สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?! – ตอนที่ 111.1 ความอ่อนโยนของตงฟางไป๋ (1) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เล่อเหยาเหยาเคลิบเคลิ้มสบาย นอนขี้เกียจอยู่บนหญ้าอ่อนนุ่มนั้น จมูกได้กลิ่นหอมสดชื่นของหญ้า ทำให้ร่างกายอ่อนล้าของเธอผ่อนคลายลง

แต่ขณะที่เธอใกล้จะเข้าสู่ห้วงฝัน พลันได้กลิ่นหอมหวานเข้ามา นั่นคือเสี่ยวหลงเปา ขนมขึ้นชื่อที่สุดของโรงเตี๊ยมหลูอวี้!

การแข่งเรือมังกรครั้งก่อน หลังจากตงฟางไป๋เชิญตนไปทานอาหารที่โรงเตี๊ยมหลูอวี้ เล่อเหยาเหยารักเสี่ยวหลงเปาของโรงเตี๊ยมหลูอวี้เข้าอย่างเต็มเปา

น่าเสียดาย เพราะโรงเตี๊ยมหลูอวี้เป็นโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ของภายในจึงแพงอย่างมาก

แม้แค่เสี่ยวหลงเปาลูกเล็กๆ ลูกเดียว ก็ราคาตั้งสองตำลึง

สองตำลึง!

สำหรับเธอขันทีน้อยที่ได้รับเงินเดือนเพียงสองตำลึง เดิมทีกินไม่ได้อยู่แล้ว

เพียงแต่ เธอไม่เคยลืมเลือนรสชาติของเสี่ยวหลงเปาเลย กระทั่งในความฝันหลายครั้ง ต่างฝันว่าตนกำลังได้กินเสี่ยวหลงเปาอีกครั้ง

ตอนนี้ เธอคงใกล้จะเข้าอยู่ห้วงฝันแล้วใช่หรือไม่!

แต่กลิ่นหอมเย้ายวนใจนั้น มันช่างเกินไปจริงๆ ช่างเหมือนว่าเสี่ยวหลงเปานั้นอยู่ไม่ไกล

เล่อเหยาเหยาสะลืมสะลือ แต่การรับกลิ่นนั้นไวอย่างมาก

เมื่อหลับตาดมกลิ่นหอมหวนนั้น เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงน้ำลายไหลออกมาเต็มช่องปาก ทำให้แลบลิ้นสีชมพูออกมาเลียริมฝีปากตามจิตใต้สำนึกของเธอ ท่าทางนั้น คล้ายแมวน้อยจอมตะกละตัวหนึ่ง

ขณะที่เล่อเหยาเหยาน้ำลายไหลเพราะกลิ่นหอมหวนนี้ พลันได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นมา

เสียงหัวเราะนั้นทั้งอ่อนโยนสง่างาม ทั้งคุ้นหู คล้ายกับ…

“เอ่อ พี่ไป๋!”

ขนตากระพริบอยู่ชั่วขณะ ก่อนเล่อเหยาเหยาจะลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย เมื่อเห็นตงฟางไป๋ที่ไม่รู้มาอยู่ข้างกายตนตั้งแต่ใด ใบหน้าจิ้มลิ้มปรากฎความแปลกใจขึ้นมา

สำหรับความแปลกใจของเล่อเหยาเหยา ตงฟางไป๋เพียงยิ้มมุมปากอย่างสง่างามชวนหลงใหลขึ้นมา จากนั้นชูห่อกระดาษน้ำมันในมือไปมาตรงหน้าเล่อเหยาเหยา และเอ่ยขึ้นว่า

“น้องเหยาหิวหรือไม่! ข้าซื้อเสี่ยวหลงเปามาฝากเจ้า!”

“อา พี่ไป๋ช่างดีเสียจริง เมื่อครู่ข้าคิดว่าฝันไป ว่าตนเองได้กินเสี่ยวหลงเปา คิดไม่ถึงว่าจะคือความจริง!”

เมื่อได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยายิ้มกว้างขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ และไม่เกรงใจ รับห่อกระดาษน้ำมันในมือตงฟางไป๋มาแล้วเปิดออก

เห็นเพียงภายในห่อกระดาษน้ำมัน มีเสี่ยวหลงเปาจำนวนมาก หลังจากเล่อเหยาเหยาแกะห่อกระดาษน้ำมันออก กลิ่นหอมนั้นก็พลันโชยเข้าจมูกเล่อเหยาเหยาทันที

เมื่อได้กลิ่นหอมของเสี่ยวหลงเปาเต็มจมูก น้ำลายของเล่อเหยาเหยาแทบไหลออกมา และท้องเธอเวลานี้ส่งเสียงร้องประท้วงอย่างไม่เกรงใจ

เสียง ‘จ๊อกๆ’ ดังขึ้น ทำให้เล่อเหยาเหยาอดหน้าแดงเพราะเขินอายไม่ได้ ก่อนแลบลิ้นอย่างซุกซนหัวเราะให้กับตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้าง

“ฮ่าๆ ข้าคงหิวเกินไป ขายหน้าพี่ไป๋แล้ว”

“ฮ่าๆ หากหิวก็รีบกินเถิด เสี่ยวหลงเปาเย็นแล้วจะไม่อร่อย”

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยาลูบหน้าท้องอย่างน่ารักซุกซน ตงฟางไป๋อดมีสีหน้าอ่อนโยนลงไม่ได้ ก่อนยิ้มอย่างสบายตา พลางเอ่ยขึ้น

เล่อเหยาเหยาได้ยินก็ไม่เกรงใจ ยื่นมือหยิบเสี่ยวหลงเปาในกระดาษน้ำมันยัดเข้าปาก

เมื่อรู้สึกถึงความนุ่มชุ่มชื่นเข้าไปในปาก เล่อเหยาเหยาอดยิ้มจนตาหยีไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยท่าทางมีความสุขพออกพอใจอย่างมาก

ท่าทางนั้น คล้ายเธอได้ครอบครองโลกทั้งใบนี้

เห็นเล่อเหยาเหยาเพราะเสี่ยวหลงเปาลูกเดียว ก็มีท่าทางพอใจเช่นนี้ กลับทำให้ตงฟางไป๋ที่อยู่ด้านข้างอดตะลึงไม่ได้

เพราะในโลกนี้ คนมักเห็นแก่ตัว ปรารถนาในอำนาจ ไม่เคยเอ่ยคำว่าเพียงพอ

แต่เด็กหนุ่มตรงหน้า เพราะเสี่ยวหลงเปาเพียงลูกเดียว กลับพออกพอใจเช่นนี้ ช่างพบได้ยากบนโลกใบนี้

เห็นเช่นนั้น ตงฟางไป๋ยิ้มกว้างมากขึ้น กระทั่งสายตาที่มองเล่อเหยาเหยาพลันปรากฏความทะนุถนอมขึ้นมาโดยที่เขารู้ตัว

ส่วนเล่อเหยาเหยาที่กินเสี่ยวหลงเปาอย่างเอร็ดอร่อย หลังรู้สึกถึงความอ่อนโยนและสงสัยของตงฟางไป๋ ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึงชั่วขณะ ทว่าเธอไม่คิดมาก คิดเพียงว่าตงฟางไป๋คงหิว

เมื่อเห็นตนกินอย่างไม่เกรงใจเช่นนี้ กินโดยสนใจแต่ตนเอง ของนี้คนอื่นเป็นคนซื้อมานะ!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันละอายใจ ดังนั้นพลันรีบยื่นมือหยิบเสี่ยวหลงเปายัดเข้าไปในปากของตงฟางไป๋

“พี่ไป๋ ท่านก็กินด้วยกันเถิด”

“เอ่อ”

ปากถูกยัดเสี่ยวหลงเปาเข้าไป ทำให้รู้สึกถึงความหอมหวานอ่อนนุ่มในปาก ใบหน้าของตงฟางไป๋พลันตะลึงไปชั่วขณะ

เพียงแต่เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยากินอย่างเป็นธรรมชาติ จนปากเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน กลับรู้สึกว่า ‘เขา’ช่างน่ารักอย่างยิ่ง

กระทั่งเสี่ยวหลงเปาในปาก คล้ายอร่อยกว่าปกติ

ดังนั้น ตงฟางไป๋จึงค่อยเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาในปาก ลิ้มรสชาติอันหลากหลาย

แม้ท่าทางยัดเสี่ยวหลงเปาใส่ปากของเล่อเหยาเหยาจะดูตะกละตะกลาม แต่ตงฟางไป๋กลับคิดว่าท่าทางการกินนี้ช่างสง่างามยิ่งนัก

เห็นเพียง ตงฟางไป๋วันนี้ ยังคงขาวทั้งตัวเช่นเดิม

สวมเสื้อคลุมยาวทำจากผ้าไหมชั้นดีอันงดงาม ทำให้รูปร่างเขายิ่งดูสูงใหญ่มากขึ้น

ชายหนุ่มรูปร่างได้สัดส่วนสมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง ไหล่กว้างเอวคอด สองขาเรียวตรง และกลิ่นกายสง่างามที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทำให้เขาดูคล้ายองค์ชายผู้งามสง่าสูงศักดิ์

เมื่อมองตามร่างกายสูงใหญ่นั้นขึ้นไปด้านบน เห็นใบหน้าอันโดดเด่นเป็นพิเศษ ราวกับเทพเซียนที่เดินออกมาจากภาพวาด

อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้างดงามดุจหยกแกะสลัก เครื่องหน้าเด่นชัด คิ้วกระบี่โค้งงอไปจนถึงจอนผม ดวงตากระจ่างใส จมูกโด่งดุจสันเขา ริมฝีปากเบาบาง เส้นริมฝีปากสง่างาม สีปากอมชมพู คล้ายดอกเหมยที่เพิ่งเบ่งบานในเดือนสามนั้น

สิ่งสำคัญคือ คราบน้ำมันตรงมุมปากของเขา ทำให้เขาช่างน่าดูเสียจริง…

หล่อเหลาจนอยากกลืนกิน!

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาตะลึงไปชั่วขณะ พลันอดเม้มริมฝีปากสูดน้ำลายที่จะไหลออกมา

พลางตะโกนในใจว่า ชายงามก็คือชายงาม กระทั่งกินก็ยังล้วนน่ามองเป็นที่สุด!

แต่ที่แปลกก็คือ เล่อเหยาเหยานอกจากจะเกิดท่าทีชื่นชมตงฟางไป๋แล้ว กลับไม่มีความคิดรังเกียจใดๆ ทั้งสิ้นต่อชายหนุ่มที่โดดเด่นตรงหน้านี้เลย

อาจเป็นเพราะชายหนุ่มตรงหน้างดงามเกินไป

คล้ายความสกปรกทั้งหมดสำหรับเขา ต่างคือการดูหมิ่น

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดในใจ ตงฟางไป๋ที่นั่งอยู่ข้างเธอ ก็สังเกตถึงสายตาเฉื่อยชาของเล่อเหยาเหยา

ใบหน้าจึงตะลึงชั่วขณะ พลันยิ้มมุมปาก ยื่นมือใหญ่เรียวยาว หยิบเสี่ยวหลงเปาขึ้นอย่างสง่างามป้อนเข้าไปในปากของเล่อเหยาเหยาที่อ้าอยู่ ก่อนเผยอริมฝีปากแดง แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“มองอันใด หิวก็รีบกินเถิด”

“ฮ่าๆ ความจริงพี่ไป๋หน้าตาน่ามองเกินไป งามจนอยากกลืนกินเสียจริง! ข้าจึงอดตกตะลึงไม่ได้”

เมื่อถูกยัดเสี่ยวหลงเปาเข้ามาในปาก สำหรับตนที่ถูกท่าทางสง่างาม ใบหน้าโดดเด่นเมื่อครู่ของตงฟางไป๋ทำให้เคลิบเคลิ้ม เล่อเหยาเหยาแม้ในใจจะขวยเขิน แต่ไม่รู้เหตุใด เมื่อสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า มักทำให้เธอไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่นิดเดียว มีสิ่งใด อยากพูดอันใด พูดได้อย่างเต็มที่

ส่วนตงฟางไป๋หลังได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา เพียงยิ้มอย่างอ่อนโยน

จากนั้น พวกเขาสองคนผลัดกันกิน พลางสนทนา พลางชื่นชมทิวทัศน์งดงามดุจบทกวีภาพวาด ภายในปากเคี้ยวเสี่ยวหลงเปาที่ขึ้นชื่อของโรงเตี๊ยมหลูอวี๋ ช่างมีความสุขเสียจริง!

มองไกลออกไป ภาพนั้นช่างงดงาม ราวกับภาพวาดสีน้ำ

แต่ขณะที่เล่อเหยาเหยาและตงฟางไป๋เสพสุขที่ยากจะหาได้ในยามเที่ยง กลับไม่รู้ว่าไกลออกไปทางด้านหลังของพวกเขา มีชายหนุ่มชุดดำรูปร่างสูงใหญ่กำยำยืนอยู่ที่นั่นตลอด

หลังเที่ยงวันในฤดูร้อน แสงแดดเรืองรองงดงาม แต่แสงแดดสว่างจ้าเช่นนี้ กลับยังคงไม่ทำให้ชายหนุ่มชุดดำรู้สึกอบอุ่นใจได้

โดยเฉพาะกลิ่นอายเย็นยะเยือกที่กระจายออกมาจากตัวเขา คล้ายก้อนน้ำแข็งพันปี เปลวไฟลุกโชน ต่างไม่มีวิธีทำให้อบอุ่น

โดยเฉพาะเมื่อชายหนุ่มเห็นสองคนผลัดกันป้อนเสี่ยวหลงเปาอยู่ที่พื้นหญ้าข้างทะเลสาบ ดวงตาเย็นชาแคบยาวคู่นั้น พลันเกิดเป็นประกายไฟลุกโชนรุนแรงขึ้นมา

บนหน้าผากเอิบอิ่มนั้น เผยความไม่พอใจออกมา ริมฝีปากแดงเม้มแน่น

ท่าทางน่ากลัวดุจพญายมที่ขึ้นมาจากขุมนรกชั้นที่สิบแปดนั้น ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน

เห็นเพียงชายหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน ก่อนจะหมุนตัวจากไป พร้อมกันนั้น ห่อกระดาษน้ำมันในมือเขาร่วงหล่นจากมือ

เสียง ‘ตุบ’ ดังขึ้นพร้อมกระดาษห่อน้ำมันตกลงสู่พื้น และของภายในพลันกลิ้งหล่นออกมาอยู่บนพื้น

นั่นคือ…

เสี่ยวหลงเปาของโรงเตี๊ยมหลูอวี้

สำหรับการจากไปของชายหนุ่มทางด้านหลัง เล่อเหยาเหยาย่อมไม่รับรู้แน่นอน

เธอเพียงกินอย่างเอร็ดอร่อยกับตงฟางไป๋ สนทนากันอย่างออกรส ก่อนพลันรู้สึกถึงด้านหลังดุจหนามทิ่มแทง คล้ายตนถูกสัตว์ร้ายที่โมโหร้ายจ้องมอง ทำให้เธอตกตะลึงในใจ พลันหันหน้ามองกลับไป

แต่ด้านหลังกลับว่างเปล่าไร้ผู้คน

“หรือเธอจะรู้สึกผิดไป”

เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วเข้ม เอ่ยเบาๆ กับตนเอง

แต่เมื่อครู่ความรู้สึกคมกริบนั้นคล้ายความจริง นี่มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่!

ขณะที่เล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ ตงฟางไป๋ด้านข้าง ก็รับรู้ถึงความผิดปกติของเล่อเหยาเหยา จึงอดเอ่ยถามอย่างห่วงใยไม่ได้

“น้องเหยาเป็นอันใดหรือ”

“เอ่อ ไม่มีใด”

สำหรับนัยน์ตากังวลของตงฟางไป๋ เล่อเหยาเหยาเพียงหัวเราะออกมา พลันฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ จึงเอ่ยถามว่า

“จริงสิ พี่ไป๋ วันนี้เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ได้ ทางโรงหมอเตรียมการไปถึงไหนแล้ว”

“ฮ่าๆ เรื่องโรงหมอใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังวันประสูติไทเฮา น่าจะเปิดอย่างเป็นทางการได้ วันนี้ข้าเห็นไม่มีเรื่องใดต้องจัดการ และผ่านโรงเตี๊ยมหลูอวี้พอดี รู้ว่าเจ้าชอบกินเสี่ยวหลงเปา จึงนำมาฝากเจ้า”

ตงฟางไป๋เอ่ยขึ้นพลางยิ้ม พลันลุกขึ้นยืน เดินไปยังริมตลิ่ง จากนั้นล้างมือ

ส่วนเล่อเหยาเหยาที่ได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ ใบหน้าจิ้มลิ้มตะลึงชั่วขณะ พลันเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“พี่ไป๋เหตุใดจึงรู้ว่าข้าชอบกินเสี่ยวหลงเปาของโรงเตี๊ยมหลูอวี้”

Next

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

Status: Ongoing
เมื่อเด็กสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดข้ามเวลามายุคโบราณ อยู่ในร่างขันทีที่เป็นสตรีปลอมตัวมา ทว่าต้องปรนนิบัติพญายมผู้เกลียดชังผู้หญิงยิ่งกว่าสิ่งใด… งานนี้จะมี ‘รัก’ หรือมี ‘รอด’ กันนะ!นิยายแปลจีนโบราณ โรแมนติก-คอเมดี้ สุดฟิน จิกหมอนไปขำไป!จู่ๆ ‘เล่อเหยาเหยา’ เด็กสาวที่ข้ามเวลามาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดฟื้นขึ้นมาในร่างของผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นขันที ใช้ชีวิตอยู่ในยุคเทียนหยวนที่ไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์แถมยังได้รับหน้าที่ปรนนิบัติ ‘เหลิ่งจวิ้นอวี๋’ ท่านอ๋องแห่งวังรุ๋ยอ๋องผู้ที่อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แย้มยิ้มสนทนาขณะสังหารคนโดยไม่กะพริบตา จนทุกคนต่างขนานว่า ‘พญายม’ทั้งยังมีเสียงเล่าลือกันอีกว่า รุ่ยอ๋องคนนี้เกลียดชังผู้หญิง ชนิดที่ห้ามผู้หญิงเข้าใกล้เกินห้าก้าว!ทว่า วันหนึ่งพญายมเกิดสนใจในตัวเธอขึ้นมาเธอจะทำเช่นไร เพื่อรักษาชีวิต และความลับที่ว่าแท้จริงแล้วเธอคือ ‘ผู้หญิง’…รวมไปถึง เรื่องที่จู่ๆ ผู้หญิงในร่างขันทีน้อยคนนี้เกิดตั้งครรภ์โดยไม่คาดคิดได้เสียนี่!สวรรค์! ได้โปรดให้ฟ้าผ่าแล้วพาเธอกลับไปโลกเดิมที!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท