บทที่ 359 ยึดติดกับฉันคนเดียว
บทที่ 359 ยึดติดกับฉันคนเดียว
เดิมทีลู่เฉินได้ตัดสินใจยอมแพ้ไปแล้ว และยอมให้ซูโย่วอี๋จากไปแต่โดยดี เพราะอีกฝ่ายพูดอย่างไร้เยื่อใยขนาดนั้น
แต่จู่ ๆ ความโกรธกลับพุ่งพล่านขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เขาก้าวถอยไปสองก้าวและกลับมายืนตรงหน้าซูโย่วอี๋ใหม่อีกครั้ง
ยามรักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นใบหน้าอันไม่สู้ดีของเขา จึงถามขึ้นอย่างกังวล “ประธานลู่ คุณยังมีธุระอะไรอีกเหรอครับ?”
ลู่เฉินไม่ได้หันไปมองยามคนนั้น และตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา “รบกวนคุณช่วยหลีกไปหน่อย ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณซูตามลำพัง”
ทว่ายามรักษาความปลอดภัยไม่ได้ขยับไปไหน
แต่ซูโย่วอี๋ปล่อยมือออกจากยามคนนั้น “ไม่เป็นไร ฉันจะฟังเขา”
ได้ยินอย่างนั้นยามจึงยอมเดินออกไป แต่ก็ไม่ได้ออกไปไกลมากนัก เพียงแค่ซูโย่วอี๋เอ่ยปากเรียกเขาก็วิ่งมาถึงได้ภายในไม่กี่วินาที
ตอนนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน อารมณ์ของลู่เฉินดูสบายมากขึ้น
ซูโย่วอี๋เม้มริมฝีปาก “คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเลยค่ะ”
มุมปากของลู่เฉินกำลังยิ้มแต่ดวงตาของเขากลับไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย “คุณซู ผมเข้าใจได้ที่ตอนนี้คุณไม่ได้ชอบผม”
“พวกเราเจอกันมาได้แค่ไม่กี่ครั้ง แต่ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงพูดออกมาอย่างมั่นใจขนาดนั้นว่าเราไม่มีทางคบกันได้?”
“คุณทำนายอนาคตงั้นเหรอ? ถ้าไม่ งั้นก็ดูเหมือนว่าคุณกำลังพยายามหลีกเลี่ยงผมอยู่สินะ?”
“หรือจะบอกว่า คุณกังวลว่าการที่ผมเข้าใกล้คุณ มันจะทำให้คุณหลงรักผม?”
มีความหงุดหงิดอยู่ในคำพูดของลู่เฉิน แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมเหมือนเคย
ทันใดนั้น ลู่เฉินใช้มือทั้งสองข้างกอดซูโย่วอี๋เอาไว้ และเข้าไปใกล้ ๆ หูของเธอ “คุณซู”
“ผมยอมรับว่าผมไม่ใช่คนซื่อบื้อ และจะไม่พยายามในเรื่องที่ตัวผมไม่มั่นใจ”
“นี่คงไม่ใช่ว่าคุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม เพราะอย่างน้อย ๆ คุณก็รู้สึกดีกับผมมากกว่าผู้ชายที่ชื่อซิดใช่ไหม?”
ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ปฏิเสธซิด และเลือกให้ลู่เฉินเป็นคนพยุงเธอขึ้นรถมา
ซูโย่วอี๋แกล้งทำเป็นไม่หวั่นไหว “คุณคงคิดมากเกินไป”
ลู่เฉินหัวเราะอย่างไม่เชื่อ “งั้นเหรอ?”
“คุณต้องโกหกตัวเองให้ได้ก่อน ถึงจะโกหกคนอื่นได้นะครับ”
ซูโย่วอี๋ผลุบตาลงต่ำ เพราะสู้กับความรู้สึกของตัวเองแทบไม่ไหว
ต่อให้เธอแสดงละครได้ดีมากแค่ไหน ก็จะต้องมีช่วงเวลาที่ความรู้สึกจริง ๆ ของเธอนั้นถูกเปิดเผย
ลู่เฉินเป็นคนที่เล่นกับจิตใจของผู้คนได้ดี เธอจะปกปิดเขาได้อย่างไร?
ไปเถอะ
พรุ่งนี้ไปเลย
ไปอเมริกา จากไปให้ไกลแสนไกล
“ประธานลู่ ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
น้ำเสียงของซูโย่วอี๋เต็มไปด้วยความแน่วแน่ “ฉันไม่ใช่นักอภิปรายที่จะต้องต่อสู่กับคุณถึงการแพ้ชนะหรือความถูกผิด ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ถ้าคุณคิดว่าฉันชอบคุณงั้นก็คิดไปเถอะ”
“ต่อจากนี้ไปพวกเราไม่ต้องมาเจอกันอีกก็พอ ประธานลู่ก็ไม่ใช่คนที่จะไม่มีใครเข้าหา ไม่จำเป็นจะต้องยึดติดกับฉันคนเดียวหรอกค่ะ”
ลู่เฉินไม่ขยับไปไหน
ซูโย่วอี๋เองก็ไม่ได้รีบร้อน “ไม่ไปเหรอคะ? คุณจะอยู่เจอพ่อกับแม่ของฉันเหรอ?”
“หรือจะเข้าไปดื่มชา?”
ใบหน้าของลู่เฉินมืดมน “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้นี่”
แต่มือของเขากลับค่อย ๆ คลาย และปล่อยซูโย่วอี๋ไป
ตอนนี้ยามรักษาความปลอดภัยรีบเข้ามาพาตัวซูโย่วอี๋ออกไป
ทว่าลู่เฉินยังยืนอยู่ที่เดิม มองดูประตูบานใหญ่ปิดลงอีกครั้งจึงค่อยเดินไปขึ้นรถ
พร้อมกับดวงตาหมองหม่น
เขาไม่เข้าใจ ทำไมซูโย่วอี๋ถึงต้องปฏิเสธเขาอยู่เสมอ?
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้เกลียดเขาและยังมีความรู้สึกดี ๆ อยู่บ้าง แต่ทำไมถึงกลับผลักไสเขาให้ออกไปไกล ๆ?
ไม่เจอกันอีกแล้ว?
ลู่เฉินกำพวงมาลัยแน่น อย่าคิดว่าเขาจะยอม!
เขาตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาจะสนับสนุนการตั้งสาขาของบริษัทเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ในประเทศอเมริกาอย่างเต็มที่
ถ้าคุณหนีไปอเมริกา ผมก็จะตามไปถึงอเมริกา
…
ตอนที่ซูโย่วอี๋มาถึงบ้าน ซุ่ยซุ่ยนอนหลับไปแล้ว ไม่งั้นก็คงจะทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยที่ทำหน้าเคร่งขรึมและถามเธอถึงอาการบาดเจ็บที่เท้า
ซูโย่วอี๋ลูบผมบนหน้าผากของซุ่ยซุ่ยอย่างเบามือ
“เติบโตมาดี ๆ นะ ฮันเจียมู่”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อสั่นขึ้น ซูโย่วอี๋หยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นซูหยินที่โทรมา
“ฮัลโหล?”
“[ที่รัก เธอถึงบ้านปลอดภัยดีใช่ไหม?]”
ซูโย่วอี๋ส่งเสียงอืมกลับไป หลังมื้ออาหารเย็นของซูหยินจบลง เธอไม่ค่อยพอใจกับเรื่องที่ยุให้ลู่เฉินมาส่งกลับบ้าน “หยินหยิน เธอกำลังพยายามจับคู่ฉันกับลู่เฉินใช่ไหม?”
“[ใช่ ฉันรู้สึกว่าพวกเธอเหมาะสมกันมากเลยนะ]”
“[ฉันได้ยินมาจากจิวจิว ครั้งที่แล้วประธานลู่ให้ทรานส์ฟอร์เมอร์กับเพื่อนของซุ่ยซุ่ยทั้งชั้นเรียนเลยนะ เธอดูสิ เขาดีจะตาย]”
ซูโย่วอี๋ลูบหน้าผากตัวเอง “เธออย่าทำให้เรื่องมันวุ่นวายเลย”
เธอนึกถึงพฤติกรรมอันเกินขอบเขตของลู่เฉินเมื่อครู่นี้ รวมกับช่วงนี้ที่เธอมักจะเจอกับลู่เฉินอยู่บ่อย ๆ จึงถามขึ้นอย่างลังเล “หยินหยิน ในหัวของเธอเคยมีภาพอะไรแปลก ๆ แวบขึ้นมาบ้างไหม?“
อีกฝ่ายเงียบไปสองวินาที “[ภาพอะไร?]”
“ก็… ภาพที่เธอไม่เคยทำมาก่อน แต่กลับเหมือนว่าเคยทำสิ่งนั้นมาแล้ว”
ซูหยินพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “[ไม่มีนะ]”
“[เธอกำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย]”
ไม่มีก็ดี “ไม่มีอะไร รีบนอนพักผ่อนเถอะ”
แต่ซูโย่วอี๋กลับรู้สึกแปลก ๆ เธอเข้าไปในระบบจากจิตสำนึก และเปิดข้อตกลงในพื้นที่รายการส่วนบุคคล
พร้อมทั้งอ่านเงื่อนไขนั้นอีกครั้ง
เงื่อนไขสำคัญเป็นไปตามด้านล่างนี้ :
1. ไม่สามารถเข้าหาลู่เฉินได้ ถ้าเข้าหาเขาหนึ่งก้าว ความทรงจำที่ถูกปิดไว้ของซูหยินจะคลายออกทีละน้อย
2. หากกลับไปคบกับลู่เฉินอีกครั้ง ซูหยินจะจดจำเรื่องทุกอย่างได้
หมายเหตุ: ระบบจะสุ่มเลือกบุคคลที่จะจดจำเรื่องราวของซูหยินเอาไว้หนึ่งคน
สุนัขจิ้งจอกตามเธอมาจากด้านหลัง [ซู่จู่ คุณกำลังทำอะไรน่ะ?]
ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว “ฉันกำลังคิดว่าก่อนหน้านี้ที่ฉันกับลู่เฉินตอนเจอกันจะถือเป็นการเข้าหาเขาหรือเปล่า”
“คำจำกัดความของคำว่าการเข้าหามันคืออะไรกันแน่?”
ตามหลักเหตุและผล การที่เธอและลู่เฉินพบเจอกันนั้นมากกว่าการเข้าหาด้วยซ้ำ แต่ซูหยินกลับนึกเรื่องในอดีตไม่ออกเลย ทำไมกันนะ?
ระบบมีช่องโหว่งั้นเหรอ?
สุนัขจิ้งจอกปฏิเสธในทันที [ระบบไม่มีทางมีช่องโหว่ ถ้าหากมีช่องโหว่ก็น่าจะเป็นเพราะคนทำสัญญาอย่างแน่นอน แต่ความเป็นไปได้นั้นก็น้อยมากเช่นกัน]
สุนัขจิ้งจอกนิ่งไปครู่หนึ่ง ก็พูดต่อ [ซู่จู่ คุณพบเจอปัญหาอย่างนึงไหม]
“อะไร?” ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้น
สุนัขจิ้งจอกชี้ไปที่สัญญา [สัญญานี้มีช่องโหว่จริง ๆ]
[ในสัญญาระบุเพียงแค่ความทรงจำของซูหยินเท่านั้น การที่คุณคบกับลู่เฉินจะเป็นเพียงการทำให้ซูหยินนึกเรื่องพวกนั้นขึ้นมาได้ แต่จะไม่สามารถส่งผลกระทบต่อคนทั่ว ๆ ไปที่ถูกลบความทรงจำ]
[พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าตอนนี้คุณคบกับลู่เฉิน ก็มีเพียงซูหยินเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ]
[สำหรับคนอื่น เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับซูหยินจะไม่มีอีกแล้วตลอดกาล]
ซูโย่วอี๋นิ่งค้าง ไม่มีอีกแล้วตลอดกาล?
“นายแน่ใจใช่ไหม?“
สุนัขจิ้งจอกพยักหน้า [ฉันเข้าใจแบบนั้น]
[ประธานลู่ช่างน่าสงสาร คุณอยากจะลองดูหน่อยไหม กลับไปคบกับลู่เฉินใหม่อีกครั้ง]
ทันทีที่ได้รับข้อมูลนี้ ซูโย่วอี๋รีบตอบกลับในทันที
“ขอฉันคิดดูก่อน”
ไม่รอให้ซูโย่วอี๋ได้คิดทบทวน วิทยาลัยฮิลเบิร์ตก็ส่งประกาศการเข้าเรียนมาให้ และให้ซูโย่วอี๋เข้าไปรายงานตัวที่วิทยาลัยฮิลเบิร์ตภายในสองวัน
วันออกเดินทาง ซูหยินมาส่งเธอที่สนามบิน
“ที่รัก ครั้งหน้ากลับมาแบรนด์ของฉันก็จะเปิดตัวแล้ว ไม่ว่าจะมีเวลาหรือไม่มี เธอก็ต้องกลับมาเป็นนางแบบให้ฉันนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ซูโย่วอี๋มองรอยยิ้มของซูหยิน “หยินหยิน เธอชอบชีวิตตอนนี้ไหม?”
“ชอบสิ”
“ถ้าหากชีวิตของเธอเคยมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เธอจะกล้าเผชิญหน้ากับมันไหม?”
ซูหยินจ้องมองไปยังซูโย่วอี๋ หลังจากนั้นเธอก็เปิดปากพูดอย่างจริงจัง “แน่นอน”
”โย่วอี๋ แม้ว่าฉันจะเคยมีอดีตที่น่าอับอาย แต่หลายปีมานี้เธอ จิวจิว และคนโง่ต่างก็ทำให้ฉันเชื่อมั่นในตัวเองและมีความกล้าหาญเพิ่มขึ้น ตอนนี้มันก็มากพอที่จะให้ฉันเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง”
“ตอนนี้ฉันหวังแค่อยากให้เธอมีความสุข”
ความชื้นก่อตัวขึ้นในดวงตาของซูโย่วอี๋ “อืม”