บทที่ 360 เป็นใครกันแน่
บทที่ 360 เป็นใครกันแน่
ซูโย่วอี๋ขึ้นเครื่องบินไปแล้ว ในขณะที่กำลังสะลึมสะลือ เธอก็คิดถึงคำพูดของซูหยิน
“เจ้าจิ้งจอกเน่า นายคิดว่าคนที่จำเรื่องราวทุกอย่างได้ทั้งหมดจะเป็น… ซูหยินไหม?”
แม้ซูโย่วอี๋ไม่อยากเชื่อ แต่จากทุกอย่างมันบ่งชี้ให้เห็นว่าซูหยินมีท่าทางที่แปลกมากจริง ๆ
สุนัขจิ้งจอกนิ่งเงียบ
จริง ๆ แล้วเขาเองก็คาดเดาเอาไว้เหมือนกันว่าสิ่งที่ซูโย่วอี๋พูดเป็นเรื่องจริง แต่เขาไม่อยากตอบอะไร
เพราะถ้ามันคือเรื่องจริง สิ่งที่โรงรับจำนำไร้กังวลทำนั้นก็ไร้มนุษยธรรมเกินไป
สิ่งที่ซูโย่วอี๋คาดหวังไว้ก็คือการลบความทรงจำอันทุกข์ทรมานของซูหยิน แต่โรงรับจำนำกลับเป็นฝ่ายละเมิดเจตนารมณ์ของสัญญานี้เสียเอง
[ซู่จู่ งั้นลองไปถามที่โรงรับจำนำไหม?]
ซูโย่วอี๋ไม่ลังเล เธอเข้าไปยังโรงรับจำนำไร้กังวลทันที
เสียงกระดิ่งลมอันคุ้นเคยดังขึ้น
หญิงชราที่นอนอยู่บนเก้าอี้เอนได้ใต้ต้นหอมหมื่นลี้ลืมตาขึ้น “เสียงกระดิ่งลมดัง เพื่อนเก่ากลับมาแล้วสินะ”
“แม่หนู ทำไมถึงมาที่นี่อีกแล้วล่ะ?”
ซูโย่วอี๋ทำหน้าจริงจัง “คุณยาย ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณ”
“มีเรื่องอยากจะถามงั้นเหรอ…” น้ำเสียงอันแผ่วเบาของหญิงชราล่องลอยไปในอากาศ
“ฉันความจำไม่ดี น่าจะจำอะไรไม่ได้แล้ว”
ซูโย่วอี๋หยิบหนังสือสัญญาขึ้นมา “คุณลองดูสิ”
หญิงชราโบกมืออันผอมแห้งไปมา “ไม่ต้อง ฉันรู้เนื้อหาของมันหมดแล้ว เธออยากจะถามอะไรก็ถามมาเลย”
ซูโย่วอี๋ค่อย ๆ เปิดปากพูด “คนที่ถูกเลือกให้จดจำเรื่องราวทุกอย่างได้คือใครกัน?”
หญิงชราเบือนสายตาออกไป “ใครงั้นเหรอ…”
“ฉันบอกเธอไม่ได้ เรื่องนี้ต้องให้เธอเป็นคนค้นพบด้วยตัวเอง”
ซูโย่วอี๋ก้าวเข้าไปด้านหน้าสองก้าว “ได้ ยังมีอีกเรื่องที่ฉันอยากได้รับคำยืนยันจากคุณ คนที่ถูกสุ่มเลือกจะเป็นซูหยินได้ไหม?”
ครั้งนี้หญิงชราไม่ได้เล่นแง่อะไร “จะเป็นใครคนไหนก็ได้”
“งั้นมันจะไม่เป็นการผิดสัญญาเหรอ? เงื่อนไขในข้อตกลงของเราคือการลบความทรงจำของซูหยินนะ!”
สิ่งที่ซูโย่วอี๋พูดออกไปมันเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกอัดแน่น
หญิงชราลุกขึ้นนั่ง “อย่ารีบร้อนไป”
“ตามขั้นตอนของเงื่อนไขสัญญา อย่างแรกคือการดำเนินการ แล้วค่อยดำเนินการต่ออีกครั้ง ท้ายที่สุดการสุ่มเลือกสามารถแทนที่ลงไปในข้อกำหนดต่าง ๆ ได้ และโรงรับจำนำไม่มีทางผิดสัญญา”
พูดมาถึงตรงนี้ ซูโย่วอี๋ดูจะมั่นใจถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าคนที่ถูกให้เก็บความทรงจำเอาไว้ก็คือซูหยิน!
เหลือเพียงแค่ตรวจสอบเท่านั้น
“คุณยายคะ ข้อตกลงของคุณช่างใจร้ายจริง ๆ”
“ถ้าหากว่าซูหยินจดจำเรื่องทั้งหมดได้ งั้นการที่ฉันยอมเสียสละความรักมันก็ไร้ความหมายน่ะสิ?”
หญิงชราพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ทำไมจะไม่มีความหมาย? อย่างน้อย ๆ ซูหยินก็ยังมีชีวิตอยู่”
“ออกไปเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว”
ชั่วพริบตาเดียว ซูโย่วอี๋ถูกผลักให้ออกมาจากโรงรับจำนำมายืนอยู่ที่หน้าประตูร้าน
สุนัขจิ้งจอกมองเธอด้วยความงุนงง แต่ซูโย่วอี๋เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น
สุนัขจิ้งจอกก็เข้าใจในความหมายของเธอในทันที [ซู่จู่ ในเมื่อซูหยินจำเรื่องราวทุกอย่างได้ งั้นการที่คุณจะคบหรือไม่คบกับลู่เฉินนั้นก็ไม่มีผลกระทบอะไรแล้ว]
โรงรับจำนำทำเหมือนเธอเป็นแค่ของเล่น
…
ซูโย่วอี๋เดินทางไปได้ไม่นาน ลู่เฉินก็ขึ้นเครื่องบินตามไป หลังจากนั้นก็ถึงสนามบินที่อเมริกา
ผู้ดูแลสาขามารับเขา “ประธานลู่”
ลู่เฉินเดินไปพร้อมทั้งถามขึ้น “หาคนที่จะเป็นพรีเซนเตอร์ได้หรือยัง?”
ผู้ดูแลเดินตามลู่เฉินไปอย่างติด ๆ “ครับ บริษัทได้ยื่นขอความประสงค์ให้ผู้สมัครที่คุณเลือกมาแล้วครับ”
“ในด้านความนิยมและอิทธิพล หากเชิญเอสเธอร์มาเป็นพรีเซนเตอร์ได้จะดีมากที่สุด เธอเคยปรากฏตัวในรายการพิเศษช่วงปีใหม่ของ [นิตยสารรายสัปดาห์] ตอนนั้นเธอเอาชนะคู่แข่งทั่วโลกได้กว่าหมื่นคน”
ฝีเท้าของลู่เฉินชะลอลง “เน้นความสนใจไปที่เอสเธอร์ ที่เหลือเอาไว้เป็นตัวเลือก”
การเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ในอเมริกาจะต้องยิ่งใหญ่
ผู้ดูแลพยักหน้า “ได้ครับ จากการติดต่อไปก่อนหน้านี้ ทีมผู้บริหารของเอสเธอร์ค่อนข้างพอใจกับพวกเรา และมีความตั้งใจที่จะร่วมมือด้วย”
“พอดีกับที่วันนี้ต้องไปที่บริษัทเพื่อพูดคุยเพิ่มเติม คุณจะเข้าร่วมการประชุมด้วยไหมครับ?”
“อืม”
ทำเลของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์ในอเมริกาต้องได้มาตรฐานและหรูหรา บริษัทจึงตั้งอยู่ในแหล่งรวมของบริษัทบันเทิงและสื่อชื่อดังมากมาย
ทั้งสองพึ่งก้าวเข้าประตูของบริษัท ผู้ช่วยก็ทักทายเขาด้วยความเคารพ “ประธานลู่ ประธานเซิน”
ท่าทางของเขาดูนอบน้อม “เอสเธอร์รออยู่ในห้องประชุมแล้วครับ เพราะประธานเซินไม่ได้ไปรับด้วยตัวเอง ตอนนี้สีหน้าของเธอเลยไม่ค่อยดี”
ในวงการ เอสเธอร์ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องอารมณ์ที่ไม่แน่นอนของเธอ
ดวงตาเย็นชาของลู่เฉินเบิกขึ้นเล็กน้อย “ผมไปพบเธอเอง”
เขาผลักประตูห้องประชุมเข้าไป เห็นหญิงสาวชาวต่างชาตินั่งอยู่บนเก้าอี้ ต่อให้ไม่มีคนอยู่ เธอก็ยังคงรักษาท่าทางที่ดีเอาไว้ตลอด
เธอสวมชุดเดรส เผยให้เห็นถึงส่วนโค้งเว้าอันสมบูรณ์แบบ
สมกับที่เป็นนางแบบแถวหน้าคนหนึ่งในวงการ
“สวัสดีครับ ผมลู่เฉิน”
เอสเธอร์ยังไม่ได้สนใจอะไร เธอใช้มือขวาแตะไปที่มือของเขาและถอนมือออกทันที “บริษัทของคุณควรต้อนรับให้ดีกว่านี้นะคะ หรือฉันไม่ดีพอให้พวกคุณสนใจ”
น้ำเสียงของลู่เฉินอ่อนลง “พูดเป็นเล่นไป ประโยคนี้ดูจะบังคับกันไปหน่อยไหมครับ สิ่งที่ออกมาจากปากของคุณเห็นได้ชัดว่ามันมาจากความโกรธ”
ผู้ดูแลเข้ามาช่วย “เพื่อความร่วมมือกันในครั้งนี้ ประธานลู่ผู้เป็นผู้บริหารจากสำนักงานใหญ่ของเทียนฉีเอนเทอร์เทนเมนต์จึงรีบบินมาที่นี่โดยเฉพาะเลยนะครับ เขามาด้วยความจริงใจ ถ้ายังไม่มากพอต้องขอโทษด้วยครับ”
พอได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเอสเธอร์ก็อ่อนลงและไม่ได้ทำหน้าบึ้งตึงอีก
การพูดคุยเรื่องความร่วมมือผ่านไปได้อย่างราบรื่น และทั้งหมดได้เซ็นสัญญาพรีเซนเตอร์ในทันที
หลังจากนั้นลู่เฉินจึงกลับไปที่ห้องทำงานโดยมีผู้ดูแลตามมาด้วย
“ประธานลู่ โชคดีนะครับที่คุณอยู่ด้วย ไม่งั้นเอสเธอร์ไม่มีทางยอมประนีประนอมไวขนาดนี้แน่”
ลู่เฉินไม่ได้ปฏิเสธ “คนที่มีความสามารถก็มักจะเป็นแบบนี้แหละ เธอนั่งอยู่บนบัลลังก์อันดับหนึ่งในอเมริกาได้ จะให้พวกเราโอนอ่อนลงบ้างก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้”
ไม่รู้ว่าผู้ดูแลคิดอะไรขึ้นมา “การเลือกคนขึ้นปก [นิตยสารรายสัปดาห์] ฉบับพิเศษวันปีใหม่ เดิมทีแล้วเอสเธอร์ไม่ได้เป็นที่หนึ่งครับ มันเป็นข้อผิดพลาด”
ลู่เฉิน “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?”
“ครั้งนั้นคนที่ได้ที่หนึ่งเป็นอีกคน แต่เพราะพนักงานไม่สามารถติดต่อเธอได้ กระทั่งต้องเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ตไป เพราะหวังว่าจะหาคนที่ถ่ายรูปเจอ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครแสดงตัวมาเลย เอสเธอร์ที่เป็นที่สองจึงได้ตำแหน่งไปแทน การขึ้นหน้าปกในครั้งนั้นจึงทำให้คุณค่าในตัวเธอสูงตามไปด้วย”
“ผมมีรูปภาพของคนที่ได้ที่หนึ่งอยู่ที่ห้องทำงานพอดี ถ้าคุณสนใจผมจะให้คนส่งมาให้”
ลู่เฉินไม่ได้พูดตอบกลับ หลังจากที่ผู้ดูแลออกไปแล้วจึงให้คนส่งรูปภาพนั้นมาให้เขา
แต่ลู่เฉินที่กำลังทำงานอยู่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลย “วางไว้ตรงนั้นแหละ”
ลู่เฉินทำงานจนเริ่มรู้สึกง่วงจึงหยุดทำทุกอย่าง แต่สายตาของเขามองไปยังมุมของรูปภาพบนโต๊ะทำงานและหยิบมันขึ้นมา
รูม่านตาของเขาหดลง ดวงตาเบิกกว้าง
หญิงสาวในภาพสวมหน้ากาก เผยให้เห็นผิวขาวเรียบเนียนสง่างามด้านหลัง สะบักสวยได้รูปดูน่าดึงดูดมาก
แต่พวกนั้นไม่ใช่ส่วนสำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือแมวที่อยู่ข้าง ๆ เธอ!
โต้วโต่ว!
ต่อให้โลกใบนี้จะมีแมวเป็นพันเป็นหมื่นตัว ลู่เฉินก็ไม่มีทางมองผิด
ผู้หญิงคนนี้… เป็นใครกันแน่!
รูปภาพนี้ถูกถ่ายเอาไว้เมื่อสามปีก่อน สามปีก่อนโต้วโต่วอยู่กับลู่เฉิน เขาไม่เคยเอาโต้วโต่วไปให้ใครอื่น มันไม่เคยหายไปไหน งั้นทำไมโต้วโต่วถึงไปถ่ายรูปกับผู้หญิงคนนี้ได้ล่ะ?
ภาพตัดต่องั้นเหรอ?
ไม่ ลู่เฉินมองออกว่ารูป ๆ นี้ไม่ได้ถูกตัดต่อ
ถ้าอย่างนั้นความทรงจำส่วนหนึ่งของเขาหายไปจริง ๆ งั้นเหรอ!?