บทที่ 272 โกรธมากเพราะผู้หญิงสวยคนหนึ่ง
บทที่ 272 โกรธมากเพราะผู้หญิงสวยคนหนึ่ง
ซูโย่วอี๋รู้สึกเบื่ออาหาร เธอกินไปแค่สองคำก็รู้สึกไม่อยากกินต่อ แต่คุณนายฮันตั้งใจเตรียมอาหารมาตั้งเยอะ เธอไม่อยากทำลายความตั้งใจของคนอื่น
เธอคีบปลาขึ้นมาและใส่มันเข้าไปในปาก
“อร่อยไหม?”
คุณนายฮันมองเธออย่างคาดหวัง
“อร่อยค่ะ”
คุณนายฮันพยายามกลั้นยิ้มไว้ “แม่ไม่ได้ทำมาตั้งนาน รสชาติอาจไม่เหมือนเดิม”
“เสี่ยวลู่ คุณก็กินด้วยนะคะ”
หลังจากที่คู่สามีภรรยาตระกูลฮันรู้ว่าซูโย่วอี๋คือลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขา ก็ได้ตรวจสอบประวัติทั้งหมดของเธอ
ซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ของลู่เฉินและซูโย่วอี๋ด้วย
ตอนแรกพวกเขายังกลัวว่าคุณชายลู่แห่งตระกูลลู่จะไม่จริงจังกับเธอ แต่มาดูวันนี้แล้ว ลู่เฉินเป็นห่วงและใส่ใจซูโย่วอี๋มากราวกับว่าได้ฝากหัวใจทั้งหมดเอาไว้ที่เธอแล้ว
พอพวกเขายิ่งมองลู่เฉินก็ยิ่งรู้สึกชอบ
และนั่นทำให้พวกเขามีความสุขกันมาก
หลังกินข้าวเสร็จ คนในตระกูลฮันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ต่อ คุณชายฮันจึงพูดขึ้นมา “เสี่ยวอี๋ ลูกพักผ่อนดี ๆ นะ วันที่ออกจากโรงพยาบาลพวกเราจะมารับลูกเอง”
แต่เพราะกลัวว่าซูโย่วอี๋จะเข้าใจผิด เขาจึงอธิบายเพิ่ม “ไม่ใช่ว่าเราจะบังคับให้ลูกกลับไปยังบ้านตระกูลฮันนะ”
ทว่าคุณนายฮันยังไม่อยากกลับ แต่เธอก็รู้ดีว่าคนป่วยต้องการการพักผ่อน
เธอจึงก้าวออกมาและกุมมือซูโย่วอี๋เอาไว้ “พวกเราไปก่อนนะ ถ้าแม่คิดถึงแม่ขอโทรศัพท์หาลูกได้ไหม?”
ซูโย่วอี๋จ้องมองเธออยู่สักพัก ก่อนที่จะพยักหน้า
ตอนที่คนในตระกูลฮันกำลังจะออกจากประตูไปนั้น ซูโย่วอี๋ก็เรียกฮันเจ๋อหยางเอาไว้ “ฉันมีเรื่องจะถามพี่”
ฮันเจ๋อหยางยกมือชี้ไปที่ปลายจมูกตัวเอง “ฉัน?”
“ใช่”
ภายใต้สายตาอิจฉาของฮันเจ๋อเหยียน ฮันเจ๋อหยางก็รู้สึกร่าเริงขึ้นมา
“พี่มาแล้วครับ น้องสาว”
ลู่เฉินออกไปส่งคนในตระกูลฮัน ส่วนซูโย่วอี๋พาฮันเจ๋อหยางกลับมายังห้องพักผู้ป่วย
ฮันเจ๋อหยางนั่งลงบนโซฟาอย่างสบายใจ และเลิกคิ้วใส่ซูโย่วอี๋ “ถามมาสิ”
“ถ้าฉันกลับบ้านตระกูลฮัน…”
ฮันเจ๋อหยางนิ่งค้างไปราวกับไม่อยากจะเชื่อ “เธอว่าอะไรนะ?”
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว “พี่ให้ฉันพูดให้จบก่อนได้ไหม?”
“ถ้าเกิดว่าฉันกลับไปตระกูลฮัน พวกคุณจะจัดการกับฮันเอินจียังไง?”
“เรื่องที่ยัยนั่นจะรู้สึกยังไงน่ะเหรอ?” ฮันเจ๋อหยางไม่เข้าใจ “น้องสาว ฉันรู้ว่าเอินจีแย่งชีวิตที่ควรเป็นของเธอไปถึงยี่สิบสี่ปี แต่เอินจีเองก็ไม่ได้ตั้งใจ จริงไหม?”
“พวกเราไม่สามารถทอดทิ้งเอินจีเพราะหาลูกสาวแท้ ๆ เจอหรอกนะ”
ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้น “นี่คือความคิดของพี่หรือเป็นความคิดของพวกเขา?”
ฮันเจ๋อหยางเกาหัวของตัวเอง “พวกเขาไม่ได้พูด แต่เพราะพ่อกับแม่อยู่กับเอินจีมาตั้งนานหลายปี ก็ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึกอะไร อีกอย่างการจะมีลูกสาวมาเพิ่มอีกสักคนก็ใช่ว่าตระกูลฮันจะเลี้ยงดูไม่ไหวสักหน่อย”
ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าการพูดคุยกับฮันเจ๋อหยางนั้นเป็นเรื่องที่เสียเวลาจริง ๆ ถ้ารู้อย่างนี้ถามฮันเจ๋อเหยียนยังจะดีเสียกว่า
เห็น ๆ กันอยู่ว่าฮันเอินจีเกลียดเธอมากแค่ไหน คงไม่อยากกลับไปที่ตระกูลฮันอีกแล้วมั้ง
ถ้าจะต้องเลือกหนึ่งในพวกเธอ ตระกูลฮัน… จะเลือกใครกัน?
“ช่างเถอะ พี่ไปเถอะ”
…
ที่ห้องโถงขนาดใหญ่
แสงไฟสลัว ๆ เผยให้เห็นฮันเอินจีที่นั่งอยู่ในมุมห้องและกระดกขวดไวน์อยู่ตลอดเวลา
ตรงกลางห้องมีกลุ่มหญิงสาวนั่งล้อมวงกันอยู่โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“เอินเอิน หลายวันมานี้เธอเป็นอะไรไป?” หนึ่งในนั้นอดไม่ได้จึงถามขึ้น
เธอยกเลิกงานต่าง ๆ แต่ละวันเอาแต่เมาหัวราน้ำอยู่ในห้อง
ดวงตาของฮันเอินจีนั้นพร่ามัว เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา
เห็นสายตาของกลุ่มเพื่อนที่กำลังมองมา ทั้งประจบ ทั้งเป็นห่วง…
และเสียงหัวเราะเยาะเย้ยนั่น
ที่คนพวกนี่พูดกับเธอก็คงเป็นเพราะตระกูลฮัน
คิดได้เช่นนั้น เธอจึงหยิบขวดไวน์ขึ้นมากระดกอย่างอารมณ์เสีย
“ฉันอารมณ์ไม่ดีอยู่ อย่ามายุ่ง”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นพากันเงียบลงและไม่กล้าถามอะไรอีก จึงทำได้เพียงรับบทอยู่เป็นเพื่อนกับเธอ
จนกระทั่งตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ พวกเธอจึงได้ไปด้วยกัน “ฮันเอินจีดูแย่มากจริง ๆ”
“ใครให้หล่อนเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลฮันกันล่ะ เธอดูของบนร่างกายที่เธอใส่สิ มีชิ้นไหนที่ไม่หรูหราบ้าง ลองดูสิว่าหลายวันมานี้เธอเคยสวมเสื้อผ้าแบบเดิมมาบ้างไหม?”
“อ่า การเกิดมามีบุญก็เป็นทักษะทางชีวิตอย่างหนึ่ง ถ้าฉันเกิดในตระกูลฮัน อาจจะบ้ามากกว่าเธออีกล่ะมั้ง”
“งั้นเธอยังจะมีเรื่องอะไรที่ไม่พอใจอีกล่ะ หรือว่าอกหัก?”
ฮันเอินที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูกำลังหมัดทั้งสองข้างแน่น
พวกเพื่อนที่ตามกันไปเข้าห้องน้ำก็ออกมาเจอกับเธอ ต่างก็ทำตัวเหมือนปกติ
พวกผู้หญิงที่ลับหลังเอาแต่ซุบซิบนินทากับใบหน้าที่ดูเสแสร้ง “เอินเอิน เธอบอกว่าจะไม่มาเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ?”
ฮันเอินจีเอาแต่จ้องไปที่คนพวกนั้น แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
สายตาของเธอทำเอาพวกเขารู้สึกขนลุกซู่
“เอินเอิน ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นพวกเราไปก่อนนะ”
ฮันเอินจีรั้งพวกเธอเอาไว้ “ห้ามไป”
“พูดมาให้ชัด! ถ้าฮันเอินจีอย่างฉันออกมาจากตระกูลฮันก็จะไร้ค่างั้นเหรอ? ฉันอดทนทำงานหนักในวงการบันเทิงมาตั้งหลายปี แต่กลับไม่มีอะไรที่ทำให้คนอื่นเห็นค่าเลยงั้นเหรอ?”
เหล่าหญิงสาวสบตากันไปมา และรีบยกยิ้มขึ้น “เอินเอิน อย่าโกรธเลย เมื่อกี้พวกเราก็แค่อิจฉาที่เธอเกิดมาโชคดีขนาดนี้เท่านั้น พวกเราเองก็อยากเกิดในตระกูลฮันแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ชีวิตแบบนั้นต่างหาก”
“เธออย่าใส่ใจไปเลยนะ”
ฮันเอินจีหัวเราะอย่างเย็นชา “ใครจะอยากเกิดในตระกูลฮันกัน? คิดจริง ๆ เหรอว่าตระกูลฮันหอมหวาน ฉันไม่เห็นจะหวงแหนมันเลย!”
คำพูดพวกนี้ดูแปลกมาก ๆ
เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวคนหนึ่งในนั้นดังขึ้นมา ทุกคนจึงใช้โอกาสนี้หนีหายไปหมด
กระทั่งฮันเอินจีไปเข้าห้องน้ำและกลับมายังที่นั่ง แต่ตรงนั้นกลับไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
หึ
ฮันเอินจีเดินโซเซไปยังแผนกต้อนรับและวางบัตรลงบนเคาน์เตอร์
“คิดเงิน”
พนักงานรับมันไปอย่างสุภาพ “ค่ะ ค่าใช้จ่ายในคืนนี้ของคุณคือ 58,000 หยวน ขออนุญาตรูดบัตรให้นะคะ”
“ขอโทษค่ะ บัตรใบนี้ของคุณถูกอายัดแล้ว”
ฮันเอินจีโกรธมากจนทนไม่ไหว เธอหยิบบัตรมาและโยนใส่หน้าพนักงานคิดเงิน “เบิกตาโง่ ๆ ดูสิ บัตรนี้เป็นรุ่นจำกัดที่ผลิตในประเทศจีน ยอดเงินในบัตรใบนี้ ต่อให้คุณไม่ดื่มไม่กินและทำงานไปอีกกี่ชาติก็ไม่มีทางมีได้หรอก”
พนักงานสาวรู้สึกไม่มั่นใจ ต่อให้เงินของคุณจะเยอะมากแค่ไหน แต่ถ้ารูดไม่ได้ก็คือรูดไม่ได้สิ
“คุณผู้หญิงคะ บัตรของคุณใช้ไม่ได้จริง ๆ คุณลองดูว่าพอจะมีบัตรอื่นอีกไหมคะ?”
ฮันเอินจีพ่นลมที่มีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์ใส่หน้าอีกฝ่าย “ไม่มี ไม่จ่ายแล้ว ฉันขอลงบัญชีไว้ก่อน”
พูดจบก็เดินออกไปด้านนอก
ผู้หญิงคนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ครอบครัวยากจนจึงต้องมาทำงานหาเงินที่นี่
แม้ว่าสภาพแวดล้อมของการทำงานจะโหดร้าย แต่เงินเดือนก็สูง
ถ้าหากไม่สามารถคิดบัญชีนี้ได้ เธอคงต้องเป็นคนชดใช้เงิน 58,000 นี้
เธอจึงรีบไล่ตามไปและดึงมือของฮันเอินจีเอาไว้ “คุณผู้หญิงคะ กรุณาอย่าทำให้ฉันลำบากเลยนะคะ”
ฮันเอินจีหันกลับมา จึงพบว่าผู้หญิงคนนี้ดูสวยมาก ดวงตาสีอัลมอนด์กับคิ้วโก่งได้รูป ผิวสีขาวราวหิมะ
เหมือนกับคนที่เธอเกลียดมากจริง ๆ!
เธอเอามือเชยคางผู้หญิงคนนั้น “ทำไม อยากจะใช้ใบหน้านี้ตกผู้ชายหล่อ ๆ รวย ๆ งั้นเหรอ?”
“หน้าของเธอยังห่างไกลอีกมากนะ มาทำงานในที่แบบนี้ อย่างมากก็แค่ของเล่นของคนมีเงินเท่านั้นแหละ”
ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแดงก่ำ “คุณผู้หญิง ฉันมาทำงานจริง ๆ ไม่ได้ขายตัว”
ฮันเอินจีไม่เชื่อ “ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนจะมาทำงานในที่แบบนี้? น่าอายจะแย่ น่าขยะแขยงจริง ๆ”
หญิงสาวคนนั้นตกใจกับสิ่งที่เธอพูดและรู้สึกอัปยศอดสู
น้ำตาไหลออกมาราวกับน้ำตก แต่กลับยืนกรานไม่ยอมแพ้
จนผู้คนรอบ ๆ เริ่มหันมาสนใจ ทำให้สายตาของหญิงสาวดูเปลี่ยนไป ราวกับว่าเธอมีกำลังใจในการยืนหยัดขึ้นมา
เดิมทีเสี่ยวเหล่าซานมาที่ห้องโถงนี้เพื่อตรวจงาน แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นฉากดี ๆแบบนี้
เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ “ยินดีต้อนรับคุณหนูฮัน ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ออกมาพบคุณ”
แน่นอนว่าฮันเอินจีรู้จักเถ้าแก่ใหญ่ของผับนี้ดี จึงเรียกเขา “คุณซาน”
เสี่ยวเหล่าซาน คนวงในเรียกเขาด้วยความเคารพว่าคุณซาน
เสี่ยวเหล่าซานยิ้มเจ้าเล่ห์ “ผับของผมก็เป็นผับที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำไมในสายตาของคุณหนูฮันถึงได้เป็นที่ ๆ ไม่ดีไปได้ล่ะครับ?”
ฮันเอินจีไม่พอใจ “คุณออกหน้าแทนเธองั้นเหรอ?”
“พูดไม่ได้หรอกว่าออกหน้าแทนหรือเปล่า เพียงแต่ว่าผู้หญิงคนนี้ก็แค่ทำงานของตัวเอง แต่กลับถูกคุณด่าไปเป็นชุด แน่นอนว่าผมที่เป็นเถ้าแก่จะต้องให้เธอได้อธิบายอยู่แล้ว”
หญิงสาวสะอื้น “คุณซานคะ บัตรของคุณผู้หญิงคนนี้ถูกอายัดใช้งานไม่ได้ เธอเลยอยากลงบัญชีเอาไว้ค่ะ”
เพราะอย่างนั้นเธอถึงคิดว่าฮันเอินจีคิดจะชักดาบ
แต่ดูเหมือนว่าคุณผู้หญิงคนนี้กับคุณซานจะรู้จักกัน ถ้าขอลงบัญชีก็คงจะไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าเธอพึ่งมา จึงไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาและทำอย่างนั้นลงไป
เสี่ยวเหล่าซานมองหญิงสาวคนนั้น “ค่าใช้จ่ายของคุณหนูฮันในคืนนี้คือเท่าไหร่?”
“58,000 ค่ะ”
“งั้นค่าใช้จ่ายของคุณหนูฮันลงบัญชีผมไว้เลย”
ฮันเอินจีตกตะลึง “คุณทำอะไร?”
มุมปากของเสี่ยวเหล่าซานยกยิ้มขึ้น ดูชั่วร้ายในสายตาของฮันเอินจีมาก
ทันใดนั้นฮันเอินจีก็รู้สึกว่าเสี่ยวเหล่าซานคนนี้ก็น่าตาดีอยู่เหมือนกัน
“แต่…คุณจะต้องขอโทษเธอ”
เสี่ยวเหล่าซานชี้นิ้วไปที่ผู้หญิงคนนั้น
เพราะความโกรธที่ถาโถมทำให้เธอมีสติมากขึ้น “คุณให้ฉันขอโทษเธอเหรอ?”
“เสี่ยวเหล่าซาน นี่คุณคิดว่าฉันเป็นใคร?”
เธอก้าวเดินออกไปด้านนอกอย่างไม่สนใจทันที
แต่ก็ถูกเสี่ยวเหล่าซานคว้าตัวเอาไว้ พร้อมกับลากให้กลับไป และในตอนนี้ฮันเอินจีก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเสี่ยวเหล่าซานอย่างสมบูรณ์
ฮันเอินจีพยายามดิ้น แต่ทำยังไงก็ไม่หลุด
“เสี่ยวเหล่าซาน ไอ้คนป่าเถื่อน!”
ฮันเอินจีอายุตั้งเท่านี้ ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกล้าเสียมารยาทกับเธอมาก่อนเลย!
ในตอนนี้ ใบหน้าของเสี่ยวเหล่าซานเต็มไปด้วยรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย “เพราะคุณคือคุณหนูฮันผู้สูงศักดิ์สินะ ถึงได้ไม่สนใจคนธรรมดาอย่างพวกเรา แต่นี่คือที่ของผม คุณอย่าทำตัวเป็นปัญหาจะดีกว่านะ”
กลิ่นหอมจาง ๆ ลอยเข้ามาในจมูก เป็นไออุ่นจากผู้ชายข้าง ๆ เธอ
ทำให้ฮันเอินจีรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย
“ปล่อย ก็แค่ขอโทษไม่ใช่เหรอ?”
ทันทีที่ถูกปล่อยออก ฮันเอินจีก็เซไปสองก้าวก่อนที่จะทรงตัวได้
เธอหันไปหาพนักงานสาวคนนั้น พร้อมกับเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางหยิ่งผยอง “ขอโทษละกันนะ เธอตั้งใจทำงานดีมาก”
พูดจบสายตาก็หันมาหาเสี่ยวเหล่าซานอีกครั้ง “โอเคแล้วใช่ไหม”
เสี่ยวเหล่าซานขยับไปด้านข้างเพื่อหลีกทางให้เธอ
ฮันเอินจีถือกระเป๋าหนังใบเล็กและออกมาจากห้องโถง
จากนั้นเสี่ยวเหล่าซานก็เรียกคนมาสองคน “พวกนายออกไปจับตาดูเธอไว้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอขึ้นรถอย่างปลอดภัยแล้วค่อยกลับมา”
ถ้าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ยังไงก็ห้ามมาเกิดในสถานที่ที่เขาดูแล ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถอธิบายกับทางตระกูลฮันได้
รอจนกระทั่งคนพวกนั้นออกไป หญิงสาวคนนั้นก็ก้าวออกมาแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณนะคะ คุณซาน”
เสี่ยวเหล่าซานเก็บท่าทีขี้เล่นเมื่อครู่นี้ไปจนหมด “ทักษะของคุณยังไม่เหมาะกับการเป็นพนักงานคิดเงินนะ”
“ใครเป็นคนรับคุณเข้ามา?”
หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเอง “คุณเซี่ยค่ะ”
ทันใดนั้นเสี่ยวเหล่าซานนึกขึ้นมาได้ ที่แท้ก็คือคนของปานจ่างนี่เอง
ทำสิ่งที่ไม่สมควรแบบนี้ แค่มองก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีประสบการณ์ แล้วแบบนี้จะรับมือกับลูกค้าที่ยุ่งยากได้อย่างไร
ยังดีที่วันนี้เขามาพบเข้าพอดี และดีที่เขาเองก็ไม่ค่อยชอบฮันเอินจีสักเท่าไหร่ จึงได้ยอมออกหน้าให้
ครั้งต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะตกไปอยู่ในมือของใครอีก
“ฟังเยอะ ๆ ดูเยอะ ๆ เรียนรู้เยอะ ๆ อย่าทำให้ใครไม่พอใจโดยไม่รู้ตัวเข้าล่ะ”
หญิงสาวคนนั้นมองแผ่นหลังที่ไกลออกไปของคุณซานอย่างเหม่อลอย
จากนั้นหัวหน้าก็พูดขึ้น “เหม่ออะไรอยู่ ยังไม่รีบไปทำงานอีก”
คนที่เห็นความวุ่นวายภายในโถงใหญ่แห่งนี้ต่างพากันพูดถึงมันกันอย่างเมามัน และพูดต่อกันไปเรื่อย ๆ
สรุปก็คือ คุณซานโกรธมากเพราะผู้หญิงสวยคนหนึ่ง
และมันก็ได้กลายเป็นเรื่องราวที่เล่าต่อ ๆ กันภายในผับ
…
เพราะเวลานี้คือช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาว ทำให้มีลมหนาวกระโชกแรง
ฮันเอินจีที่ยืนอยู่หน้าผับและกระชับเสื้อคลุมของตัวเองแน่น
โดยปกติแล้วไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เธอจะมีคนขับรถของตระกูลคอยรับส่งเสมอ แต่ตอนนี้เธอออกมาจากตระกูลฮันแล้ว เธอจึงไม่อยากน้อมรับและใช้ของอะไรของตระกูลฮันอีก
โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าตระกูลฮันยกเลิกบัตรเครดิตของเธอไปแล้ว