บทที่ 242 คำท้า
บทที่ 242 คำท้า
“งั้นครั้งต่อไปที่เสิ่นเฉียวไปหาคุณตาคนนั้น ฉันตามไปด้วยดีไหม?”
สุนัขจิ้งจอกไม่ได้ตอบกลับในทันที แต่กลับครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง [ก็ไม่เชิง]
ไม่เชิงหมายความว่าอย่างไร?
ระบบยังสามารถทำงานโดยอิสระจากซู่จู่ได้งั้นเหรอ?
[ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้เรามาถึงจุดเปลี่ยนสำหรับการอัปเกรดแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าเร็ว ๆ นี้ฉันจะต้องหลับไหลไปสักพัก ทุกครั้งที่มีการอัปเกรด ฟังก์ชั่นของฉันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น บางทีถ้าผ่านการอัปเกรดครั้งนี้ไปได้ ฉันอาจจะสามารถออกมาปรากฏตัวในโลกของคนจริง ๆ ก็ได้]
ใบหน้าของซูโย่วอี๋เต็มไปด้วยความตกใจ “สามารถทำให้คนเห็นนายได้ด้วยเหรอ?”
สุนัขจิ้งจอกพยักหน้า [แน่นอน ฉันสามารถกลายร่างเป็นเหมือนคนทั่ว ๆ ไปได้ อ้อ จริงสิ กลายร่างเป็นแบบที่พี่ไป๋ชอบดีกว่า]
“อะไรกัน นี่นายยังคิดจะมีความรักที่ไม่สมหวังอีกเหรอ? ฉันว่าเสิ่นเฉียวดูไม่สนใจเรื่องความรักเลยนะ”
สุนัขจิ้งจอกไม่ได้พูดอะไรต่อ
ลู่เฉินผลักซูโย่วอี๋เบา ๆ “คิดอะไรอยู่? เหม่อเชียว”
ซูโย่วอี๋รู้สึกตัวกลับมาและพบว่าทุกคนกำลังจ้องมองมายังเธอ โดยเฉพาะซูหยินที่มองเธอด้วยสายตาเป็นประกาย
เธอยิ้มอย่างอาย ๆ “ทำไมคะ?”
ลู่เฉินกอดไหล่ของเธอ “พวกเขาบอกว่าร้องเพลงไม่สนุก อยากเล่นเกมแทน”
ทุกคนในนี้มีไป๋เสิ่นเฉียวที่ไม่รู้จักซูหยิน เธอจึงทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดีและถามความคิดเห็นจากซูหยินเป็นคนแรก “คุณอยากเล่นอะไร?”
ซูหยินอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปี ทุกเกมที่ได้รับความนิยมเธอเล่นได้เป็นอย่างดี แต่เพราะกู่อวี๋เฉิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงต้องแกล้งทำเป็นเหมือนว่าไม่มีประสบการณ์มาก่อน “ฉันเล่นไม่ค่อยเป็นเลย”
กู่อวี๋เฉิงชำเลืองมองเธอ
ท่าทางเสแสร้งแกล้งทำของคุณ ผมจะไม่รู้ได้ไง
ซูหยินหัวเราะคิกคักและล้มลงในอ้อมแขนของเขาพร้อมรอยยิ้ม
กู่อวี๋เฉิงไม่ค่อยคุ้นชินกับการแสดงความรักต่อหน้าคนนอก แต่ก็ยังคงโอบเธอเอาไว้ไม่ให้เธอล้ม
ปานจ่างเลิกคิ้ว “นี่รองประธานกู่ตกอยู่ในห้วงความรักแล้วเหรอ”
“ฉันดูงานแถลงข่าวของพวกคุณสองคนแล้ว หวานมากเลย”
ไป๋เสิ่นเฉียวตบมือขึ้นเพื่อเรียกความสนใจของทุกคนกลับมา “ในเมื่อซูหยินเล่นไม่เป็น งั้นพวกเราก็เล่นอะไรที่ง่าย ๆ หน่อย”
“จริงหรือท้า*[1] น่าจะเล่นกันเป็นใช่ไหม”
ฮันเจ๋อหยางแสดงท่าทีไม่ชอบใจ “เสิ่นเฉียว เมื่อก่อนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอเป็นคนชอบอะไรย้อนยุค เกมแบบนี้ผมเลิกเล่นไปตั้งแต่อยู่ประถมแล้ว”
“งั้นนายจะเล่นอะไรล่ะ”
ฮันเจ๋อหยางจับจ้องไปที่เธออยู่ไม่กี่วินาทีและมีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น “ช่างเถอะ แล้วแต่เธอเลย”
เสี่ยวเหล่าซานและปานจ่างก็ดูไม่สนใจเช่นกัน “พวกเราไม่อยากยุ่งเรื่องยุ่งวุ่นวายของพวกคุณ แล้วก็ไม่มีอะไรให้น่าถามเลย”
ลู่เฉินเงยหน้าขึ้น “คนที่แพ้จะต้องเลือกคำท้า ไม่สามารถเลือกความจริงได้”
เมื่อเป็นเช่นนั้นเกมก็เริ่มต้นขึ้น
ไป๋เสิ่นเฉียวเริ่มหมุนขวดเบียร์ ขวดแก้วสีฟ้าเขียวระยิบระยับภายใต้แสงไฟหลากสี
ความเร็วค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งมันหยุดลง
ปากขวดชี้ไปทางซูหยิน
“โว้ว!”
ไป๋เสิ่นเฉียวตบมือ “อ่าฮะ เป็นการเริ่มต้นที่ดี”
“ฉันขอพูดเอง คงไม่ว่าอะไรกันนะ”
“ให้ซูหยินเลือกผู้ชายในนี้มาคนหนึ่งและใช้ปากประกบปากกัน 10 วินาที”
ฮันเจ๋อหยางทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ “เสิ่นฉียว เธอนี่โบราณจนฉันหมดหนทางจริง ๆ”
กู่อวี๋เฉิงขมวดคิ้ว “ขอเปลี่ยนได้ไหม?”
น้ำเสียงของไป๋เสิ่นเฉียวดูอันตราย “ไม่ให้เปลี่ยน”
เพราะรู้ว่าคุณอายถึงได้ขอคำขอนี้ขึ้นมา “คุณรู้ได้ยังไงว่าซูหยินจะเลือกคุณ แล้วถ้าเธอเลือกคนอื่นล่ะ? ผู้ชายดี ๆ ในนี้ก็มีตั้งเยอะ”
แม้แต่เสี่ยวเหล่าซานกับปานจ่างก็เป็นคนหน้าตาดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลู่เฉินกับฮันเจ๋อหยางเลย
ซูหยินเลิกคิ้วขึ้น เธอไม่ได้จงใจแกล้งทำแต่มันกลับทำให้เธอดูมีเสน่ห์มาก ๆ “ขอบคุณเสิ่นเฉียวที่สร้างโอกาสนี้ให้ฉัน”
พูดจบมือทั้งสองข้างก็วางไว้บนคอของกู่อวี๋เฉิง ริมฝีปากสีแดงประทับลงบนมุมปากของเขา
หนุ่มหล่อกับสาวสวย
ช่างเป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน
มันจะสมบูรณ์แบบมากกว่านี้ถ้าไม่ได้สนใจร่างกายอันแข็งทื่อและหูแดง ๆ ของกู่อวี๋เฉิง
เสี่ยวเหล่าซานนับขึ้น “10… 9… 3… 2… 1.1”
ปานจ่างพูดขึ้น “นายนี่มันแย่จริง ๆ”
พอถึงเวลา ซูหยินก็ผละออกมาจากกู่อวี๋เฉิง
ซูโย่วอี๋ยกนิ้วโป้งให้ซูหยิน “สุดยอด”
ซูหยินเลิกคิ้วอย่างภาคภูมิใจ เรื่องแค่นี้ จิ๊บ ๆ
“โอเค ต่อไป”
ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่รอบมันก็ไม่เคยวนไปถึงซูโย่วอี๋กับลู่เฉินเลย ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็วนไปถึงกันหมดแล้ว
การลงโทษก็แปลกใหม่ไปเรื่อย ๆ เช่นกัน
เสี่ยวเหล่าซานและปานจ่างแสดงท่าทางสารภาพรักของคู่รัก หลังจากนั้นก็เอากระดาษทิชชู่มากั้นกลางและจูบกัน
ส่วนไป๋เสิ่นเฉียวกับฮันเจ๋อหยางจ้องตากัน และให้เอาหลังชนกันพร้อมทั้งกระโดดท่ากบ
สุนัขจิ้งจอกเบิกตาขึ้น ทำไมเวลามองฮันเจ๋อหยางแล้วมันรู้สึกขัดหูขัดตาจริง ๆ
ดวงตาของไป๋เสิ่นเฉียวมองไปยังใบหน้าของซูโย่วอี๋และลู่เฉินด้วยความลังเล “ฉันไม่เชื่อเรื่องความโชคร้ายหรอกนะ ฉันต้องเต้นคนเดียวมามากพอแล้ว แต่พวกคุณสองคนกลับหนีรอดไปได้ นี่มันไม่ถูกต้อง ครั้งนี้ฉันจัดการเอง”
“ถ้าไม่ใช่ลู่เฉินก็ต้องเป็นซูโย่วอี๋”
ปานจ่างพูดขึ้น “ครั้งนี้เป็นคำท้าแต่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ที่พวกเรานะ มันไม่สนุก ไปหาคนอื่นบ้างเถอะ”
“หรือพวกเรากำหนดคำท้าก่อนดี?”
ลู่เฉินเดาได้เลยว่าครั้งนี้เขาน่าจะหนีไปไหนไม่ได้แล้ว “นายอยากเล่นยังไง?”
เสี่ยวเหล่าซานกระโดดขึ้นมา “ง่าย ๆ แค่เพิ่มวีแชตคนอื่น คนที่แพ้ต้องออกไปขอวีแชตคนที่อยู่โต๊ะ 13 และบอกว่าชอบเธอ เป็นไง?”
ในที่สุดไป๋เสิ่นเฉียวก็หาโอกาสกลับตัวได้แล้ว “ฉันไม่ได้พูดนะ เสี่ยวเหล่าซาน นายเล่นกว่าฉันอีก พล็อตเก่า ๆ ซ้ำซากแบบนี้ฉันเลิกเล่นไปตั้งแต่อยู่อนุบาลแล้ว”
“เด็กอนุบาลบ้านไหนเล่นวีแชตกัน พล็อตเก่า ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สนุกนี่”
“ได้ แล้วถ้าที่โต๊ะนั้นมีหลายคนล่ะ?”
เสี่ยวเหล่าซานโบกมือขึ้น “ง่าย ๆ ให้นับเป้าหมายเป็นคนที่ 3 จากซ้ายมือนาย”
“รีบเริ่มเกมเถอะ ฉันรอไม่ไหวแล้ว”
ไป๋เสิ่นเฉียวหยิบขวดเบียร์ขึ้นมาหมุน และขวดนั้นก็หยุดอยู่ตรงหน้าของซูโย่วอี๋
เดิมทีเธอรู้สึกง่วงแล้วและกำลังนั่งเหม่อ ๆ อยู่ในอ้อมแขนของลู่เฉิน
“นี่ โย่วโย่ว ตาเธอแล้ว”
ลู่เฉินขยับร่างกาย หลังจากนั้นขวดเบียร์ก็หันไปหาเขา
ทุกคนทำอะไรไม่ถูก “คุณลู่ คุณจะปกป้องแฟนสาวแบบนี้ไม่ได้นะ”
ซูโย่วอี๋ตื่นจากภวังค์ “ฉันไปเอง”
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือและเดินออกมาจากห้องส่วนตัว พร้อมกับเดินแทรกกลุ่มผู้คนเข้าไป
เสียงเพลงในห้องโถงดังมาก สถานที่นี้ใหญ่มากเช่นกัน
รอบ ๆ ล้วนเป็นที่นั่งแบบโซฟากับโต๊ะตรงกลาง
คนหนุ่มสาวจำนวนมากกำลังเต้นกันอยู่บนฟลอร์ มองออกไปที่นั่งเต็มหมดแล้ว
ที่นี่สุดยอดไปเลย
ซูโย่วอี๋เริ่มตามหาว่าโต๊ะ 13 อยู่ตรงไหน ส่วนลู่เฉินก็รออยู่โดยที่ไม่ได้ตามออกไปด้วย
7 8 9… 13
หมายเลขลำดับที่นั่งติดไว้ในตำแหน่งที่ใกล้กับพื้น หลังจากที่ซูโย่วอี๋ตามหาโต๊ะ 13 เจอเธอก็ถอนหายใจออกมา แต่พอเงยหน้าขึ้นเธอกลับนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น
บนโต๊ะนี้กลับมีคนที่เธอคุ้นเคยอยู่ 2 คน
ซึ่งก็คือเฉินเฉินและเหอมี่มี่
เหอมี่มี่สวมชุดเดรสผ่าหน้าสีแดงคอวีขนาดใหญ่ แต่งหน้าสีควันบุหรี่ ริมฝีปากสีแดง ซูโย่วอี๋เกือบจะจำเธอไม่ได้แล้ว แต่เพราะเห็นเฉินเฉินที่อยู่ข้าง ๆ เธอจึงแน่ใจว่านี่คือเหอมี่มี่
การแต่งตัวของเขาแตกต่างจากบุคคลในความประทับใจของซูโย่วอี๋ไปอย่างสิ้นเชิง
เฉินเฉินถือเหยือกและกำลังรินไวน์ให้คนอื่น ๆ เมื่อเห็นซูโย่วอี๋เขาก็ทำเหยือกไวน์แตกทันที
ของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกมา ทำให้ทั้งโต๊ะวุ่นวาย
ซูโย่วอี๋ทำมือแตะ ๆ หน้ากากอนามัยยังอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าเฉินเฉินมองออกว่าเป็นเธอ
[1] เกม Truth or Dare