บทที่ 236 ตื่นเต้นกว่าเดิมดี
บทที่ 236 ตื่นเต้นกว่าเดิมดี
“ช่างเถอะ ไม่ฟังแล้ว”
ลู่เฉินดึงเธอไว้ “ถ้าคุณอยากฟังผมก็จะพูด”
ซูโย่วอี๋ผละออกจากมือของเขา เธอเริ่มรู้สึกหงุดหงิดอีกแล้ว เธอจึงเดินไปยังห้องครัวและหยิบขวดน้ำเย็นขึ้นมาดื่มเพื่อสงบอารมณ์ของตัวเอง
เธอเปิดตู้เย็น ภายในนั้นเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีสันสนใส กลิ่นหอมเตะจมูก ดอกไม้แต่ละดอกประดับด้วยหยดน้ำที่เหมือนกับเม็ดคริสตัล
ดอกไม้บานเต็มที่ มีกระเป๋าหนังแกะสีดำใบเล็กวางอยู่
ซูโย่วอี๋มีความสุขมาก
อาจจะดูเชยไปหน่อย แต่เธอก็ชอบมาก ๆ
“ลู่เฉิน” เธอตะโกนขึ้นมา
เสียงฝีเท้าดังตามมาจากด้านหลัง ซูโย่วอี๋หมุนตัวกลับไปกอดและจูบเขา
ไม่ใช่แบบผิวเผิน แต่เต็มไปด้วยความจริงจังและการรุกล้ำเข้าไป
เธอหลับตาลง ขนตาของเธอขยับเล็กน้อย
ริมฝีปากขยับไปมาก่อนที่จะบุกเข้าไปในปากของลู่เฉิน
ลิ้นของพวกเขาพันกันอย่างร้อนแรง
ลมหายใจของลู่เฉินหนักหน่วงขึ้น นิ้วมือนิ่งค้างเบา ๆ อยู่ที่หัวของซูโย่วอี๋ และค่อย ๆ รุกล้ำเข้าไปเรื่อย ๆ
เขารั้งเธอเอาไว้และจูบเธอนานกว่าสิบนาที
จนกระทั่งซูโย่วอี๋หายใจไม่ออก เธอจึงผลักเขาออกไป ใบหน้าเล็กแดงปื้นดูน่าแกล้ง
ลูกกระเดือกของลู่เฉินขยับ เหมือนเขาต้องการที่จะทำต่อ
ซูโย่วอี๋หยิบกระเป๋าและเครื่องดื่มออกมาสองขวด “รักในฝันใกล้จะออกอากาศแล้ว ฉันต้องไปดู”
ลู่เฉินมองตามแผ่นหลังของเธอไป ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงต่ำ
ในความสัมพันธ์อันใกล้ชิดนี้ ซูโย่วอี๋ไม่เคยเป็นฝ่ายรุกมาก่อน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพอให้ของขวัญ ตัวเองจะได้พบกับผลลัพธ์เช่นนี้
ดู ๆ ไปแล้ว ต่อไปต้องให้เยอะกว่านี้สินะ!
เมื่อเปิดทีวี สุนัขจิ้งจอกรีบวิ่งออกมาและหาตำแหน่งที่นั่งที่สบาย ๆ และนอนลง [นานมากแล้วที่ไม่ได้ดูทีวี คิดถึงจริง ๆ]
เดิมทีลู่เฉินไม่ชอบดูทีวี แต่เพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับซูโย่วอี๋ เขาจึงนั่งลงบนโซฟาและกอดแฟนสาวตัวเล็กไว้ในอ้อมแขน
ส่วนคนที่เสนอให้ดูละครกลับใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเล่นโทรศัพท์
ลู่เฉินมองเธอและพบว่าเธอกำลังคุยกับคนอื่นอยู่
ฮันเจ๋อหยาง : [กิจกรรมชมภาพยนตร์ประจำสัปดาห์ด้วยภาพขนาดใหญ่ความละเอียดสูง]
ซูโย่วอี๋เปิดรูปภาพขึ้นมา ก็เห็นผู้กำกับสวี อวิ๋นเหมี่ยว ป๋ายลิ่น และคนอื่น ๆ
วันนี้พวกเขาก็ยังคงกินปลาย่าง ซึ่งเป็นอาหารยามดึกชั้นเยี่ยม
ทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข แต่พอซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก็พบกับใบหน้าไม่พอใจของลู่เฉิน เธอจึงรีบยิ้มขึ้น “ไม่คุยแล้ว ดูละครดีกว่า”
เธอวางโทรศัพท์ลงอีกด้านหนึ่ง แต่เสียงแจ้งเตือนจากวีแชตก็ยังคงดังไม่หยุด
จนลู่เฉินหยิบขึ้นมา เขากดเปิดไปยังช่องแชตของซูโย่วอี๋กับฮันเจ๋อหยาง ก่อนจะถ่ายรูปที่เขาและเธอกำลังดูทีวีด้วยกันและส่งกลับไป
[ฉันกับแฟนหนุ่มสุดที่รักก็กำลังดูทีวีอยู่]
ฮันเจ๋อหยาง [ประธานลู่นี่ว่างจริง ๆ]
หลังจากที่ซูโย่วอี๋ตอบกลับข้อความด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอก็ดูละครต่ออย่างสบายใจ
การดูละครเรื่องนี้มีความลุ้นระทึกเป็นอย่างมาก เพราะมีฉากที่ซูโย่วอี๋จูบกับป๋ายลิ่นอยู่หลายฉาก
ฮั่วเสวียนจูบกับอูซือม่านและวางยาเขาเพื่อที่จะหนีไป ฉากนี้เป็นการจูบจริง
ซูโย่วอี๋รีบอธิบายขึ้น “นี่คือสแตนด์อิน สแตนด์อิน”
ลู่เฉินดูนิ่งสงบ “ผมรู้”
ทักษะการแสดงของซูโย่วอี๋นั้นดีมากจริง ๆ ตอนที่ฮั่วเสวียนตายไป อีกนิดเดียวซูโย่วอี๋ก็เกือบจะทนไม่ไหวจนจะร้องไห้ออกมาอีกแล้ว
พอดีกับที่ตรงนี้มีฉากที่อูซือม่านจูบหน้าผากของฮั่วเสวียน
จึงทำให้ลู่เฉินไม่ค่อยพอใจ
แต่เขาก็ไม่ได้ทำให้ซูโย่วอี๋ต้องรู้สึกแย่เพราะเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้หรอก
ซูโย่วอี๋ดูละครด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอถ่ายทำละครจนจบแล้ว หลังจากนั้นเธอก็เปิดโทรศัพท์เพื่อดูความคิดเห็นของชาวเน็ต
[ฉันติดละครเรื่องนี้มากจริง ๆ]
[คนตัดต่อต้นฉบับอยู่ไหมคะ? ตัดตอนจบที่ฮั่วเสวียนกับอูซือม่านมีความสุขออกมาด้วยได้ไหม? หัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไตของฉันกำลังเจ็บปวด]
[ข้าไม่ได้เป็นคนฆ่าฮั่วเสวียน ฉันร้องไห้ออกมาเลย]
[ซูโย่วอี๋เหมาะสมกับบทบาทฮั่วเสวียนมากจริง ๆ ระดับความเหมาะสม 100 คะแนนเต็ม]
[เหล่าชิปเปอร์ไม่ต้องเถียงกัน เขาเหมาะสมกันตั้งแต่หัวจรดเท้า]
[ฉันรอให้หลี่จื้อรู้มาโดยตลอดว่าฮั่วเสวียนเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นก็รอให้ฮั่วเสวียนแต่งตัวเป็นผู้หญิง ทำให้ผู้ชายตาถั่วอย่างเขาได้รับรู้ คิดไม่ถึงว่าจะมาตายไปแบบนี้]
[น่าเสียดาย ผู้กำกับแก้ไขตอนจบด้วยนะคะ ให้ฮั่วเสวียนกับอูซือม่านอยู่ในหร่งตี๋และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ได้หรอ]
[น้ำตาของฉันไม่มีค่าเลย]
ซูโย่วอี๋เปิดโต่วอินดูต่อ ก่อนจะพบว่าในโต่วอินมีการตัดต่อและสร้างตอนพิเศษของฮั่วเสวียนและอูซือม่านขึ้นมา
พวกเขาตัดต่อความรักอันยากลำบากของทั้งสองคน
มีการตัดต่อตอนจบแบบมีความสุขออกมา
และดูจะกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจมากจนมียอดการแสดงความคิดเห็นเกินหมื่น
ผู้ชมหลายคนที่ยังไม่เคยดูละครเรื่องนี้มาก่อนต่างพากันแสดงความคิดเห็น
[ดูวิดีโอนี้จบแล้ว ต้องตามไปดูละครแล้วแหละ]
[ละครเรื่องนี้ชื่ออะไร ดูได้จากที่ไหน]
[ถามจริง ๆ นะ ละครเรื่องนี้สนุกไหม]
[เขาเป็นพระรอง (หน้าสะใจ)]
[คำว่าเขาเป็นพระรองทำร้ายความสุขของฉันมากเลย (หน้าร้องไห้)]
[แม้ว่าอูซือม่านจะเป็นพระรอง แต่พระเอกก็คือฮันเจ๋อหยาง]
[หึ ๆ ๆ สาว ๆ ฉันจองแล้ว]
ซูโย่วอี๋รับบทเป็นฮั่วเสวียน ชื่อของเธอมียอดสามการค้นหาสุดฮอตของวันในทันที กลายเป็นการค้นหาอันร้อนแรง
เธอดูวิดีโอนาน ๆ ก็เริ่มรู้สึกเบื่อ ตอนที่ซูโย่วอี๋เตรียมที่จะกดออกมานั้น เธอก็พบว่ามีคนวิเคราะห์เส้นทางชื่อเสียงและการพัฒนาในอนาคตของเธอ
[นักแสดงใหม่จากบ้านไหนแข็งแกร่งมากที่สุด]
[มาดูหน้าตาของซูโย่วอี๋กันดีกว่าว่าจะได้กี่คะแนนในวงการบันเทิง]
[มูลค่าด้านธุรกิจของซูโย่วอี๋นั้นสูงเท่าไหร่]
[ความรักของซูโย่วอี๋และประธานแห่งเทียนฉี]
ซูโย่วอี๋รู้สึกสนใจขึ้นมา แต่โทรศัพท์กลับถูกลู่เฉินดึงไป “รีบนอนได้แล้ว อย่านอนดึก”
ซูโย่วอี๋ทำหน้ามุ่ย “ยังไม่ถึงห้าทุ่มเลย นอนตอนนี้มันเร็วไปหรือเปล่า?”
ลู่เฉินเหล่ตามอง “ไม่เร็วไปหรอก ทำอะไรเสร็จแล้วนอนก็พอดี”
นอนไม่ดึกงั้นเหรอ
ซูโย่วอี๋พูดอะไรไม่ออก
อ่า ไม่สิ
ทันใดนั้นซูโย่วอี๋ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ ตอนนี้ห้องนี้คือที่อยู่ของซูหยิน
ดึกขนาดนี้แล้วทำไมเธอถึงยังไม่กลับมาอีก?
ลู่เฉินยื่นมือออกไปเพื่อเตรียมจะกอดเธอ แต่ซูโย่วอี๋ยกมือขึ้น “เดี๋ยวก่อน ฉันขอโทรศัพท์ก่อน”
เธอกดค้นหาเบอร์ของซูหยินและโทรออก
[ที่รัก ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนอีกเหรอ?]
“ฉันถ่ายละครจบแล้ว ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
ซูหยินนิ่งค้างไป [เธอไม่รีบบอกล่ะ ตอนนี้ฉัน…]
“อยู่กับกู่อวี๋เฉิงเหรอ?”
[… อืม]
ลู่เฉินรออยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าเธอคุยโทรศัพท์นานและดูท่าทางจะไม่จบง่าย ๆ จึงไปอาบน้ำก่อน
เดิมทีซูโย่วอี๋อยากจะถามซูหยินว่าคืนนี้จะกลับมาไหม?
แต่พอคิดไปคิดมา ซูหยินนั้นเป็นคนเปิดกว้าง ยึดมั่นในแนวคิดที่ว่าจะไม่นอนกับผู้ชายมั่ว ๆ โดยเปล่าประโยชน์ ดูท่าแล้วเธอคงจะไม่กลับบ้านแล้วล่ะ
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เธอก็พูดขึ้น “อืม เที่ยวให้สนุกนะ”
[รอฉันที่บ้านนะ ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้เลย]
“ไม่ต้อง ๆ”
ซูหยินตอบกลับในทันทีพร้อมแอบยิ้ม [ประธานลู่อยู่กับเธอใช่ไหม]
“ฉันไม่ใช่คนไร้เดียงสาน่า แค่นี้นะ วางแล้ว”
พูดจบก็วางสายอย่างรวดเร็ว แต่ซูโย่วอี๋ยังไม่ทันได้ตอบกลับอะไรเลย
เธอจ้องมองไปยังเบอร์โทรศัพท์ของซูหยินอยู่สักพัก คงจะต้องหาเวลาคุยกับเธอสักหน่อยแล้ว
ไม่รู้ว่าเสียงน้ำหยุดไปตอนไหน
ลู่เฉินสวมชุดคลุมอาบน้ำและยืนอยู่ด้านหลังของซูโย่วอี๋แล้ว “คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”
ลมหายใจของเขาดังอยู่ที่ข้างหู ทำให้บรรยากาศดูคลุมเครือขึ้นมาในทันที
ซูโย่วอี๋หันหน้ามาอย่างไม่ค่อยสบายใจแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ทำไมคุณเดินมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงล่ะ?”
“เพราะคุณมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยต่างหาก”
ลู่เฉินเอื้อมมือออกไป ชุดคลุมอาบน้ำไม่ได้ถูกมัดเอาไว้ มันจึงเผยให้เห็นแผงอกแกร่ง ประกอบกับรอยหยดน้ำที่ยังเช็ดออกไปไม่หมด หยดน้ำเล็ก ๆ ไหลลงไปตามผิว ยืดยาวไปจนถึงกางเกงชั้นใน
มันน่าดึงดูดชะมัด
ซูโย่วอี๋มองเพียงแวบเดียวก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้
ลู่เฉินเอื้อมมือไปปลดกระดุมชุดนอนของเธอ แต่ก็ถูกซูโย่วอี๋ดึงเอาไว้ “นี่มันห้องรับแขกนะ!”
“ห้องรับแขกก็ดีสิ ตื่นเต้นกว่าเดิมดี”