บทที่ 356 ผู้คนมึนงง
บทที่ 356 ผู้คนมึนงง
ซูโย่วอี๋ยืนรออยู่ด้านนอกของคฤหาสน์ มีรถแท็กซี่คันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้า ซิดลงมาจากรถคันนั้น
เธอเดินเข้าไปทักทาย “สวัสดีค่ะ อธิการบดี”
แมดดิสันมองไปยังเธอด้วยรอยยิ้ม “ในที่สุดก็ได้พบคุณเสียทีนะ ฮันโย่วอี๋”
ชายหนุ่มมองไปยังคนตรงหน้าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดาราดังมากที่สุดในประเทศจีน จะมองซ้ายหรือมองขวาก็คงต้องยอมรับว่าซูโย่วอี๋สวยขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อนมาก
โดยเฉพาะบรรยากาศรอบ ๆ ตัวเธอ ถ้าพูดถึงเมื่อหลายปีก่อน เธออ่อนเยาว์และดูเป็นคนเย็นชา ตอนนี้ทุกท่วงท่าของเธอเผยให้เห็นถึงความมั่นใจที่มีมาจากภายในสู่ภายนอก
แมดดิสันเสนอว่าขอคุยกับเธอตามลำพัง ซูโย่วอี๋จึงพาเขาไปยังห้องหนังสือ
แมดดิสันมองรุ่นน้องอายุน้อยคนนี้และพูดอย่างอารมณ์ดี “คุณเป็นคนร้องเพลง [พัวพัน] งั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ฉันเอง”
แมดดิสันพยักหน้า “คุณร้องได้ดีมาก”
พูดจบเขารู้สึกว่าประโยคนี้ยังไม่หนักแน่นมากพอ จึงพูดเสริมขึ้น “ตั้งแต่ที่หลินลี่ตายไป ผมไม่เคยได้ยินใครเอาเพลงนี้มาร้องได้ดีขนาดนี้เลย”
ซูโย่วอี๋ “ชมมากเกินไปแล้วค่ะ ฉันพึ่งจะเข้าใจวิธีการร้องเพลงของหลินลี่เมื่อไม่นานมานี้เอง”
ถ้าร้องเพลงของคนอื่น ก็คงจะไม่ได้ยอดเยี่ยมแบบนี้หรอก
นี่คือสาเหตุที่ซูโย่วอี๋เลือกร้องเพลงนี้
แมดดิสันเข้าใจถึงความหมายในคำพูดของเธอ เขารู้สึกพึงพอใจกับคำพูดถ่อมตัวของซูโย่วอี๋มาก “ในชีวิตของคน ๆ หนึ่งสามารถทำเรื่องหนึ่งออกมาได้ถึงจุดสูงสุด นั่นก็คือความสำเร็จ”
“ก่อนมาที่นี่ผมไม่ได้เข้าใจอะไรในตัวคุณมากนัก คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีเหรอครับ?”
ซูโย่วอี๋ส่ายหน้าและบอกความจริงกับเขาถึงเรื่องที่เธอไม่เคยเรียนด้านนี้มาก่อนเลย
ประวัติย่อ ๆ ของเธอหาได้ในอินเทอร์เน็ต จึงโกหกอะไรไม่ได้
ฟังจบ แมดดิสันรู้สึกเสียใจ “คุณสามารถเติบโตเป็นดวงดาวอันพร่างพรายจากสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากแบบนั้น ผมภูมิใจในตัวคุณมากจริง ๆ”
“ฮันโย่วอี๋ วิทยาลัยฮิลเบิร์ตส่งคำเชิญอย่างเป็นทางการให้คุณแล้ว คุณยินดีที่จะเข้าเรียนในวิทยาลัยของเราหรือเปล่าครับ?”
“ยินดีค่ะ”
แมดดิสันตบลงที่ไหล่ของเธอ “สาวน้อย ผมจะรอคุณที่วิทยาลัยนะ ผมมาที่นี่ก็เพื่อมาหาคุณ ตอนนี้ก็ได้เจอคุณแล้ว ผมก็ควรจะต้องกลับอเมริกาแล้วล่ะ”
ซูโย่วอี๋เกลี้ยกล่อมเขาจากใจจริง “อธิการบดี คุณอยู่ที่จีนอีกสัก 2-3 วันเถอะค่ะ ให้ฉันได้เป็นเจ้าบ้านดูแลคุณนะคะ”
“ไม่ดีกว่าครับ”
แมดดิสันส่งสายตาหยอกล้อ “ต่อไปอย่าลืมชาร์จแบตฯ โทรศัพท์ล่ะ ผมจะได้ไม่ต้องท่องไปทั่วโลกเพื่อตามหาคุณ”
ซูโย่วอี๋ลูบจมูกอย่างเขินอาย “แน่นอนค่ะ”
หลาย ๆ คนนั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหาร แต่แมดดิสันต้องรีบไปขึ้นเครื่องจึงกลับไปแล้ว
แต่ซิดยังอยู่ต่อ เขาบอกว่าอยากอยู่เที่ยวเล่นสัก 2-3 วัน
อย่างไรเสีย ต่อไปก็จะต้องอยู่วิทยาลัยเดียวกันอยู่แล้ว อีกทั้งซูโย่วอี๋ยังใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยเรื่องการขายสูตร [ยารักษากระเพาะเร่งด่วน] แน่นอนว่าเขาเต็มใจที่จะทำหน้าที่หาแนวทางให้เธอ
พระราชวังต้องห้าม หอสักการะฟ้าเทียนถัน พระราชวังฤดูร้อน… สถานที่ที่มีชื่อเสียงต่าง ๆ เขาก็ไปมาหมดแล้ว
ในวันสุดท้าย พวกเขาจึงไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนกัน
ตอนที่จะแยกกัน ซูโย่วอี๋เตือนซิดให้สวมรองเท้าผ้าใบ และพูดกับพวกเขาเล่น ๆ ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับการเดินทางอันยาวไกลสุดแสนทรหดแน่ ๆ
การพบเจอกันในหลายวันมานี้ทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองดูสบาย ๆ มากยิ่งขึ้น
ซิดเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังเอาไว้ “ขอแค่ได้ไปกับคุณ จะไปที่ไหนผมก็ได้หมดเลย”
“จะเดินไกลแค่ไหนก็ไม่เป็นไร”
น้ำเสียงของซิดดูอบอุ่น ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ดูครุมเครือขึ้นมาในทันที
ซูโย่วอี๋ลดสายตาลง หลีกเลี่ยงการจ้องมองสายตาแพรวพราวของชายหนุ่ม ทำไมมันเหมือนท่าทางของคนที่ต้องการจะสารภาพรักเลยล่ะ
แต่ซูโย่วอี๋ก็กลัวว่าเธออาจจะเข้าใจผิดไปเอง จึงลองถามขึ้น “ก่อนหน้านี้ที่ฉันถามคุณ คุณบอกว่าไม่ได้ชอบฉัน”
ซิดเปิดปากพูดเบา ๆ “ก็คุณพูดเองนี่ว่านั่นมันคือก่อนหน้านี้”
“ตอนนี้ผมกลับคำแล้ว”
เขาไม่ได้ถอยกลับ แต่แสดงความรู้สึกออกมาอย่างเปิดเผย
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว ทำไมเรื่องทุกอย่างถึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ล่ะ?
“ฉันมีลูกและพวกเราก็อายุห่างกันมาก”
เขาอายุแค่ยี่สิบปี เป็นน้องชายของเธอได้เลยนะ
ต่อให้ซิดจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ซูโย่วอี๋ก็ไม่สามารถเอาตัวเองไปอยู่กับเขาได้
นั่นคือช่องว่างระหว่างวัยถึงแปดปี
ซิดก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว มือทั้งสองข้างวางลงบนไหล่ของเธอ จ้องมองด้วยดวงตาร้อนแรงราวกับเปลวไฟ เขาโน้มเข้ามาใกล้กับใบหน้าของเธอ “ฮันโย่วอี๋ ผมจริงจังนะ”
“ก่อนหน้านี้ที่ผมยอมถอย ไม่ใช่สาเหตุเพราะคุณมีลูก แต่เป็นเพราะผมคิดว่าคุณมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ผมจึงไม่เข้าไปยุ่งกับครอบครัวของคนอื่น”
“แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณไม่มี”
ซูโย่วอี๋จับจ้องไปยังดวงตาของเขา และยังคงรู้สึกถึงความไม่จริงจัง “คุณชอบอะไรในตัวฉันเหรอ?”
“คุณสวย”
“ร้องเพลงเพราะ”
“ต่อสู้เก่ง”
“อ่านหนังสือจริงจัง สุขุม ไม่พูดมาก”
ซิดนิ่งไปครู่หนึ่ง “แต่คุณจะไม่นับเรื่องพวกนี้ก็ได้นะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก ชอบก็คือชอบ”
ซูโย่วอี๋ดันเขาออก “ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณ”
สีหน้าของซิดดูขมขื่น “คุณจะไม่ให้ความหวังผมสักนิดเลยเหรอ?”
“ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว เรื่องเที่ยวกำแพงเมืองจีนในวันพรุ่งนี้ยังไปอยู่ไหม?”
ซูโย่วอี๋ “ก็ดูว่าคุณอยากไปหรือเปล่า”
“งั้นไปกัน”
หลังจากที่ทั้งสองแยกจากกัน คนสองคนที่แอบอยู่ก็โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้สูง
“อ่า ๆ ๆ คนเมื่อกี้นี้คือซูโย่วอี๋ใช่ไหม?”
“กลับมาประเทศจีนตั้งแต่เมื่อไหร่ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? แฟนหนุ่มของเธองั้นเหรอ?”
ท่าทางดูสนิทสนม ความสัมพันธ์น่าจะไม่ธรรมดา
ผู้ชายอีกคนหนึ่งถามขึ้น “นายถ่ายรูปออกมาชัดหรือเปล่า?”
“ชัดแจ๋วที่สุด แต่ซูโย่วอี๋ออกจากวงการบันเทิงไปตั้งนานแล้วนี่ ถ้าเอาไปลงในอินเทอร์เน็ตจะดังจริง ๆ เหรอ?”
คนที่อยู่ข้าง ๆ เองก็ไม่แน่ใจ “ช่วงฝึกงานจะจบอยู่แล้ว ถ้ายังไม่ได้ข่าวใหญ่ พวกเราลำบากแน่”
เขามองกล้องในมือ “ในสถานการณ์แบบนี้เราก็ต้องทำทุกทาง คืนนี้พวกเราเอาข้อมูลนี้ลงไปเถอะ”
และแล้วในระหว่างที่ซูโย่วอี๋กำลังนอนหลับอยู่ในฝันนั้น ข่าวในอินเทอร์เน็ตก็โด่งดังขึ้นมา
ชาวเน็ตที่นอนดึกเข้าไปถล่มในเวยป๋ออีกครั้ง
แต่สิ่งที่ยิ่งถล่มถลายมากกว่าก็คือชาวเน็ต
[เทพธิดาของฉัน! อ่า ฉันไม่ได้เจอเทพธิดามาตั้งนาน แอบไปมีความรักแล้วเหรอ]
[เธอถูกชาวต่างชาติหลอกไปแล้ว หัวใจของฉันเจ็บปวดเหลือเกิน]
[ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดของผู้ชายคนนี้ภายในหนึ่งนาที]
[หมอนี่มีดีตรงไหนกัน พี่สาวครับ ให้คนคนนั้นเป็นผมได้ไหม]
[พี่สาวอย่าได้ไปชอบผู้ชายแบบนั้นเลย จะโชคร้ายเอาได้นะ]
[แค่มองผ่าน ๆ ผู้ชายคนนี้ก็หล่อมากแล้ว เหมาะสมกับโย่วโย่วมากเลยนะ]
[พวกไร้เดียงสา มองหาผู้ชายจากการเปรียบเทียบกับคนข้างบ้าน ความงามของโย่วโย่วไม่ได้มีปัญหาเลยสักนิด]
[ขอแค่โย่วโย่วมีความสุข ผมต้องร้องไห้จนตายก็ไม่เป็นไร]
[ถ้าเป็นเรื่องจริง หวังว่าโย่วโย่วจะรีบออกมาประกาศอย่างเป็นทางการ เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ก็ควรจะรีบออกมาอธิบายได้แล้ว @โย่วโย่ว @เทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ @ลู่เฉิน ฉันไม่อยากชิปผิดคู่นะ]
[พวกคุณไม่ควรปกปิดเรื่องจริง ฉันเคยเป็นชิปเปอร์คู่ของโย่วโย่วกับประธานลู่นะ @ลู่เฉิน]
[คอมเมนต์ด้านบน ฉันก็ด้วย!]
ลู่เฉินที่ทำโอทีอยู่ดี ๆ พอเปิดเวยป๋อดูก็พบว่าผู้คนกำลังมึนงงกันไปหมดแล้ว
ที่ผ่านมาเรื่องราวซุบซิบของลู่เฉิน เขาไม่เคยออกมาปฏิเสธอะไรเลย เพราะเขาเองก็ไม่อยากเสียเวลาให้กับเรื่องทำนองนี้
ตัวเขาเองคือผู้ที่ยืนอยู่บนยอดพีระมิดในวงการบันเทิง ข่าวพวกนี้จะใหญ่โตมากแค่ไหน เขาเองก็รู้ดี
มันก็เหมือนการกลับผิดเป็นถูก
แต่ครั้งนี้ หน้าจอโทรศัพท์กลับหยุดค้างอยู่ที่รูปภาพความสนิทสนมของซูโย่วอี๋กับซิดอยู่เนิ่นนานโดยไม่ได้กดออก
จนกระทั่งแสงไฟหน้าจอโทรศัพท์ดับลงไปเอง
ลู่เฉินรู้สึกรำคาญเล็กน้อย เขาเปิดลิ้นชักออก ในนั้นมีบุหรี่และไฟแช็กอยู่
เขาหลับตาลงเพื่อสงบความรู้สึกกระสับกระส่ายภายในใจ พอลืมตาขึ้นก็ไม่สามารถฝืนทนไหว จึงหยิบบุหรี่มาหนึ่งมวนและจุดไฟ