวใจของเหล่าแฟนคลับนักจิ้นแตกสลายลงในพริบตา
แต่ยังดีที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปด้วยดี เหล่าแฟนคลับจึงรีบเก็บหัวใจที่แตกสลายขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่เป็นไร ยังไงก็ยังจิ้นแบบพี่น้องต่อไปได้!
ซูโย่วอี๋มองดูอยู่สักพัก สีหน้าของเหล่าแฟนคลับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนทำให้เธอรู้สึกตลก “ดึกมากแล้ว พวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
เหล่าแฟนคลับดูเศร้ามาก พวกเขาตามตื๊อทั้งสองคนและพูดคุยกันอีกสักพักก่อนที่จะยอมปล่อยให้พวกเขาไป
ฮันเจ๋อหยางและซูโย่วอี๋เดินไปยังล็อบบี้ของโรงแรม จู่ ๆ มีเสียงผู้หญิงดังขึ้น “พี่คะ!”
ซูโย่วอี๋คิดว่าเสียงนั่นฟังดูคุ้นหูมาก คนข้างกายหันกลับไปด้วยความตกใจ “เอินจี?”
ฮันเจ๋อหยางรีบเดินไปด้านหน้าของฮันเอินจี “จะมาหาทำไมไม่บอกก่อน โตจนรู้จักเซอร์ไพรส์คนอื่นเป็นแล้วเหรอ?”
สีหน้าของฮันเอินจีกลับดูไม่ค่อยมีความสุข เธอไม่ได้ตอบกลับคำถามของฮันเจ๋อหยาง แต่กลับมองไปยังซูโย่วอี๋
ด้วยสายตาไม่พอใจ
ซูโย่วอี๋คิดว่าอย่างไรเสียฮันเอินจีก็เคยเป็นอาจารย์ของเธอมาก่อน จึงได้เดินเข้าไปทักทาย “อาจารย์ฮัน สวัสดีค่ะ”
แต่ท่าทีของฮันเอินจีกลับเย็นชา “ตอนนี้ไม่ได้ถ่ายรายการแล้ว คุณไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์แล้ว”
“น้องสาว นี่เธอพูดอะไรเนี่ย?”
ฮันเอินจีเงยหน้ามองฮันเจ๋อหยาง “ฉันทำอะไร? พี่นั่นแหละ ฮันเจ๋อหยาง ต่อหน้าแฟนคลับพี่บอกว่าพี่เป็นคู่จิ้นแบบพี่น้องกับซูโย่วอี๋ พี่ไม่เห็นหัวฉันแล้วใช่ไหม?”
หืม
ที่แท้ก็หวงนี่เอง
ฮันเจ๋อหยางกับซูโย่วอี๋สบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย
ฮันเอินจีเห็นเช่นนั้นก็ยิ่งรู้สึกแย่ในใจ เธอจึงถือกระเป๋าและเดินจากไป
“เฮ้ น้องสาว!” ฮันเจ๋อหยางรีบวิ่งตามไป พลางทำสัญญาณให้ซูโย่วอี๋กลับไปก่อน
แต่ซูโย่วอี๋กลับไม่ได้ขยับไปไหน เธอยืนนิ่งมองดูตรงที่เดิมสักพัก
ส่วนฮันเอินจีไม่ได้เดินไปไกลนัก เธอถูกฮันเจ๋อหยางดึงเอาไว้
แต่ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ฮันเอินจีก็ไม่ฟัง
และฮันเจ๋อหยางก็เอาแต่ง้อเธอด้วยการทำท่าตลก ๆ!
ไม่รู้ว่าพูดอะไรไป ฮันเอินจีจึงยิ้มขึ้นและไม่ได้โกรธแล้ว
นั่นทำให้ซูโย่วอี๋นิ่งไปครู่หนึ่ง พอรู้สึกตัวก็หันหลังกลับไปยังห้องพัก
สุนัขจิ้งจอกรู้สึกว่าเธออารมณ์ไม่ดี [คุณหวงเหรอ?]
ซูโย่วอี๋ส่ายหัว “พวกเขาเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ฉันมีสิทธิ์อะไรไปหวง”
หึ
ท่าทางของสุนัขจิ้งจอกเหมือนดูเธอออก [ซู่จู่อายุยี่สิบสี่แล้ว ฉันว่าเธอทำตัวเป็นผู้ใหญ่หน่อยได้ไหม เมื่อกี้นี้คือหวง ยังจะมาพูดว่าไม่มีสิทธิ์หวงอีกหรอ หวงจะตายแล้วเนี่ย]
[ผู้หญิงน่ะนะ พูดอย่างใจอย่าง]
ซูโย่วอี๋สำลัก “เด็กน้อยอย่างนายเคยดูละครที่ถูกทำซ้ำไปแค่สองรอบ กล้าทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอารมณ์แล้วเหรอ?”
สุนัขจิ้งจอกพึมพำ [ซู่จู่ ฮันเจ๋อหยางมีน้องสาวแท้ ๆ แต่ก็ไม่ได้ให้เขาหยุดมองคุณเป็นน้องสาวได้นี่ ใช่ไหม ฉันแค่รู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลย]
“อืม ที่นายพูดก็ถูก”
ซูโย่วอี๋ปล่อยเรื่องนี้ไปและไม่กลับไปคิดถึงมันอีก
หลังอาบน้ำเสร็จเธอก็ออกมา แต่ซูโย่วอี๋ได้ยินเสียงคนเคาะประตู ในใจก็เกิดความระแวดระวัง “ใครน่ะ?”
“ฉันเอง ฮันเอินจี”
เธอมาทำไม?
ซูโย่วอี๋ไม่อยากเจอเธอแต่ก็ยังคงไปเปิดประตู “อาจารย์ฮัน มาหาฉันดึกขนาดนี้ มีธุระอะไรคะ?”
สายตาของฮันเอินจีจ้องไปยังใบหน้าของซูโย่วอี๋ สักพักจึงพูดขึ้น “ฉันเข้าไปได้ไหม?”
“มีเรื่องคุยด้วยนิดหน่อย ฉันไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน”
ซูโย่วอี๋หลบไปด้านข้างเพื่อให้เธอเข้ามา หลังจากนั้นก็ปิดประตูลง