บทที่ 277 เรื่องราวภายใน
บทที่ 277 เรื่องราวภายใน
ไป๋เหิงหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที จากนั้นก็จางลง ก่อนเธอจะพูดเสียงแผ่วว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
“ชิงจ้าว สาวน้อยคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดนะ”
เธอไม่ใช่คนที่ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการตีสนิทสักหน่อย
อวี๋ชิงจ้าวชำเลืองมองไปที่ซูโย่วอี๋ ก่อนปรับน้ำเสียงของเธอให้อ่อนลง “นั่งลงเถอะ แล้วฉันจะพูดถึงปัญหาของเธอให้ฟัง”
“ไม่ค่ะ ฉันจะยืน”
ไป๋เหิงหวาดกลัว
ซึ่งอวี๋ชิงจ้าวก็ไม่ได้บังคับเธอ อวี๋ชิงจ้าวอธิบายปัญหาของไป๋เหิงโดยละเอียด จากนั้นตรงไปช่วยเธอปรับทีละอย่าง
ไป๋เหิงที่รู้สึกไม่สบายใจในตอนแรกก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้น
และเริ่มกล้าที่จะเป็นฝ่ายขอคำแนะนำจากอวี๋ชิงจ้าว
หนึ่งชั่วโมงได้ผ่านพ้นไปโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน ถ้าเธออยากเต้นให้ดี เธอต้องออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อให้กล้ามเนื้อช่วยจดจำและทำงานหนักเพื่อเอาชนะการเคลื่อนไหวที่ไม่คุ้นชินให้ได้”
ไป๋เหิงพยักหน้ารัว
สีหน้าของเธอทั้งจริงจังและตื่นเต้น เธอไม่รู้สึกอ่อนล้ากับการฝึกฝนตลอดหนึ่งชั่วโมงเลยสักนิด
“ขอบคุณค่ะ อาจารย์อวี๋”
หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปที่ซูโย่วอี๋ “ขอบคุณค่ะ อาจารย์ซู”
ซูโย่วอี๋เงยหัวขึ้นจากโทรศัพท์มือถืออย่างเกียจคร้าน เหมือนแมวที่กินอิ่มและกำลังง่วง “ไป๋เหิง สู้เขานะ”
ไป๋เหิงออกจากบ้านพักไปอย่างมีความสุข
จากนั้นอวี๋ชิงจ้าวก็นั่งลงข้างซูโย่วอี๋ “เธอชอบเด็กคนนั้นเหรอ?”
“ก็ประมาณนึง เธอไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร”
ซูโย่วอี๋เปลี่ยนท่าทางของเธอ “ตอนที่สอนเต้น เธอจริงจังเกินไปนะ เด็กคนนั้นกลัวเธอจริง ๆ”
อวี๋ชิงจ้าวขมวดคิ้ว “งั้นเหรอ?”
เธอแค่อยากพิสูจน์บางอย่าง แต่ไม่ได้จงใจแกล้งหรืออะไร
ซูโย่วอี๋ยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก อาจารย์ที่เข้มงวดต่างก็สร้างเด็กฝึกคุณภาพสูงออกมา ฉันหวังว่าในการประเมินครั้งแรก เด็กคนนั้นจะได้รับผลการประเมินที่ดี และทำตามความคาดหวังเล็ก ๆ ของเธอได้นะ”
ดวงตาของอวี๋ชิงจ้าวมองออกไป “การแสดงนี้ไม่ได้อาศัยแค่ความสามารถอย่างเดียว”
ซูโย่วอี๋โต้ตอบทันที “พวกเขาคุยกับเธอเหรอ?”
ใช่ มีบทก็ต้องมีคนเล่น
ถ้าไม่ใช่เธอ ก็มีคนอื่นอีก
อวี๋ชิงจ้าวพยักหน้า “อืม แต่ฉันปฏิเสธไป”
ซูโย่วอี๋ไม่แปลกใจเลย
สำหรับอวี๋ชิงจ้าว การเต้นคือทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นที่นิยมหรือไม่ แฟนคลับมากน้อยแค่ไหน มันก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของเธอเลย
การพัฒนาความสามารถเป็นสิ่งเดียวที่เธอสนใจ
ซูโย่วอี๋ถอนหายใจยาวเหยียด “บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าบุคลิกของเราไม่เหมาะกับวงการบันเทิง”
พวกเราไม่อยากไปตามกระแส
อวี๋ชิงจ้าวไม่เห็นด้วย “วงการบันเทิงให้สิ่งที่ฉันต้องการได้”
ซูโย่วอี๋มองไปที่ดวงตาที่แน่วแน่ของเธอด้วยความอิจฉา
อวี๋ชิงจ้าวรู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร
หลังจากนั่งเล่นอยู่พักหนึ่ง ทั้งสองก็กลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อพักผ่อน
…
ไป๋เหิงไม่ได้กลับไปที่หอพักหลังจากออกจากบ้านพัก แต่ไปที่ห้องซ้อมเต้น
เมื่อผลักประตูเปิดออก สาว ๆ ที่มาเยี่ยมบ้านพักด้วยกันก่อนหน้านี้มองมาที่เธอ ผู้หญิงที่ใส่เสื้อแขนยาวและเต้นเก่งพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เฮ้ ทำไมเธอถึงเพิ่งมาล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอไปทำความสะอาดบ้านพักของอาจารย์มาเหรอ?”
มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีกระตือรือร้นและสุภาพต่อหน้าซูโย่วอี๋
แม้ว่าไป๋เหิงจะไร้เดียงสา แต่เธอก็รู้ว่าไม่ควรพูดเรื่องที่อาจารย์อวี๋สอนเธอส่วนตัว “เปล่านะ ฉันแค่อยู่คุยกับอาจารย์”
“ชิ เธอจะเสแสร้งไปทำอะไร? ชอบล้างจานใช่ไหม ได้ จากนี้ไป เราให้เธอล้างจานทั้งหมด”
หญิงสาวลุกขึ้นยืนและปรบมือ “เฮ้ ฟังให้ดี ไป๋เหิงจะล้างจานของคลาส B ของเราจากนี้ไป พวกเธอได้ยินฉันไหม?”
คนขี้ประจบบางคนเห็นด้วย ส่วนบางคนที่ขี้เกียจก็รีบตอบตกลงทันที บางคนก็ขี้อายและไม่กล้าเห็นด้วย
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น “ไป๋เหิง ฉันขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของเธอนะ”
ไป๋เหิงกำเสื้อของตัวเองแน่น แต่ก็ไม่กล้าที่จะต่อต้าน “ตกลง… ตกลง”
การประเมินครั้งแรกจะมาถึงในไม่ช้า การประเมินจัดขึ้นที่สนามบาสเก็ตบอลขนาดใหญ่
เด็กฝึกนั่งล้อมรอบกันเป็นวงกลมและเว้นพื้นที่ตรงกลางสำหรับการแสดง
ในแต่ละการแสดง อาจารย์จะให้คะแนนตามด่านต่าง ๆ เช่น ดนตรี การร้อง การเต้น การประสานระหว่างการร้องและเต้น แล้วนำมาสรุปคะแนนและคำนวณเกรด
มีสองคนจากคลาส A ที่ทำผลงานได้ไม่ดี จนทำให้คนกลุ่มหนึ่งตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
แต่ก็มีการแสดงที่คาดไม่ถึงเช่นกัน
เช่นกัวหลินหลิน หญิงสาวที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการกลั่นแกล้งไป๋เหิง
ในการแสดงแรก เธอแสดงเป็นคนสุดท้ายในคลาส B และเธอก็ทำได้ดีทั้งการร้องและเต้น
จากมุมมองของซูโย่วอี๋ การแสดงโดยรวมได้ B+ ด้วยซ้ำ
เมื่อกัวหลินหลินลงจากเวที เด็กฝึกจำนวนมากต่างส่งเสียงเชียร์เธอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นที่นิยมมาก
คนต่อไปที่จะแสดงคือ… ไป๋เหิง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้พูดคุยกันหรือเปล่า แต่ทั้งซูโย่วอี๋และอวี๋ชิงจ้าวให้ความสนใจกับเธอมากกว่าคนอื่น
“เริ่มเลย”
ไป๋เหิงคำนับต่ำและยืนขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
เธอเปิดปาก
ประโยคแรกร้องออกมาอย่างมั่นคง
อารมณ์การร้องเพลงถูกดันขึ้นสูงไปทีละชั้น
การหายใจเองก็ดีด้วย
ซูโย่วอี๋ค่อย ๆ เผยรอยยิ้ม
ทันทีที่เต้น เธอเกร็งเล็กน้อย แต่ก็ยังราบรื่นและเสร็จสิ้นในครั้งเดียว
การร้องและการเต้นไหลลื่นเข้าขากันอย่างไม่มีสะดุด
หลังจากจบเพลง หน้าอกของไป๋เหิงก็กระเพื่อมขึ้นลง
ซูโย่วอี๋และอวี๋ชิงจ้าวมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเห็นความประหลาดใจในดวงตาของกันและกัน
อวี๋ชิงจ้าวหยิบไมโครโฟนขึ้นมากล่าวอย่างเรียบง่ายและชัดเจน “ไม่เลว”
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอชื่นชมเด็กฝึกที่เต้นไม่เป็น สีหน้าของเด็กฝึกบนเวทีก็เปลี่ยนไปชั่วขณะหนึ่ง
พวกเธอมองไปที่ไป๋เหิงด้วยความอิจฉาริษยา
หลังจากที่ทุกคนแสดงเสร็จ เด็กฝึกออกจากสนามบาสเก็ตบอล เจ้าหน้าที่รวบรวมใบประเมินคะแนนของอาจารย์ทั้งสี่คนเพื่อคำนวณเกรด
ระหว่างรอ รายชื่อบุคคลที่ถูกคัดออกและรอดำเนินการถูกส่งไปที่อาจารย์ทั้งสี่
ผู้กำกับปิดกล้องและเดินเข้าไปหา “อาจารย์ทุกท่าน นี่คือคำแนะนำรายชื่อคัดออกที่เสนอโดยทีมงานรายการหลังจากพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยพิจารณาจากผลงานของเด็กฝึกในสัปดาห์ที่ผ่านมา”
กำลังพิจารณา…
ซูโย่วอี๋เงียบ การพิจารณาอย่างรอบด้านที่ดูเหมือนจะยุติธรรมกลับไม่ยุติธรรมที่สุด
มันดูปลอมมากเกินไป
มีอคติมากเกินไป
ซูโย่วอี๋เปิดรายชื่อ ทันใดนั้นก็เห็นว่าชื่อของไป๋เหิงเป็นหนึ่งในบุคคลที่รอดำเนินการ
เธอจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ผู้กำกับคะ เด็กฝึกบางคนในรายชื่อทำได้ค่อนข้างดี ทำไมพวกเธอถึงถูกคัดออกในรอบแรกล่ะคะ?”
ผู้กำกับอธิบายอย่างใจเย็นว่า “มันเป็นแบบนี้ครับ เราได้ดูการแสดงจากในกล้อง สีหน้าและความนิยมของผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้อยู่ในระดับต่ำ แต่แน่นอนว่าความสามารถก็เป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน”
“เด็กฝึกบางคนมีความสามารถแต่แสดงออกไม่เก่ง จึงยากที่จะได้รับความนิยม”
ยิ่งไปกว่านั้น ทีมผู้กำกับได้เลือกผู้เข้ารอบไว้หลายคนแล้ว ซึ่งทุกอย่างตั้งแต่การออกแบบคาแร็คเตอร์ไปจนถึงการดำเนินการกำลังอยู่ในขั้นตอน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่เหลือเป็นเพียงตัวประกอบ
อาจารย์ผู้ชายสองคนไม่คัดค้านใด ๆ เพราะเป็นเรื่องปกติของรายการวาไรตี้ที่จะมีเรื่องราวภายใน
พวกเขาจึงคุ้นเคยกับมันดี
แต่อวี๋ชิงจ้าวขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นอย่างนี้ การประเมินจะมีความหมายอะไร”
งานของอาจารย์ก็ไร้ความหมายเช่นเดียวกัน
ผู้กำกับหัวเราะ “จะเป็นไปได้ไงกันครับ?”
“คำแนะนำของคุณเองก็สำคัญมากเช่นกัน รายชื่อเด็กฝึกที่รอดำเนินการสามารถนำออกได้ และพวกเธอยังสามารถเลื่อนคลาสได้อีกด้วย”
ซูโย่วอี๋มองไปที่เด็กฝึกที่ถูกคัดออกห้าคนและเด็กฝึกที่รอดำเนินการสามคนด้วยท่าทีไม่สบายใจ
“การคัดเด็กฝึกออกในการประเมินครั้งแรกไม่ค่อยมีเหตุผลไม่ใช่เหรอคะ?”
แค่หนึ่งสัปดาห์จะเห็นผลอะไรได้?
รายการวาไรตี้ ‘22 วันปั้นดาว’ ก็เริ่มคัดออกหลังจากการแสดงครั้งแรก
ผู้อำนวยการแสดงความรู้สึกเสียใจ “อืม เราได้พิจารณาประเด็นนี้แล้ว แต่ผู้สนับสนุนเชื่อว่าการแข่งขันสามารถกระตุ้นให้ผู้ชมรู้สึกสะเทือนใจได้น่ะครับ”
“และการลดคนลงทำให้กล้องโฟกัสได้มากขึ้น”
เจ้าหน้าที่มารายงานผลสถิติ “ผู้กำกับ ผลการประเมินครั้งแรกของเด็กฝึกได้แล้วครับ”
สมาชิกเด็กฝึกสองคนของคลาส A หลุดออกจากคลาส ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดไว้
ชั้นเรียนที่เหลือต่างเพิ่มขึ้นและลดลง
แต่มีสองตำแหน่งที่ดึงดูดความสนใจของซูโย่วอี๋
กัวหลินหลินและไป๋เหิง
กัวหลินหลินได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในคลาส A แม้ความสามารถของเธอจะพัฒนาขึ้นมาก แต่เธอก็ยังไม่ถึงระดับของคลาส A
ตรงกันข้าม การแสดงของไป๋เหิงในครั้งนี้สามารถเข้าคลาส A ได้อย่างแน่นอน แต่เธอตกไปอยู่คลาส C?
ปัญหาอยู่ที่การให้คะแนนของอาจารย์สอนแร็ปและร้องเพลง
กัวหลินหลินได้คะแนนสูงเกินไป
ส่วนคะแนนของไป๋เหิงก็ต่ำเกินไป
มองยังไงก็มีปัญหา
ผู้กำกับตบไหล่อาจารย์ผู้ชาย “คุณซู พวกคุณทุกคนปรึกษากันและคิดรายชื่อคนที่จะถูกคัดออกเถอะครับ”
ซูโย่วอี๋ไม่ได้พูดอะไรและใช้ปากกาขีดฆ่าสามคนในรายชื่อทันที
“เด็กฝึกพวกนี้ทำได้ดีในการประเมิน พวกเธอฝึกฝนอย่างหนัก ฉันอยากให้พวกเธออยู่ต่อ”
เธอกล่าวอย่างสุภาพ
หลังจากคิดเรื่องนี้ อาจารย์ชายทั้งสองก็พูดช้า ๆ ว่า “คุณซู เราไม่คัดค้านอีกสองคน แต่เรารู้สึกว่าไป๋เหิงคนนั้นไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อครับ”
ซูโย่วอี๋เย้ยหยันอยู่ในใจ รู้สึกเหรอ?
รู้สึกอะไรล่ะ?
รู้สึกถึงเงินน่ะสิ
ถ้าบอกว่าไม่มีใครสั่งอยู่เบื้องหลัง ซูโย่วอี๋ไม่เชื่อเด็ดขาด
ใครคือคนที่กำหนดเป้าหมายไป๋เหิงกัน?
น้ำเสียงของอวี๋ชิงจ้าวเย็นชา “ฉันก็ไม่เห็นด้วย การเต้นและการร้องของไป๋เหิงอยู่ในคลาส A ได้ ฉันอยากจะถามด้วยซ้ำว่าทำไมคุณสองคนถึงได้ให้คะแนนเธอต่ำนัก?”
อาจารย์ชายกระแอมกลบเกลื่อน “การแสดงออกของไป๋เหิงไม่มีอะไรน่าประทับใจนัก เลยไม่สามารถดึงดูดความสนใจของผมได้”
อวี๋ชิงจ้าวกางรายชื่อเด็กฝึกจำนวนมากออกมา
“ฉันอยากจะถามค่ะ การแสดงออกของไป๋เหิงไม่ดีเท่าคนพวกนี้เหรอคะ?”
น่าตลก
บรรยากาศตึงเครียดอยู่พักหนึ่ง
ก่อนผู้กำกับจะเข้ามาเกลียกล่อม “งั้นไป๋เหิงก็เลื่อนไปก่อน ตกลงไหม?”
ในที่สุดเหล่าอาจารย์ก็ได้เลือกผู้ที่ถูกคัดออกใหม่อีกครั้ง เรื่องจึงจบลง
ผู้เข้าอบรมลงมาที่สนามบาสเกตบอลรอผลการประเมิน
ทันทีที่พวกเธอขึ้นมา เด็กฝึกห้าคนก็ต้องจากไป
เมื่อพิธีกรประกาศจากรายชื่อคนที่ถูกคัดออก ซูโย่วอี๋ได้จ้องมองปฏิกิริยาของผู้คนในสนาม
สาว ๆ หลายคนดูประหลาดใจหลังจากได้ยินชื่อที่ถูกคัดออก
ซึ่งพวกเธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก… กัวหลินหลินและเพื่อนของเธอ
แววตาของซูโย่วอี๋เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที
การประเมินครั้งแรกของเด็กฝึกสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการแล้ว
ทีมงานทุกคนจัดวันหยุดพักสองวัน ซูโย่วอี๋ออกจากกองถ่ายทำทันที
อวี๋ชิงจ้าวยืนดื่มน้ำอยู่หน้าเคาท์เตอร์ด้วยรอยยิ้มแต้มริมฝีปาก “ตรงกลับบ้านเลยเหรอ?”
“อืม ในเมืองวุ่นวายเกินไป ฉันอยากกลับไปชนบท”
“เธอไม่กลับเหรอ?”
อวี๋ชิงจ้าวส่ายหัว “ไม่ล่ะ พอกลับไปฉันก็ต้องอยู่คนเดียว ฝึกเต้นอยู่ที่นี่ดีกว่า”
ซูโย่วอี๋ออกไปอย่างรวดเร็ว
เธอส่งข้อความถึงลู่เฉินและซูหยิน สุดที่รักของเธอทันที
[ฉันว่างสองวัน]
ซูหยิน [ที่รัก ไปเลือกชุดแต่งงานกับฉันพรุ่งนี้นะ]
ซูโย่วอี๋ตกลงอย่างง่ายดาย [ไม่มีปัญหา]
ส่วนลู่เฉินไม่ได้ตอบกลับอยู่นาน ดังนั้นซูโย่วอี๋จึงกลับบ้านทันที ในขณะที่เธอนอนบนโซฟา เธอพูดได้เพียงสองคำเท่านั้น
สบายใจ!
เจ้าจิ้งจอกเน่าลอยออกมา [ซู่จู่ ฉันต้องการประท้วง]
?
ซูโย่วอี๋มีเครื่องหมายคำถาม “นายเป็นอะไรไป?”
[ฉันไม่ได้เจอพี่ไป๋นานแล้ว คิดถึงเธอจัง]
หือ
ที่แท้ก็คิดถึงสาว
ซูโย่วอี๋ยิ้มเยาะ “ฉันไม่มีเหตุผลที่จะให้เธอมาหานี่”
[พวกสาว ๆ ชอบออกไปช็อปปิ้ง ดื่มชา กินข้าว ดูหนัง… ไม่ใช่เหรอ?]
“โอ้? พวกสาว ๆ ? เจ้าจิ้งจอกเน่า นายเป็นผู้ชายเหรอ?”
เจ้าจิ้งจอกเน่าหน้าแดง [ใครบอกว่าฉันเป็นผู้ชาย?]